Apple เปิดตัว iPad Air ใหม่ มาพร้อมชิป Apple M1 และกล้องหน้าอัลตร้าไวด์ กับคุณสมบัติ "จัดให้อยู่ตรงกลาง" (Center Stage) ที่ช่วยให้การประชุมทางวิดีโอเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น, พอร์ตเชื่อมต่อ USB-C ที่มีความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า และ 5G ที่เร็วสุดแรงในรุ่นเซลลูลาร์ ทั้งหมดนี้มาในราคาเริ่มต้นที่ 20,900 บาท โดย iPad Air ใหม่ จะพร้อมให้สั่งซื้อและจะวางจำหน่ายเร็วๆ นี้
ชิป Apple M1 ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด
ชิป M1 สุดล้ำใน iPad Air ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้กับแอปและเวิร์กโฟลว์ที่ต้องใช้พลังประมวลผลหนักๆ ได้อย่างก้าวกระโดด พร้อมด้วยความสามารถในการประหยัดพลังงานและแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ตลอดทั้งวัน CPU แบบ 8-core มาพร้อมประสิทธิภาพการทำงานที่เร็วขึ้นถึง 60% และ GPU แบบ 8-core มีประสิทธิภาพด้านกราฟิกที่เร็วขึ้นถึง 2 เท่าเมื่อเทียบกับ iPad Air รุ่นก่อนหน้า Neural Engine แบบ 16 คอร์พร้อมด้วย CPU และ GPU คือขุมพลังขับเคลื่อนคุณสมบัติการเรียนรู้ของระบบ (ML) ขั้นสูงที่ช่วยมอบประสบการณ์ที่เหนือชั้น ซึ่งด้วยประสิทธิภาพของชิป M1 นี้ ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถตัดต่อวิดีโอระดับ 4K หลายสตรีม ไปจนถึงการเล่นเกมที่เน้นกราฟิกหนักๆ การออกแบบห้องใหม่ในรูปแบบ 3D หรือสัมผัสประสบการณ์ความจริงเสริม (AR) ที่สมจริงยิ่งขึ้น
กล้องหน้าอัลตร้าไวด์ความละเอียด 12MP พร้อมคุณสมบัติ "จัดให้อยู่ตรงกลาง"
กล้องหน้าอัลตร้าไวด์ความละเอียด 12MP พร้อมฟีเจอร์ "จัดให้อยู่ตรงกลาง" จะแพนตามการเคลื่อนไหวโดยอัตโนมัติเพื่อให้ผู้ใช้อยู่ในเฟรมเสมอ และถ้ามีคนอื่นมาร่วมด้วย กล้องก็สามารถตรวจจับได้ และจะซูมออกเพื่อจัดให้ทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของการสนทนา โดยความสามารถ "จัดให้อยู่ตรงกลาง" นี้ สามารถใช้งานได้บน iPad ทุกรุ่น; iPad Air (รุ่นที่ 5), iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้ว (รุ่นที่ 5), iPad Pro รุ่น 11 นิ้ว (รุ่นที่ 3), iPad mini (รุ่นที่ 6) และ iPad (รุ่นที่ 9)
กล้องหลัง Wide ความละเอียด 12MP บน iPad Air ช่วยให้สามารถถ่ายภาพที่คมชัดและวิดีโอระดับ 4K, สแกนเอกสาร และเพลิดเพลินกับประสบการณ์ AR ได้เป็นอย่างดี โดย iPad Air มอบโซลูชั่นแบบครบวงจรสำหรับการถ่ายภาพและวิดีโอ ตลอดจนการตัดต่อ และแชร์ เรียกได้ว่าเป็นสตูดิโอแบบพกพาที่สะดวกและอเนกประสงค์ขั้นสุด
5G ที่เร็วสุดแรงและการเชื่อมต่อสุดล้ำ
