ปี 2021 นี้ หัวเว่ยได้เปิดตัว HUAWEI MatePad แท็บเล็ตตัวเล็กที่ย่อส่วนจากรุ่นพี่อย่าง MatePadPro 5G แต่สเปคไม่ได้ย่อเลย ด้วยหน้าจอ FullView Display ขนาด 10.4 นิ้ว ชิปเซ็ต Kirin 820 ให้ความเร็ว แรง มอบประสบการณ์ความบันเทิงอย่างเหนือชั้น เสริมด้วยประสิทธิภาพการถ่ายโอนข้อมูลด้วยการรองรับ WiFi 6 เป็นรุ่นแรกของทางหัวเว่ย เรียกว่าพร้อมตอบโจทย์การใช้งานทั้งความบันเทิง ทำงาน และการเรียนรู้ ทั้งหมดนี่ในราคาเพียง 9,990 บาท! พิเศษสำหรับคนที่สั่งซื้อในช่วง Early Bird รับฟรี HUAWEI Smart Keyboard มูลค่า 1,990 บาท นั่นเท่ากับว่าเราจะได้ HUAWEI MatePad ในราคา 8000 บาทเท่านั้น! มาดูกันเลยค่ะว่าในราคาแปดพันบาทนี้เราจะได้อะไรบ้าง
กล่อง และอุปกรณ์
HUAWEI MatePad มาในกล่องสีขาวดีไซน์เรียบหรู ปั้มแบรนด์และรุ่นของอุปกรณ์ พร้อมข้อมูลขนาดหน้าจอ การรองรับแอปพลิเคชั่นและวายฟาย ข้อมูลหน่วยความจำ และสีของตัวเครื่อง
อุปกรณ์ภายในกล่องจะประกอบไปด้วย ตัวเครื่องแท็บเล็ต HUAWEI MatePad สี Midnight Grey, อะแดปเตอร์ชาร์จไฟ 10W, สายชาร์จ USB Type-C, เข็มจิ้มถาดการ์ดหน่วยความจำ microSD, สายเคเบิ้ลอะแดปเตอร์ USB Type-C ไปยังแจ็คชุดหูฟัง 3.5 mm., คู่มือการใช้งาน, ใบรับประกัน และสำหรับใครที่สั่งซื้อในช่วง Early Bird ก็จะได้รับ HUAWEI Smart Keyboard แถมมาด้วยเลยค่ะ
ซึ่งน่าเสียดายที่ทางหัวเว่ยไม่ได้ให้หูฟังมาด้วย แถมยังให้อะแดปเตอร์ชาร์จไฟมาเพียง 10W ทำให้การชาร์จไฟแต่ละครั้งต้องใช้เวลานาน แต่มองว่าไม่ได้เป็นปัญหามากนัก เพราะโดยการใช้ชีวิตประจำวันคนเราก็มักจะชาร์จไฟในช่วงเวลาก่อนนอนและตื่นมาใช้งานในตอนเช้าอยู่แล้ว
ดีไซน์
สำหรับดีไซน์ HUAWEI MatePad มาพร้อมหน้าจอกระจกแบบ FullViewDisplay ขนาด 10.4 นิ้ว สัดส่วน16:9:6 ด้วยขอบจอบางเพียง 7.9 มิลลิเมตร เลยทำให้ได้อัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องสูงสุด 84% สามารถใช้งานได้อย่างเต็มตา กล้องหน้าถูกวางไว้บนขอบจอแนวนอน ไม่กินพื้นที่หน้าจอแสดงผลให้ขัดใจ
