พันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ครั้งที่ 2
ลงทุนอย่างมั่นใจกับพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ครั้งที่ 2
ธนาคารกรุงเทพได้รับคัดเลือกจากกระทรวงการคลังให้ร่วมเป็นผู้จัดจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ครั้งที่ 2 โดยเปิดจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม 31 สิงหาคม 2560 ที่ธนาคารกรุงเทพทุกสาขา บริการบัวหลวง ไอแบงก์กิ้ง (24 ชั่วโมง) และที่เครื่อง ATM ของธนาคารกรุงเทพ (24 ชั่วโมง)
เนื่องจากพันธบัตรออมทรัพย์รุ่นนี้เป็นแบบไร้ใบตราสาร (Scripless) ผู้ซื้อจะต้องลงทะเบียนก่อนการซื้อ ซึ่งธนาคารกรุงเทพเปิดให้ผู้สนใจลงทะเบียนเพื่อขอมีเลขที่ผู้ถือพันธบัตรได้ที่ธนาคารกรุงเทพทุกสาขา สำหรับลูกค้าที่เคยลงทะเบียนเพื่อซื้อพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง แบบไร้ใบตราสาร กับธนาคารกรุงเทพไว้แล้ว ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ สามารถใช้เลขที่ผู้ถือพันธบัตรเดิมซื้อพันธบัตรรุ่นนี้ได้
สรุปสาระสำคัญ
ข้อมูลเบื้องต้น | รายละเอียด |
ผู้ออกพันธบัตร | กระทรวงการคลัง |
ชื่อรุ่นพันธบัตร | พันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ครั้งที่ 2 |
อายุ | 5 ปี และ 10 ปี - แบบไร้ใบตราสาร (Scripless) |
วงเงินรวมที่เสนอขาย | 15,000 ล้านบาท |
วันครบกำหนดไถ่ถอน | - พันธบัตรรุ่นอายุ 5 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 8 พฤษภาคม 2565
- พันธบัตรรุ่นอายุ 10 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 8 พฤษภาคม 2570
|
อัตราผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนได้รับ | - รุ่นอายุ 5 ปี - อัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ ร้อยละ 2.35 ต่อปี
- รุ่นอายุ 10 ปี - อัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ ร้อยละ 3.00 ต่อปี
|
การจ่ายดอกเบี้ย | ปีละ 2 งวด คือในวันที่ 8 พฤษภาคม และ 8 พฤศจิกายน ของทุกปี จนกว่าพันธบัตรจะครบกำหนด การคำนวณดอกเบี้ยคำนวณจากมูลค่าของพันธบัตร โดยใช้หลักเกณฑ์หนึ่งปีมี 365 วัน และนับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของหนึ่งสตางค์ให้ปัดทิ้ง หากวันครบกำหนดจ่ายดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนจ่ายในวันทำการถัดไปโดยไม่คำนวณดอกเบี้ยเพิ่มให้ เว้นแต่ดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะคำนวณดอกเบี้ยเพิ่มตามจำนวนวันที่เลื่อนออกไป |
วันที่จำหน่าย วงเงินซื้อขั้นต่ำ-ขั้นสูง | - 8 พฤษภาคม - 31 สิงหาคม 2560
- วงเงินซื้อขั้นต่ำ 1,000 บาท (1 หน่วย) - ไม่จำกัดวงเงินซื้อขั้นสูง ไม่จำกัดจำนวนครั้งที่เข้าซื้อ
หมายเหตุ: กรณีตรวจพบรายการซื้อที่ผิดเงื่อนไข ธนาคารตัวแทนจำหน่ายจะคืนเงินให้ผู้ซื้อโดยไม่มีการคิดดอกเบี้ย |
ราคาจำหน่าย | ราคาหน่วยละ 1,000 บาท และทวีคูณของ 1,000 บาท |
วิธีการจัดจำหน่าย | จำหน่ายผ่านเคาน์เตอร์ธนาคารกรุงเทพทุกสาขา บริการบัวหลวง ไอแบงก์กิ้ง และเครื่อง ATM ตั้งแต่เวลา 8.30 น. ของวันที่ 8 พฤษภาคม 2560 จนถึงเวลา 15.00 น. ของวันที่ 31 สิงหาคม 2560 |
วันที่ลงในพันธบัตร (วันที่เริ่มคิดดอกเบี้ย) | กรณีซื้อผ่านเคาน์เตอร์สาขา - กรณีชำระเงินด้วยเงินสดหรือหักบัญชีเงินฝาก เริ่มคิดดอกเบี้ย ณ วันที่ซื้อพันธบัตร ยกเว้นกรณีที่ชำระหลังเวลา 15.00 น. ของวันทำการ หรือซื้อในวันเสาร์-อาทิตย์ หรือวันหยุดทำการของธนาคาร ดอกเบี้ยจะเริ่มนับในวันทำการถัดไป
- กรณีชำระด้วยเช็ค ดอกเบี้ยจะเริ่มนับในวันทำการที่ทราบผลว่าเช็คสามารถเรียกเก็บได้