การเชื่อมต่อด้วยเทคโนโลยีไร้สาย 5G ช่วยให้ iPad Air ใช้ระดับความเร็วสูงสุดถึง 3.5Gbps นอกจากนี้ การรองรับ eSIM และ Wi-Fi 6 ยังทำให้ iPad Air มีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้นเมื่อผู้ใช้จำเป็นต้องเชื่อมต่อ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงไฟล์ การสำรองข้อมูล การสื่อสารกับเพื่อนร่วมงาน ไปจนถึงการชมภาพยนตร์กับครอบครัว และเพื่อนๆ ด้วย SharePlay
iPad Air ใหม่ มาพร้อมพอร์ตเชื่อมต่อ USB-C ที่เร็วกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 2 เท่า จึงสามารถถ่ายโอนข้อมูลได้สูงสุด 10Gbps ต่อวินาที ดังนั้น การอิมพอร์ตรูปภาพและวิดีโอขนาดใหญ่จึงรวดเร็วยิ่งกว่า พอร์ตจะเชื่อมต่อ iPad Air กับระบบนิเวศอุปกรณ์เสริม USB-C ที่กว้างขวาง ประกอบด้วยกล้อง อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายนอก และจอภาพความละเอียดสูงสุดถึง 6K
ดีไซน์แบบหน้าจอทั้งหมด พร้อมจอภาพ Liquid Retina และ Touch ID
iPad Air ใหม่ มาพร้อมดีไซน์ที่บางและเบา ในหลากหลายสีสัน ได้แก่ สีเทาสเปซเกรย์, สีสตาร์ไลท์, สีชมพู, สีม่วง และสีฟ้าใหม่ จอภาพ Liquid Retina ขนาด 10.9 นิ้ว เต็มอิ่มสมจริงเพื่อประสบการณ์ทางด้านภาพด้วยจำนวนพิกเซลมากถึง 3.8 ล้านพิกเซลและเทคโนโลยีขั้นสูง ความสว่างถึง 500 นิต พร้อมด้วยการเคลือบสารกันแสงสะท้อน, ขอบเขตสีกว้างแบบ P3, การแสดงผลแบบ True Tone และการเคลือบหน้าจอแบบป้องกันแสงสะท้อน
เมื่อใช้ร่วมกับจอภาพ Liquid Retina ลำโพงสเตอริโอแนวนอนใน iPad Air จะมอบเสียงสเตอริโอที่มีมิติเสียงกว้าง เพื่อประสบการณ์การรับชมภาพยนตร์ พร้อม Touch ID ติดตั้งเป็นส่วนหนึ่งของปุ่มด้านบน iPad Air สำหรับใช้ในการปลดล็อคและล็อกอินเข้าสู่แอป มอบความสะดวกในการใช้งานและการยืนยันตัวตนที่ปลอดภัย
อุปกรณ์เสริม
Apple Pencil (รุ่นที่ 2) เปลี่ยน iPad Air ให้กลายเป็นสมุดบันทึกและสมุดวาดภาพแบบดิจิทัลที่ผู้ใช้สามารถพกพาไปได้ทุกที่ ด้วยการชาร์จและการจับคู่แบบไร้สาย มาพร้อมความแม่นยำและความหน่วงต่ำ ซึ่งทำให้เขียนได้ง่ายและเป็นธรรมชาติเหมือนการเขียนด้วยปากกาและกระดาษจริงๆ
นอกจากนั้น iPad Air ใหม่ ยังใช้ได้กับ Magic Keyboard มอบประสบการณ์การพิมพ์ที่ดีที่สุดด้วยดีไซน์แบบยกลอยและแทร็คแพดในตัว, Smart Keyboard Folio ให้การพิมพ์ที่สะดวกสบายในดีไซน์เพรียวบาง และปก Smart Folio ซึ่งมาพร้อมสีสันสวยงามเข้ากันกับตัวเครื่อง ได้แก่ สีดำ, สีขาว, สีส้มอิเล็คทริค, สีเชอรี่เข้ม, สีอิงลิชลาเวนเดอร์ และสีมารีนบลู ช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับสีใหม่ของ iPad Air ได้อย่างลงตัว
iPadOS 15 มาพร้อมคุณสมบัติใหม่ๆ ช่วยยกระดับการทำงานและความอเนกประสงค์ขึ้นไปอีกขั้น
iPadOS 15 มาพร้อมประสบการณ์ที่ออกแบบมาเพื่อใช้ประโยชน์จากความสามารถเฉพาะตัวของ iPad
-
การทำงานแบบมัลติทาสก์ง่ายดายกว่าเดิม ด้วยการทำให้คุณสมบัติอย่าง Split View และ Slide Over สามารถค้นพบได้ง่ายขึ้น ใช้งานได้ง่ายขึ้น และทรงพลังกว่าเดิม
