x
icon-filter ค้นหาแท็บเล็ต
product filter
product filter
product filter
product filter

10 วิธีประหยัดแบตเตอรี่แท็บเล็ต "แอนดรอยด์"

icon 20 เม.ย. 58 icon 8,328
10 วิธีประหยัดแบตเตอรี่แท็บเล็ต "แอนดรอยด์"

10 วิธีประหยัดแบตเตอรี่แท็บเล็ต "แอนดรอยด์"
ผู้ใช้แท็บเล็ต Android ส่วนใหญ่มักจะเจอกับปัญหาที่ว่า แบตเตอรี่หมดเร็ว ใช้ได้ไม่ถึงวันก็ต้องไปชาร์จ หรือต้องคอยพกแบตเตอรี่สำรองติดตัวตลอด วันนี้ทีมงาน Checkraka.com จะมาแนะนำเทคนิค หรือวิธีการประหยัดแบตเตอรี่สำหรับแท็บเล็ตในระบบ Android ให้ใช้ได้ตลอดทั้งวันกันค่ะ
1. ปิด Bluetooth, GPS, NFC, Wifi
การเปิด Bluetooth, GPS, NFC, Wifi  ทิ้งไว้ถือว่าเป็นการสิ้นเปลืองแบตเตอรี่มากอย่าง แนะนำให้ปิดไว้ เพราะหากเราเปิดทิ้งไว้โดยที่ไม่ได้ใช้งาน เจ้าตัว Bluetooth, GPS, NFC, Wifi  มันจะคอยหาสัญญาณเชื่อมต่อตลอดเวลาทำให้เปลืองพลังงานแบตเตอรี่มากขึ้น ฉะนั้นถ้าไม่จำเป็นก็ควรจะปิดไปเลยดีกว่า
2. ควรใช้ Wallpaper สีดำ
สำหรับข้อนี้เหมาะกับแท็บเล็ต Android ที่หน้าจอเป็นแบบ AMOLED สีสันสดใส เป็นต้น ซึ่งการใช้ Wallpaper โทนสีดำจะช่วยลดการแสดงผลของแต่ละ Pixels ได้อยู่บ้าง ข้อนี้อาจจะช่วยประหยัดแบตเตอรี่ไม่ได้เยอะเท่าไหร่
3. ปิดแอปพลิเคชั่นที่ไม่ได้ใช้งาน
เพราะการที่เราเปิดแอปพลิเคชั่นค้างไว้หลายๆ อัน เท่ากับว่าแอปพลิเคชั่นนั้นๆ ยังคงทำงานอยู่ ทำให้ระบบทำงานหนักจนเกินกว่าที่หน่วยประมวลผลจะรับไหว ส่งผลให้เครื่องร้อน และกินแบตเตอรี่ โดยกดปุ่ม Home ค้าง แล้วปัดแอปฯ ที่ไม่ได้ใช้ออกไปหรือว่าจะไปที่ Settings > Apps > Running > เลือกแอปฯ และกด Stop เพื่อหยุดการทำงานของแอปฯ นั้นๆ ได้
4. ตั้งเวลาปิดหน้าจออัตโนมัติ (Screen Timeout)
หลายคนอาจจะคิดว่าไม่สำคัญ ขอบอกเลยค่ะว่าเป็นส่วนที่สำคัญมาก เพราะการที่เราเปิดหน้าจอค้างไว้โดยที่ไม่ใช้จะเป็นสูญเสียพลังงานไปโดยใช่เหตุ หรือตั้งเวลาปิดไว้น้อยเกินไป วางไว้ไม่ได้ใช้งานแปบเดียวหน้าจอก็ดับไป การเปิดหน้าจอขึ้นมาใหม่บ่อยๆ ก็ถือว่าเป็นการสิ้นเปลืองพลังงานเช่นกัน ควรตั้งเวลาที่เหมาะสม อาทิ 5-10 นาที แต่ถ้าจะให้ดีที่สุดก็คือ ถ้าไม่ได้ใช้งานก็ควรจะปิดเครื่องจะดีกว่าค่ะ
5. ยกเลิกการใช้ Widget ที่ไม่ได้ใช้งานออก
Widget เป็นแอปพลิเคชั่นเล็กๆ ติดตั้งอยู่บนแท็บเล็ตหรือสมาร์ทโฟน โดยใช้เทคโนโลยีเว็บที่อาศัย TouchWiz UI ในการเข้าถึงฟังก์ชันต่างๆ ของแท็บเล็ตหรือสมาร์ทโฟน โดยปกติแล้ว Widget ได้รับการออกแบบมาให้จัดการงานง่ายๆ เช่น จัดเตรียมอินเทอร์เฟซให้กับเว็บไซต์สำหรับการค้นหาเว็บ และอื่นๆ ซึ่งโดยปกติ Widget เหล่านี้ ในบางแอปฯ จะเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอยู่ตลอดเวลา เพื่ออัพเดตข้อมูล และเวอร์ชั่นของแอปฯ นั้น ซึ่งหมายความว่าถ้ามี Widget ที่ไม่จำเป็นไว้บนหน้า Home ก็จะใช้พลังงานในการเชื่อมต่อตลอดเวลา
6. ลดความสว่างหน้าจอ (Screen Brightness)
การปรับแสงหน้าจอแท็บเล็ตถือว่าเป็นส่วนสำคัญอีกอย่างนึงที่เกี่ยวข้องกับการใช้แบตเตอรี่ก็ว่าได้ เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าหน้าจอแสดงผลของแท็บเล็ตเป็นตัวกินแบตเตอรี่ตัวพ่อ ฉะนั้นการปรับแสงสว่างของหน้าจอ การเลือกเป็น Automatic Brightness โดยแตะที่ Settings/Screen & Display/Brightness แต่ถ้ามือถือ Android ของคุณไม่มีออปชั่นนี้ แนะนำให้ตั้งค่าความสว่างประมาณ 30% แล้วดูว่าคุณมองเห็นไหม แล้วค่อยๆ ปรับอีกที