ตัวเครื่องทำจากวัสดุอะลูมิเนียมที่ทนทานต่อรอยขีดข่วนและรอยนิ้วมือ ไม่ก้องแก้ง ขนาดพอดีมือ ใส่เคสแล้วก็ยังไม่ให้ความรู้สึกเทอะทะ เหมาะสำหรับการพกพาไปใช้ในชีวิตประจำวันมาก ๆ ค่ะ ด้านหลังออกแบบอย่างเรียบง่าย มีโลโก้ของทางหัวเว่ยอยู่ตรงกลาง มุมบนขวามือวางกรอบกล้องหลังโชว์เลนส์ 2 ตัวและแฟลช ถัดมาด้านล่างเป็นเครื่องหมายรับรองการจูนเสียงโดย harman/kardon ค่ะ
ปุ่ม Power จะอยู่ทางด้านบนของตัวเครื่อง พร้อมลำโพงขนาดใหญ่ 2 ตัว และอีก 2 ตัวทางด้านล่าง โดยพัฒนาขึ้นด้วยเทคโนโลยีล่าสุด HUAWEI Histen 6.1 และแน่นอนว่าปรับแต่งคุณภาพเสียงโดย harman/kardon ตามที่ได้เกริ่นไปเมื่อครู่ ซึ่งอยู่ขนาบกับพอร์ตชาร์จ Type-C
ถัดมาด้านข้างเป็น ปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง และช่องไมโครโฟนทั้งหมด 4 ตัวที่จะทำหน้าที่ตัดเสียงรบกวน ส่วนอีกฝั่งของด้านข้างเป็นช่องใส่ถาด microSD Card ซึ่งแท็บเล็ตตัวนี้ไม่ได้รองรับซิมการ์ดนะคะ
สำหรับการออกแบบโดยรวม ถือว่าออกแบบมาได้สวยเลยทีเดียวค่ะ ด้วยตัวเครื่องที่ค่อนข้างกะทัดรัด ใหญ่กว่าขนาด A4 พับครึ่งนิดเดียว และมีน้ำหนักเพียง 450 กรัม หลังจากใส่เคสคีย์บอร์ดก็หนาเพิ่มขึ้นมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เรียกว่าตอบโจทย์การพกพาติดตัวไปใช้งานในชีวิตประจำวันสุด ๆ
สำหรับตัวเคส HUAWEI Smart Keyboard ทำออกมาได้บางเฉียบ วัสดุเป็นผิวหยาบนิด ๆ เวลาถือไม่ทำให้หลุดมือง่าย ส่วนตัวชอบสัมผัสการพิมพ์ของคีย์บอร์ดมาก กดง่าย ไม่ต้องออกแรง ระยะห่างของแป้นกำลังดี ดีไซน์ให้ความรู้สึกพรีเมียม เป็นอุปกรณ์เสริมที่แถมมาให้แบบคุ้มเกินราคาจริง ๆ ค่ะ
การทดสอบประสิทธิภาพ
HUAWEI MatePad มาพร้อมหน้าจอ IPS LCD ขนาด 10.4 นิ้ว ความละเอียดสูงสุด FHD 2K (2000 x 1200 พิกเซล) ทำงานบน Android 10 ครอบทับด้วย EMUI10.1 ชิปเซ็ต Kirin 820 ขนาดเล็กเพียง 7 นาโนเมตร หน่วยความจำ 4GB และให้ความจุมามากถึง 128GB (รองรับ MicroSD สูงสุด 512 GB) และรองรับ Wifi-6 ซึ่งได้คะแนนทดสอบ ผลออกมาดังนึ้ค่ะ
- ทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark ทำคะแนนได้ 382,566 คะแนน
- ทดสอบ MultiTouch รองรับ 10 จุด
- ทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน AndroBench ทำความเร็ว Storage ในการอ่านอยู่ที่ 952.82 MB/s และการเขียน 481.1 MB/s (UFS 2.1) ทำความเร็ว RAM ในการอ่านอยู่ที่ 185.73 MB/s และการเขียน 221.81 MB/s (LPDDR4X)