กรณีซื้อผ่านบริการบัวหลวง ไอแบงก์กิ้ง และเครื่อง ATM ของธนาคารกรุงเทพ - เริ่มคิดดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ทำธุรกรรม ยกเว้นกรณีซื้อหลังเวลา 15.00 น. ของวันทำการ หรือซื้อในวันเสาร์-อาทิตย์ หรือวันหยุดทำการของธนาคาร ดอกเบี้ยจะเริ่มนับตั้งแต่วันทำการถัดไป ทั้งนี้ วงเงินซื้อสูงสุดผ่านบริการบัวหลวง ไอแบงก์กิ้ง และเครื่อง ATM จะต้องไม่เกินยอดเงินคงเหลือในบัญชีเงินฝากและไม่เกินวงเงินซื้อขั้นสูงที่กระทรวงการคลังกำหนด
|
การลงทะเบียนและฝากหลักทรัพย์ | ผู้จองซื้อพันธบัตรออมทรัพย์แบบไร้ใบตราสาร (Scripless) รายใหม่ที่ไม่เคยลงทะเบียนและเปิดบัญชีฝากหลักทรัพย์มาก่อน ผู้จองซื้อจะสามารถลงทะเบียนได้ทุกวันทำการที่ธนาคารกรุงเทพทุกสาขา เพื่อฝากพันธบัตรไว้กับธนาคารกรุงเทพ โดยธนาคารกรุงเทพจะนำฝากพันธบัตรของผู้ถือกรรมสิทธิ์ภายใต้บัญชีฝากหลักทรัพย์ของธนาคารเพื่อลูกค้า ที่บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด ทั้งนี้ ชื่อเจ้าของหลักทรัพย์ที่ลงทะเบียนจะต้องตรงกันกับชื่อเจ้าของบัญชีเงินฝากเพื่อรับโอนดอกเบี้ยและต้นเงิน กรณีผู้ซื้อประสงค์ซื้อพันธบัตรผ่านบริการบัวหลวง ไอแบงก์กิ้ง ผู้ซื้อจะต้องทำการลงทะเบียนเพื่อขอมีเลขที่ผู้ถือพันธบัตรที่สาขาธนาคารกรุงเทพ และสมัครใช้บริการบัวหลวง ไอแบงก์กิ้งก่อน แล้วจึง Log on เข้าสู่บริการบัวหลวง ไอแบงก์กิ้ง ทางเว็บไซต์ธนาคารกรุงเทพ เพื่อสมัครใช้บริการจองซื้อพันธบัตรผ่านบริการบัวหลวง ไอแบงก์กิ้ง ด้วยตนเอง กรณีผู้ซื้อประสงค์ซื้อพันธบัตรผ่านเครื่อง ATM ของธนาคารกรุงเทพ ผู้ซื้อจะต้องทำการลงทะเบียนเพื่อขอมีเลขที่ผู้ถือพันธบัตรพร้อมทั้งระบุเลขที่บัญชีเงินฝากที่ใช้บริการผ่านบัตร ATM/บัตรเดบิต บีเฟิสต์ หากผู้จองซื้อทำบัตรเดบิต บีเฟิสต์ใหม่ เพื่อซื้อพันธบัตรแบบไร้ใบตราสาร (Scripless) ธนาคารกรุงเทพจะยกเว้นค่าธรรมเนียมแรกเข้าและค่าธรรมเนียมรายปี ปีแรกให้กับผู้จองซื้อ* เงื่อนไข - ธนาคารกรุงเทพยกเว้นค่าธรรมเนียมแรกเข้าและค่าธรรมเนียมรายปีปีแรกของบัตรเดบิต บีเฟิสต์ เพื่อใช้ซื้อพันธบัตรแบบไร้ใบตราสาร (Scripless) เพียงใบแรกใบเดียวเท่านั้น
- กรณีผู้ซื้อไม่มีการทำรายการซื้อพันธบัตรผ่านเครื่อง ATM โดยใช้บัตรเดบิต บีเฟิสต์ ที่ได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมแรกเข้าและค่าธรรมเนียมรายปีปีแรก ภายในระยะเวลา 1 ปี นับจากวันที่ขอออกบัตรเดบิต บีเฟิสต์ ธนาคารกรุงเทพจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมแรกเข้าและค่าธรรมเนียมรายปีปีแรกย้อนหลังโดยหักเงินจากบัญชีเงินฝากที่ระบุไว้ในบัตรดังกล่าว
-
- บัตรบีเฟิสต์ สมาร์ท แรบบิท ศิริราช/บัตรบีเฟิสต์ สมาร์ท ทีพีเอ็น แรบบิท ศิริราช/บัตรบีเฟิสต์ สมาร์ท แรบบิท เชลซี ไม่ได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมแรกเข้าและค่าธรรมเนียมรายปี
|
วิธีการจัดสรร | ผู้จองซื้อที่มี "คำเสนอขอซื้อพันธบัตร" ณ สาขาธนาคารกรุงเทพ หรือทำรายการซื้อผ่านบริการบัวหลวง ไอแบงก์กิ้ง หรือผ่านเครื่อง ATM และชำระเงินสมบูรณ์ก่อน จะได้รับการจัดสรรก่อน |
ผู้มีสิทธิ์ซื้อ | บุคคลธรรมดาที่ถือสัญชาติไทยหรือมีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย สภากาชาดไทย มูลนิธิ สมาคม สหกรณ์ วัด สถานศึกษาของรัฐ โรงพยาบาลของรัฐ หรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่มีวัตถุประสงค์ในการแสวงหากำไร |
ข้อกำหนดอื่นๆ - ธนาคารแห่งประเทศไทย ในฐานะนายทะเบียนพันธบัตร จะโอนดอกเบี้ยเข้าบัญชีเงินฝากสะสมทรัพย์หรือกระแสรายวันของผู้ถือพันธบัตรที่ฝากไว้กับธนาคารกรุงเทพตามที่แจ้งไว้ตอนลงทะเบียน
- หากวันจ่ายดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคาร จะชำระดอกเบี้ยในวันทำการถัดไป
- ธนาคารแห่งประเทศไทย จะหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ทุกครั้งที่มีการจ่ายดอกเบี้ย ตามอัตราที่ประกาศในประมวลรัษฎากร
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 1333