5 ข้อต้องรู้ ก่อนลงทุนในกองทุน SSF
สำหรับใครที่กำลังมองหาตัวช่วยลดหย่อนภาษี วันนี้เรามาทำความรู้จักตัวช่วยลดหย่อนภาษีตัวใหม่กันค่ะ นั่นก็คือ "กองทุน SSF" กองทุนเพื่อการออม ที่มาแทนที่กองทุน LTF ที่หมดอายุไปเมื่อปี 2562 เรามาดูกันค่ะว่ากองทุนนี้มีเงื่อนไขการลงทุนยังไงบ้าง
กองทุน SSF (Super Saving Funds) คือ กองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว ลงทุนในหลักทรัพย์ทุกประเภท รวมถึงตราสารหนี้ และกองทุนรวม
กองทุนนี้เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการลดหย่อนภาษี และมีเงินลงทุนในระยะยาว สามารถคงสถานะการเงินเพื่อลงทุนได้ 10 ปีขึ้นไป และต้องสามารถรับความเสี่ยงในการลงทุนได้
เงื่อนไขสำคัญของกองทุน SSF
1. สิทธิในการลดหย่อนภาษี : กองทุน SSF ใช้ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 2 แสนบาท (และเมื่อรวมกับกองทุน RMF กองทุนบำเหน็จบำนาญ และกองทุนเพื่อการเกษียณอื่นๆ ต้องไม่เกิน 5 แสนบาท) เช่น
- ในกรณีที่มีรายได้ 500,000 บาท/ปี จะสามารถซื้อกองทุน SSF เพื่อลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% หรือไม่เกิน 150,000 บาท
- ในกรณีที่มีรายได้ 1,000,000 บาท/ปี จะสามารถซื้อกองทุน SSF เพื่อลดหย่อนภาษีได้สูงสุดแค่ 200,000 บาท (ถึงแม้ว่า 30% ของรายได้ 1,000,000 บาท จะเท่ากับ 300,000 บาท แต่ยอดสูงสุดที่จะสามารถซื้อกองทุน SSF ได้ คือ 200,000 บาทเท่านั้น)
- ทั้งนี้ หากเรามีซื้อกองทุนอื่นเพื่อการลดหย่อนภาษีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นกองทุน RMF กองทุนบำเหน็จบำนาญ PVD กอช. และกองทุนเพื่อการเกษียณอื่นๆ ยอดรวมทั้งหมดที่เราจะซื้อได้เมื่อรวมกับกองทุน SSF ใหม่แล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท
2. ระยะเวลาถือครอง : สำหรับกองทุน SSF เมื่อซื้อแล้วต้องถือให้ครบ 10 ปี เพราะกองทุนนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเน้นการออมระยะยาว และเก็บเงินไว้ใช้หลังเกษียณ ตัวอย่างเช่น หากเราซื้อกองทุน SSF วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 ตัวกองทุนจะครบกำหนด 10 ปี ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2573 ค่ะ (นับแบบวันชนวัน) และหากขายก่อนครบกำหนด จะถือว่าผิดเงื่อนไขลดหย่อนภาษี เราจะต้องคืนเงินภาษีที่ได้รับยกเว้นทั้งหมดทันที
3. หลักทรัพย์ที่ลงทุน : กองทุนสามารถลงทุนในหลักทรัพย์ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ หุ้นกู้ ตราสารหนี้ กองทุนทองคำ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น ซึ่งด้วยความหลากหลายในการลงทุน ทำให้กองทุน SSF มีความยืดหยุ่น ผู้ลงทุนสามารถปรับพอร์ตการลงทุนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในช่วงต่างๆ เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดในแต่ละช่วงเวลาได้อีกด้วย
4. จำนวนที่ต้องซื้อขั้นต่ำ : ไม่กำหนดจำนวนเงินลงทุนขั้นต่ำ และไม่บังคับซื้อต่อเนื่องทุกปี
5. ระยะเวลาที่สามารถซื้อเพื่อใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้ : ต้องซื้อระหว่างปี 2563-2567 โดยให้ประโยชน์ลดหย่อนภาษี 5 ปี ซื้อปีไหนก็ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีในปีนั้นได้เลย
"การลงทุน" ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไหนก็จะมีความเสี่ยงเสมอค่ะ ความเสี่ยงสูงบ้าง ความเสี่ยงต่ำบ้าง แล้วแต่ประเภทที่เราเลือกลงทุน ดังนั้นหากเราคิดจะลงทุนเราก็ควรเลือกการลงทุนที่มีนโยบายการลงทุนที่สอดคล้องกับความเสี่ยงที่เราสามารถยอมรับได้ และควรศึกษาข้อมูลให้ถี่ถ้วนทุกครั้งก่อนตัดสินใจลงทุนนะคะ