ซึ่งโดยรวมแล้วถือว่าทำได้ทีเลยทีเดียวค่ะ
หน้าจอ และอินเตอร์เฟส
ด้วยความที่เจ้า HUAWEI MatePad ทำงานบน Android 10 ที่ครอบทับด้วย EMUI10.1 ทำให้ได้หน้าตาอินเตอร์เฟสที่สวยงามสบายตา ด้วยการ์ดจอ Mali-G57 ที่ทำงานร่วมกับ GPU+Turbo ให้ความเร็วและการลื่นไหลอยู่ในระดับที่ค่อนข้างดี ไม่ได้ลื่นไหลเท่ารุ่นเรือธง แต่ก็ไม่ได้ติดขัดหรือหน่วงเกินไป มีโหมดถนอมสายตาให้หลากหลายตามการใช้งานเฉพาะ ทั้ง Dark mode (โหมดกลางคืน), Eye Comfort (โหมดถนอมสายตาโดยเฉพาะ) และ eBook mode (โหมดอ่านหนังสือ) ซึ่งตัวหน้าแสดงผลและโฮมสกรีนเองก็สามารถตั้งค่า/ปรับเปลี่ยนได้ค่อนข้างอิสระเลยค่ะ ไม่ว่าจะปรับความสว่างของแสง สีหน้าจอ หรือขนาดของไอคอนและตัวหนังสือ
เจ้าแท็บเล็ตตัวนี้ยังรองรับฟีเจอร์ HUAWEI Share เพื่อการใช้งานในโหมด Multi-Screen Collaboration เพิ่มสะดวกสบายมากขึ้น ในการแชร์หน้าจอสมาร์ตโฟนขึ้นมาปรากฎบนจอแท็บเล็ต ทำให้สามารถเคลื่อนย้ายแลกเปลี่ยนไฟล์ต่าง ๆ ระหว่างสองดีไวซ์ได้อย่างไร้รอยต่อ ตามกลยุทธ์ 1+8+N ของทางหัวเว่ย
และส่วนนี้ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลย นั่นคือ Desktop mode (โหมดเดกส์ท็อป) ของทางหัวเว่ย ที่จะแปลงร่างแท็บเล็ตให้กลายเป็นแลปท๊อปขนาดย่อม ยิ่งใช้งานร่วมกับคีย์บอร์ดด้วยแล้ว ก็ช่วยยืดหยุ่นการทำงานได้หลากหลายและสะดวกสบายมากขึ้น สามารถหิ้วแท็บเล็ตตัวเดียวไปไหนมาไหนเพื่อทำงานแทนแลปท็อปได้เลยค่ะ
นอกจากนี้ทางหัวเว่ยยังให้ฟีเจอร์ HUAWEI APP Multiplier มาพร้อมกับตัวแท็บเล็ต ที่จะช่วยให้สามารถใช้งาน 1 แอปพลิเคชันแบบหน้าจอคู่ขนานกันได้ ช่วยให้เราอ่านข้อมูลได้อย่างสะดวกโดยไม่ต้องเปลี่ยนหน้าจอกลับไปกลับมา
การใช้งาน
แอปพลิเคชั่น และการดาวน์โหลด
ข้อกังวลหลักของคนที่วางแผนจะซื้อผลิตภัณฑ์ของทางหัวเว่ย คงไม่พ้นคำถามที่ว่า "จะใช้งานอะไรได้บ้าง เมื่อไม่มี Google Mobile Service (GMS) จากทาง Google" คำตอบก็คือ สามารถใช้งานได้แทบทุกอย่างเลยค่ะ เพราะทางหัวเว่ยได้มีการอัปเดต Security Patch ให้ผ่านทาง EMUI รวมทั้งสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ผ่านทาง AppGallery ของทางหัวเว่ย ในนาม Huawei Mobile Service (HMS) ซึ่งตอนนี้มีการอัปเดตแอปพลิเคชันหลัก ๆ ที่ใช้งานกันเป็นส่วนใหญ่ให้สามารถดาวน์โหลดกันได้เกือบทั้งหมดแล้ว และทางหัวเว่ยยืนยันว่าจะยังมีการอัปเดตต่อไปอีกเรื่อย ๆ