-
สามารถจดโน้ตได้ทั้งระบบ ด้วยคุณสมบัติ "โน้ตด่วน" ที่มอบวิธีใหม่ๆ ในการทำงานร่วมกันและจัดระเบียบสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเขียนหรือพิมพ์ด้วย Apple Pencil
-
SharePlay ที่ช่วยให้สามารถแชร์ประสบการณ์กับเพื่อนๆ และครอบครัวขณะโทร FaceTime ได้ สามารถดูอะไรไปพร้อมกัน ฟังอัลบั้มด้วยกัน หรือแข่งประชันความฟิตกับเพื่อนๆ ได้ โดย SharePlay จะซิงค์ทุกอย่างและทุกคนให้ตรงกัน
-
คุณสมบัติ "ข้อความในภาพ" ที่ใช้ระบบอัจฉริยะบนอุปกรณ์เพื่อตรวจหาข้อความในรูปภาพแล้วให้ผู้ใช้ทำสิ่งต่างๆ กับข้อความนั้นได้ เช่น ภาพถ่ายหน้าร้านอาจแสดงหมายเลขโทรศัพท์และตัวเลือกให้โทรไปได้เลย
-
การเปิดตัว iPadOS 15.4 และ macOS 12.3 จะมาพร้อมคุณสมบัติ "ควบคุมจากอุปกรณ์กลาง" ที่ให้ผู้ใช้ทำงานโดยใช้เมาส์และคีย์บอร์ดชุดเดียว และยังย้ายไปมาระหว่าง Mac และ iPad ได้อย่างลื่นไหลโดยไม่ต้องตั้งค่าใดๆ ผู้ใช้สามารถลากแล้ววางคอนเทนต์สลับไปมาระหว่างอุปกรณ์ได้เลย เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการสเก็ตช์ภาพด้วย Apple Pencil บน iPad แล้วลากไปวางในสไลด์ Keynote บน Mac
ราคาและความพร้อมในการวางจำหน่าย
iPad Air ใหม่ จะเปิดให้สั่งซื้อเร็วๆ นี้ทาง
apple.com/th/store มีให้เลือกใน 5 เฉดสี ได้แก่ สีเทาสเปซเกรย์, สีสตาร์ไลท์, สีชมพู, สีม่วง และสีฟ้า
- iPad Air (Wi-Fi) รุ่น 64GB ราคา 20,900 บาท
- iPad Air (Wi-Fi) รุ่น 256GB ราคา 25,900 บาท
- iPad Air (Wi-Fi + Cellular) รุ่น 64GB ราคา 25,900 บาท
- iPad Air (Wi-Fi + Cellular) รุ่น 256GB ราคา 30,900 บาท
พร้อมด้วยอุปกรณ์เสริม
- Apple Pencil (รุ่นที่ 2) วางจำหน่ายแยก ในราคา4,490 บาท
- Magic Keyboard สำหรับ iPad Air ใหม่ ราคา 9,990 บาท มีให้เลือก 2 สี คือ สีดำ และสีขาว
- Smart Keyboard Folio สำหรับ iPad Air ใหม่ ราคา 5,990 บาท
- Smart Folio สำหรับ iPad Air ใหม่ ราคา 2,990 บาท
มีให้เลือก 6 สี คือ สีดำ, สีขาว, สีส้มอิเล็คทริค, สีเชอรี่เข้ม, สีอิงลิชลาเวนเดอร์ และสีมารีนบลู
และสำหรับระบบปฏิบัติการ iPadOS 15 จะมีมาให้พร้อมใช้งานใน iPad Air ใหม่ และพร้อมให้อัปเดตซอฟต์แวร์ฟรีสำหรับ iPad Air 2 และใหม่กว่า
นอกจากนี้ ยังมีโปรโมชันสำหรับนักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่หรือเพิ่งเข้าศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย, ผู้ปกครอง รวมถึงอาจารย์ และเจ้าหน้าที่ ในราคาเริ่มต้นที่
19,200 บาท และ Apple Pencil รุ่นที่ 2 วางจำหน่ายในราคา
4,190 บาท, Smart Keyboard Folio ราคา
5,300 บาท และ Magic Keyboard ราคา
9,300 บาท สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
apple.com/th-edu/shop