รีวิว บิ๊กเบิ้ม ไทรอัมพ์ ROCKET 3 เวอร์ชัน R ของแรงขุมพลัง 2.5 ลิตร ที่สุดของบิ๊กไบค์เจ้าถนน

ไทรอัมพ์ Rocket 3 มาเปิดตัวให้โลกรู้ด้วยพิกัดเครื่องยนต์สามสูบ ขนาด 2500 ซีซี นับเป็นเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ที่สุดในสายพานการผลิตรถจักรยานยนต์ และเราได้มีโอกาสนำรุ่น Rocket 3R ที่ร้อนแรงที่สุดมาขี่ทดสอบกันก่อน ด้วยความใหญ่โตและแรงบิดมหาศาลของเครื่องยนต์รุ่นนี้ทำให้การขี่ทดสอบครั้งนี้เต็มไปด้วยความตื่นเต้น จริงๆ ก็เป็นรถที่มีขนาดเครื่องยนต์และแรงบิดเยอะสุดเท่าที่เคยขี่มาในชีวิต และจะเป็นอย่างไรกันนะ ติดตามกันได้เลย

ความโดดเด่นของ Rocket 3R ใหม่ มีการออกแบบที่ดูน่าเกรงขาม เหมือนมัสเคิลไบค์สไตล์ Cruiser นับเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ในด้านคาแรคเตอร์เฉพาะตัวอันโดดเด่นและการควบคุมรถที่ง่ายจนน่าทึ่ง ทั้งยังขี่สบาย สมรรถนะระดับสูง และแรงบิดมหาศาลที่เรียกใช้ได้ตั้งแต่รอบต้น อัตราเร่งก็ตอบสนองได้ดีและรวดเร็วในทุกๆ เกียร์ 

โดยขุมพลังเครื่องยนต์สามสูบ 2,500 ซีซี ที่นับเป็นเครื่องยนต์บล็อคใหญ่สุดในบรรดารถโรงงาน ให้กำลังสูงสุด 167 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที กำลังดีตั้งแต่รอบต่ำ แรงบิดสูงสุด 221 นิวตันเมตร ด้านการควบคุมก็ยอดเยี่ยม จากการลดน้ำหนักให้เบาลงด้วยการการใช้โครงรถอะลูมิเนียมแบบใหม่ ร่วมกับชิ้นส่วนอื่นที่ขึ้นงานแบบแคสและฟอร์จ

ระบบกันสะเทือนของ Rocket 3R ใหม่ ด้านหน้าติดตั้งโช๊คหน้าหัวกลับ Showa ขนาด 47 มม. ระบบคาร์ทริดจ์พร้อมด้วยตัวปรับตั้งค่าการยุบตัวและการคืนตัว ที่มีระยะยุบตัว 120 มม. ด้านหลังใช้โช๊คอัพ Showa แบบมีซับแทงค์สามารถปรับตั้งได้เต็มระบบ พร้อมด้วยรีโมทควบคุมการปรับตั้งพรีโหลดแบบไฮดรอลิค ระยะยุบตัวล้อหลัง 107 มม.

ส่วนระบบเบรกด้านหน้าใช้ดิสก์เบรก จานเบรกคู่ขนาด 320 มม. พร้อมด้วยคาลิปเปอร์โมโนบล็อค Brembo M4.30 Stylema 4 ลูกสูบ และระบบ Cornering ABS ด้านหลังใช้ดิสก์เบรก จานเบรกเดี่ยวขนาด 300 มม. พร้อมด้วยคาลิปเปอร์โมโนบล็อค Brembo M4.32 4 ลูกสูบ และระบบ Cornering ABS ให้ความมั่นใจเมื่อต้องเบรกในโค้ง

Rocket 3R ใหม่ ยังเปิดโอกาสให้ผู้ครอบครองได้ตกแต่งตัวรถหรือคัสตอมในแบบที่ต้องการ ด้วยอุปกรณ์เสริมที่เป็นออฟฟิเชี่ยลไอเท็มกว่า 50 รายการ

การทดสอบนัดหมายผู้เขียนไปรับรถในช่วงเย็นที่ทำการไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ ประเทศไทย ทันทีที่เจ้าหน้าที่นำ Rocket 3R มาจอดเตรียมให้ตรงหน้า ความหวั่นเกรงก็ผุดขึ้นมา แม้เคยขี่รถไทรอัมพ์มาหลายรุ่น หรือรถขนาดใหญ่อย่าง โกลวิงก์ แฟทบ็อบ มาก็ตาม แต่เจ้าร็อคเกต 3 อาร์ คันนี้ ดูโหด ดุดัน ตัวเลข 2500 ด้านข้างนี่เหมือนการสะกิดเตือนว่า นี่คือ บิ๊กเบิ้มขาใหญ่สุดของวงการนะ ถ้งน้ำมันขนาด 18 ลิตร สีแดงสดใส มองดูแล้วมันช่างใหญ่โตจริงๆ จนแอบคิดไม่ได่ว่าจะพาร็อคเกต 3 อาร์ รอดจากการจราจรแถวหมอชิตออกไปนอกเมืองได้ไหม