สำหรับแอปพลิเคชั่นอื่น ๆ นอกเหนือจากที่มีอยู่ใน AppGallery ผู้ใช้งานก็สามารถดาวน์โหลดมาติดตั้งได้ด้วยตนเองจากผู้ให้บริการอื่น ๆ วิธีก็ง่าย ๆ เลยค่ะ เข้าเบราว์เซอร์ พิมพ์คีย์เวิร์ดแอปฯที่ต้องการ ต่อด้วยคำว่า Download จากนั้นก็กดค้นหา ก็จะมีรายชื่อขึ้นมาให้เลือกติดตั้งได้ตามสะดวก ซึ่งมองว่าไม่ได้เป็นขั้นตอนที่เข้าใจยากหรือลำบากมากนัก จากการทดลองใช้แอปพลิเคชั่นที่ดาวน์โหลดมาจากผู้ให้บริการอื่น พบว่าเบื้องต้นก็สามารถใช้งานได้ตามปกติค่ะ ยังไม่เจอข้อติดขัดอะไร เพียงแต่ขั้นตอนการอัปเดตแอปพลิเคชั่นอาจต้องคอยติดตั้งใหม่ในทุกครั้งเท่านั้นเอง
HUAWEI Smart Keyboard
สำหรับการใช้งาน HUAWEI MatePad ร่วมกับ HUAWEI Smart Keyboard ต้องบอกเลยว่าช่วยเสริมพลังกันดีมาก ๆ ด้วยข้อขัดใจเล็ก ๆ ของแท็บเล็ตที่ขนาดของหน้าจอทำให้ระยะของแป้นค่อนข้างเป็นปัญหาสำหรับการพิมพ์ การมีคีย์บอร์ดทำให้การใช้งานไหลลื่นยิ่งขึ้น ซึ่งตัว Smart Keyboard เองนอกจากจะให้สัมผัสการพิมพ์ที่ดีแล้ว ยังให้การใช้งาน Shortcut (แป้นลัด) มาอย่างหลากหลาย ช่วยลดขั้นตอนการปัดหน้าจอไปได้
ซึ่งขั้นตอนการเชื่อมต่อ Smart Keyboard ใน HUAWEI MatePad ก็ทำได้ไม่ยากเลยค่ะ เริ่มจากเปิดบลูทูธบนแท็บเล็ตและตัวคีย์บอร์ด (ปุ่มเล็ก ๆ อยู่ทางด้านขวามือ) จากนั้นก็เสียบแท็บเล็ตไว้กับแท่น (ตามภาพ) จากนั้นทั้งสองอุปกรณ์ก็จะเริ่มเชื่อมต่อกันโดยอัตโนมัติ และสามารถปิดการเชื่อมต่อได้ง่าย ๆ เพียงแค่ดึงแท่นแม่เหล็กออกจากฝาพับคีย์บอร์ด สะดวกสบายและรวดเร็ว ตอบโจทย์การทำงานในสถานการณ์เร่งด่วนมาก ๆ ค่ะ
จากการทดลองใช้งาน HUAWEI Smart Keyboard ทำให้พบปัญหาหนึ่งที่ผู้ใช้งาน Smart Keyboard ของทางหัวเว่ยต้องพบกันทุกคน นั่นคือการพิมพ์ตัวอักษร ข และ ช ไม่ได้ ซึ่งทาง MoblieGuru เราได้หา Tips เล็ก ๆ มาเป็นทางแก้ให้กับผู้ใช้งานด้วยเช่นกันค่ะ