7. เลิกใช้แอปฯ สตรีมมิ่ง
แอปพลิเคชันประเภทที่ต้องมีการสตรีมหรือดาวน์โหลดข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตอย่างต่อเนื่อง อย่างเช่นแอปฯ ที่สตรีมเพลง หรือวิดีโอจากเน็ต ซึ่งทำให้มือถือ Android ของคุณจะต้องเชื่อมต่อเน็ตไร้สาย (Wi-Fi, หรือ 3G) ตลอดเวลาเพื่อโหลดข้อมูลทั้ง audio และ video ในกรณีที่มีแบตเตอรี่เหลืออยู่ไม่มากและจำเป็นต้องใช้งาน แนะนำอย่ารัน app เหล่านี้ เพราะว่ากินไฟแบตเตอรี่หนักทุกตัว
8. เปิดโหมด Power Saving Mode
บนแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟน โดยทั่วไปจะมีการตั้งค่านี้เพื่อเป็นการประหยัดพลังงาน โดยแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนจะทำการตัดความเร็วในการประมวลผลให้ช้าลง รวมถึงช่วยปรับการตั้งความสว่างหน้าจอแบบอัตโนมัติให้อยู่ในระดับที่เพียงพอต่อการใช้งานในขณะนั้น ถึงแม้จะทำให้เครื่องใช้งานได้ช้าลง แต่ก็เป็นการช่วยให้เรามีมือถือแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนใช้งานได้ยาวนานมากขึ้นนะคะ
9. ปิดระบบสั่น
หากเราอยากจะประหยัดแบตเตอรี่นั้น การปิดระบบสั่นนั้นถือว่าช่วยได้เยอะเลยทีเดียว เพราะการทำงานในส่วนของมอเตอร์นั้นจะออกแรงให้เครื่องแท็บเล็ตหรือสมาร์ทโฟนทั้งเครื่องนั้นเกิดแรงสั่นสะเทือนขึ้นมา และในกระบวนการนี้จะทำให้เปลืองพลังงานมากกว่านั่นเอง อย่างไรก็ตามหากเปิดเสียงเรียกเข้าตามปกติ หรือเล่นเกมตามปกติแล้วอยากจะประหยัดแบตเตอรี่ด้วยล่ะก็ควรจะปิดระบบสั่น หรือใช้ระบบสั่นเมื่อจำเป็น จะช่วยประหยัดแบตเตอรี่ขึ้นได้อีกเยอะเลยค่ะ ซึ่งสามารถปิดทั้งเสียงเรียกเข้าและระบบสั่น และวางไว้ใกล้ๆ เพียงพอที่จะมองเห็นการแจ้งเตือนเมือหน้าจอสว่างขึ้นก็เพียงพอแล้วค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการปิดการทำงานของระบบสั่นทุกประเภท เช่น สั่นเตือนเมื่อมีสายเรียกเข้า, สั่นเตือนเมื่อแตะหน้าจอ หรือสั่นเวลาเล่นเกมบางประเภทนั้นก็สามารถยืดระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ได้มากพอเลยค่ะ
10. Task Manager
Task Mananger เป็นการสอดส่องว่า มีแอปฯ หรือการประมวลผลอะไรในเครื่องที่ทำงานแทบตลอดเวลา ซึ่งจะมุ่งเน้นที่การตามล่าหาต้นตอตัวกินแบต เพื่อกำจัดหรือจัดการมันซะ การติดตั้งแอปฯ อย่างเช่น Advanced Task Cleaner ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดี นอกจากจะให้คุณได้ตรวจสอบแล้วยังปิดบริการที่ไม่จำเป็นต้องใช้ในขณะนั้นออกไปได้อีกด้วยโดยเฉพาะบริการที่มีการโหลดซ้ำหลายครั้ง และทำงานอยู่ในพื้นหลังซึ่งและสามารถตั้งให้ auto-kill แอปฯ ที่ไม่ได้ใช้บ่อยโดยอาจจะตั้งให้มันกำจัดแอปฯ เหล่านี้หลังปิดหน้าจอ เป็นต้น นอกจากนี้คุณยังสามารถจัดการให้ Task Manager แสดงการใช้ CPU ของแต่ละ app ซึ่งมีประโยชน์กว่าการรู้ว่าแอปฯ ตัวไหนใช้หน่วยความจำมากหรือน้อยอีกเพราะถือว่ามีผลกระทบต่อแบตเตอรี่โดยตรง
วิธีข้างต้นเหล่านี้นอกจากจะช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ให้ยาวนานขึ้นในแต่ละรอบครั้งการใช้งานแล้ว เราก็จำเป็นต้องถนอมแบตเตอรี่ของเราเพื่อไม่ให้แบตเตอรี่เสื่อมซึ่งเป็นที่มาของการที่แบตเตอรี่หมดไวอีกด้วยค่ะ

แท็กที่เกี่ยวข้อง
Tablet Guru
เขียนโดย เช็คราคา.คอม Tablet Guru

พูดคุยกับกูรูได้ที่




เว็บไซต์นี้มีการเก็บคุกกี้เพื่อเพิ่มความพึงพอใจในการใช้งานเว็บไซต์ และช่วยให้เราปรับปรุง และนำเสนอเนื้อหาตรงตามความสนใจของท่าน ท่านสามารถดู Privacy Notice และ ดู Cookies Policy ของเราได้ ที่นี่ ทั้งนี้ ท่านจะยินยอมให้เราเก็บคุกกี้ทั้งหมด หรือให้เก็บแค่บางส่วนโดยการคลิกเลือก ตั้งค่า

ท่านสามารถเลือกให้ความยินยอมการเก็บคุกกี้เป็นเรื่องๆ ได้ที่นี่

เมื่อคุณเข้าชมเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่น checkraka เราอาจจัดเก็บ หรือดึงข้อมูลจากเบราว์เซอร์ของคุณในรูปแบบของคุกกี้ และเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายคลึง เช่น tag และ pixel (เรียกรวมกันว่า “คุกกี้”) ซึ่งมักเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้โดยตรง แต่ช่วยให้คุณใช้งานเว็บไซต์ได้ปลอดภัย และตรงตามความต้องการมากขึ้น คุณอาจไม่ยินยอมให้เราเก็บคุกกี้บางประเภทได้ โดยการคลิกตามหัวข้อข้างล่างนี้

ประเภทคุกกี้
อ่านเพิ่มเติม ที่นี่
ยินยอม / ไม่ยินยอม
คุกกี้ที่จำเป็นต้องมีเสมอ
(Strictly Necessary)
คุกกี้สำหรับการใช้งานเว็บไซต์
(Functionality)
คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและวิเคราะห์
(Performance & Analytics)
คุกกี้เพื่อการตลาด
(Marketing)