ก่อนอื่นเราต้องทำการติดตั้งแป้นพิมพ์ภาษาไทย ด้วยการเข้าไปที่ Setting (การตั้งค่า) > System & update (ระบบและการอัปเดต) > Language & input (ภาษาและแป้นพิมพ์) เลือกที่ Microsolf SwiftKey Keyboard จากนั้นให้เลือกที่ Languages (ภาษาต่างๆ) และเลื่อนหาภาษา Thai/ไทย เพื่อติดตั้ง
จากนั้นสิ่งที่เราต้องทำคือเลือกแป้นพิมพ์ให้ตรงกับภาษา ซึ่งแป้นลัดสำหรับการเปลี่ยนภาษาคือ Ctrl+Shift ส่วนการเปลี่ยนแป้นพิมพ์คือ Alt + Spacebar ให้สังเกตสัญลักษณ์ที่ขึ้นมาระหว่างการเปลี่ยนแป้นพิมพ์ เมื่อเปลี่ยนเป็นแป้นพิมพ์ Thai/ไทย แล้ว ก็สามารถพิมพ์ตัวอักษรทุกตัวได้อย่างไม่มีติดขัดค่ะ
นอกจากคีย์บอร์ดแล้ว HUAWEI MatePad ยังรองรับปากกา M-Pencil ของทางหัวเว่ยด้วยเช่นกัน ผู้ใช้งานสามารถใช้จดบันทึก วาด ร่างภาพ ได้เช่นเดียวกับปากกาและสมุดโน้ต ขยายขอบการใช้งานให้หลากหลายขึ้นได้อีกเพียบ
การเล่นเกม และความบันเทิงต่าง ๆ
สำหรับการเล่มเกม เจ้า HUAWEI MatePad ทำได้ดีตามสเปคเลยค่ะ อาจไม่ได้ให้การแสดงผลที่ว้าวมาก แต่สามารถใช้เล่นเกมทั่วไปได้สบาย ๆ สำหรับสายเกมที่เล่นแบบหนัก ๆ จัดเต็ม น้องตัวนี้อาจยังเหมาะนะคะ
ในส่วนของการดูหนังฟังเพลง ต้องบอกว่าค่อนข้างประทับใจเลยค่ะ ด้วยอัตราส่วนจอที่กว้างและความละเอียด FHD ทำให้สามารถดูหนังดูคลิปได้แบบเต็มตา ลำโพงขนาดใหญ่ 4 ตัวที่ผ่านการจูนเสียงจาก harman/kardon ทำให้ได้ระบบเสียงเซอร์ราวด์สมจริง ช่วยเพิ่มอรรถรสในการชมคอนเทนต์ได้ดี แม้ว่าแอปพลิเคชั่นหลักอย่าง YouTube จะสามารถใช้ได้ผ่านเบราว์เซอร์เท่านั้น แต่ก็รองรับการดูแบบเต็มจอได้ ซึ่งถือว่าผ่านค่ะ นอกจากนี้หัวเว่ยเองก็มีคอนเทนต์วิดีโอและเพลงให้สามารถเข้าไปเลือกชมเลือกฟังกันได้ใน Video และ Music
นอกจากลำโพงจัดเต็ม 4 ตัวแล้ว เจ้า HUAWEI MatePad ยังให้ไมโครโฟนมา 4 ตัวเช่นกัน เพื่อทำหน้าที่ตัดเสียงรบกวนรอบข้างอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นประโยชน์มากสำหรับคนที่ต้องใช้แท็บเล็ตในการพูดคุยหรือประชุมออนไลน์
การถ่ายภาพและวิดีโอ
HUAWEI MatePad ให้กล้องหลังมาที่ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล สามารถปรับซูมได้ 10 ระดับ ถือว่าไม่มากไม่น้อยสำหรับแท็บเล็ตที่ไม่ได้เน้นการถ่ายรูปเป็นหลัก โหมดกล้องที่ให้มาก็ค่อนข้างครอบคลุมสำหรับการใช้งานพื้นฐาน ทั้งโหมด PRO, PANORAMA และ BEAUTY พร้อม AI ที่เข้ามาช่วยในเรื่องการประมวลผลของภาพ ซึ่งผลลัพธ์ของภาพก็ทำออกมาได้ไม่เลวเลยค่ะ
สำหรับกล้องหน้าเองก็มีความละเอียดที่ 8 ล้านพิกเซล เลนส์ Ultra-Wide ซึ่งจะให้มุมมองกล้องที่กว้างกว่ากล้องหน้าแท็บเล็ตทั่วไป มาพร้อมโหมด BEAUTY และลูกเล่นที่จะช่วยตัดภาพพื้นหลัง ให้เราสนุกกับการถ่ายภาพเซลฟี่ได้มากขึ้น
แบตเตอรี่
เจ้า HUAWEI MatePad มากับแบตเตอรี่ขนาด 7,250 mAh ซึ่งสามารถแสตนบายได้ถึง 28 วัน จากการทดลองใช้ทั้งการทำงาน ท่องเว็บไซต์ และชมคลิปวิดีโอในหนึ่งชั่วโมง แบตเตอรี่ลดลงไปเพียงเล็กน้อย จัดว่าแบตฯอึดอยู่พอสมควรค่ะ และด้วยปริมาณแบตเตอรี่ขนาดนี้ สามารถใช้งานได้สบาย ๆ ตลอดทั้งวันแน่ ๆ และถึงแม้จะไม่ได้ให้อะแดปเตอร์ชาร์จไวมาด้วย แต่เจ้าตัวนี้ก็ไม่ได้ใช้เวลาในการชาร์จนานเลยค่ะ แค่ไม่กี่ชั่วโมงก็เต็มอิ่มพร้อมใช้งานได้อีกครั้งแล้ว
สรุปภาพรวม
HUAWEI MatePad เป็นแท็บเล็ตที่ทำให้ว้าวได้มากกว่าที่คิดค่ะ ด้วยการรวมเอาฟีเจอร์เด่น ๆ ของทางหัวเว่ยที่ออกแบบมาเพื่อช่วยในเรื่องของการทำงานและการเรียนรู้มาไว้ครบถ้วน ทำให้เป็นแท็บเล็ตรุ่นเล็กที่ช่วยเอื้อการทำงานให้เราได้ไม่แพ้กับรุ่นใหญ่ ๆ เลย การแสดงผลไม่ได้ลื่นปรื้ดมากแต่ก็ไม่ได้ติดขัดให้เสียจังหวะ การรองรับแอปพลิเคชั่นและการทำงานโดยไม่มี GMS ไม่เป็นปัญหาเลยค่ะ เพราะทางหัวเว่ยได้พัฒนา Huawei Mobile Service (HMS) มาทดแทนในส่วนนี้ได้ดี ซึ่งเราอาจต้องใช้เวลาปรับตัวเพื่อให้ชินกับมันเล็กน้อย แต่เมื่อใช้ไปเรื่อย ๆ แล้วก็ไม่รู้สึกติดขัดอะไร เพียงแต่ต้องลองเปิดใจค่ะ ในส่วนของการทำงานร่วมกับ HUAWEI Smart Keyboard เป็นการเสริมแรงที่ดีมาก เพราะคีย์บอร์ดได้เข้ามาลดข้อจำกัดของการทำงานลงไปได้เยอะ ซึ่งส่วนตัวมองว่าหากเน้นการทำงานหรือการเรียนแบบทั่วไป ไม่ได้ต้องการวาดภาพหรือจดโน้ต การมีคีย์บอร์ดอย่างเดียวก็เพียงพอแล้วสำหรับการใช้งาน ส่วนของการรับชมความบันเทิงก็ทำได้ดีทั้งการแสดงผลของภาพและเสียง เรียกได้ว่าเป็นแท็บเล็ตที่คุ้มมาก ๆ ในราคาเพียง 9,990 บาทค่ะ