หลังฟังเจ้าหน้าที่อธิบายเรื่องการใช้งานตัวรถเบื้องต้น เช่น การสตาร์ทรถที่มีขั้นตอนเริ่มต้นพอสมควร การปรับโหมดขี่  การใช้เมนูปรับแต่งเลือกดูค่าต่างๆ การปรับช่วงล่างด้านหน้า-หลัง หรือชี้ตำแหน่งช่องจ่ายไฟ USB ที่ซุกซ่อนไว้ในช่องที่อยู่ใต้เบาะอีกที และการเปิดฝาถังน้ำมันที่ไม่ธรรมดาเลย หลังจากพอเข้าใจการใช้งานก็ได้เวลาออกสตาร์ท ผู้เขียนอยากขี่สร้างความคุ้นเคยกับตัวรถก่อนนำไปขี่ถ่ายรีวิวในวันรุ่งขึ้น เพราะการสัมผัสและขี่ครั้งแรกไปรีวิวเลยมันไม่เต็มที่เท่าไหร่ สิ่งหนึ่งที่อยู่ในใจก่อนขี่ออกไปคือ การหาที่จอดสำหรับเจ้าบิ๊กเบิ้ม เพราะด้วยน้ำหนักตัวเกือบ 300 กก. ถ้าขี่ไปคนเดียวแล้วจอดไม่ดูทางนี่เข็นยากแน่ๆ ทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่แนะนำให้ลงมาเข็นเพราะมีโอกาสเสียสมดุลได้ง่ายด้วยความหนักของตัวรถ ควรนั่งอยู่บนเบาะและใช้เท้าพายช่วยดีกว่า แต่ดีที่ความสูงของร็อคเก็ต 3 อาร์ อยู่ที่ 773 มม. นั่งแล้วเท้ายังวางพื้นได้เกือบเต็ม (ผู้เขียนสูง 171 ซม.) หน้าจอเรือนไมล์ปรับไว้แบบตัวเลขเน้นดูรอบเป็นหลัก กระจกมองข้างเป็นแบบปลายแฺฮนด์ซึ่งคุ้ยเคยกับรถตัวเองอยู่ก่อน เสียงเครื่องสตาร์ท ออกตัวครั้งแรกกับทางลาดลงที่ค่อนข้างลื่นก็ยิ่งทำให้เกร็งตั้งแต่เริ่มเลย แต่พอลงไปถึงถนนเสมือนปล่อยปลาลงน้ำ ร็อคเก็ต 3 อาร์ ก็พลิ้วฝ่าการจราจรได้ดีและง่ายเกินคาดเมื่อเทียบกับความเป็นพี่บิ๊กเบิ้ม

การเริ่มต้นชั่วโมงแรกกับบร็อคเก็ต 3 อาร์ ผมใช้ขี่อยู่ 3 เกียร์ เพราะออกจากตึกแถวห้าแยกลาดพร้าวก็เกือบ 17.00 น. เป็นเวลาเลิกงานพอดี การทดสอบความคล่องตัวเลยเป็นอย่างแรก จังหวะมุด หรือหาช่องไปถ้าเป็นช่วงที่รถบนถนนยังลอยตัวใช้ความเร็วตามกันไป ก็ยังพอมองไลน์ที่จะไปเผื่อความกว้างของตัวรถขนาด 889 มม. ได้สะดวก การควบคุมคันเร่งและเบรกให้ความรู้สึกตอบกลับที่ดีและง่ายต่อการใช้งานทุกวัน ความร้อนของเครื่องยนต์สามสูบเรียง ขนาด 2,500 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ ในช่วงจอดชะลอหยุดนับว่าน่าพอใจมาก แม้แนวการเดินท่อไอเสียที่ออกด้านข้างจะใกล้ขาเวลาขี่ก็ตาม กางเกงยีนส์ลีไวส์ผ้ายืดผสมยังพอช่วยปกป้องไม่ให้ต้องกังวลถึงขั้นดับเครื่องยนต์รอ 

หลังคุ้นเคยกับตัวรถ ผมก็ลัดเลาะมาถนนแจ้งวัฒนะ ข้ามแยกปากเกร็ด ไม่นานก็ออกมาถึงทางหลวงหมายเลข 307 เพื่อมุ่งหน้าสู่ตัวเมืองปทุมธานี เส้นทางช่วงนี้เปิดโล่งใช้ความเร็วได้เต็มที่ พบว่าช่วงทำความเร็วในแต่ละเกียร์มีความยึดหยุ่นไม่น้อยด้วยแรงบิดที่ดี สามารถใช้เกียร์สองและสามในย่านความเร็วต่ำได้ง่าย และลากรอบยาวพาความเร็วทะลุเพดานความคิดไปได้อย่างน่าประทับใจ เช่น เกียร์สาม ลองเร่งจากความเร็ว 40 กม./ชม. เปิดแบบขอสัมผัสแรงบิดขนาด 221 นิวตันเมตร เต็มๆ หน่อย และแทบจะทันทีเหมือนโดนถีบจากด้านหลัง ตัวรถพุ่งทะยานไปข้างหน้าด้วยแรงจีแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน เหลือบมองความเร็วบนหน้าปัดอยู่ที่ 155 กม./ชม. ต้องยกเลยแม้ยังไปได้อีก ด้วยเป็นการขี่ทดสอบในหลายๆ ด้าน ไม่ใช่การหาตัวเลขด้านใดด้านหนึ่งอย่างจริงจัง การขี่ในวันแรกจึงเน้นความคุ้นเคยกับแรงบิด การแฮนด์ลิ่ง ฟิลลิ่งการเบรก และคุ้นกับมิติตัวรถ ผู้เขียนมาจอดพักที่ร้านกาแฟ พาเรโต้ คัฟเฟ่ ร้านเก๋ๆ บนถนนพัฒนสัมพันธ์ ก่อนจิบกาแฟรอพระอาทิตย์ตกดิน ค่อยเดินทางต่อ ระบบไฟส่องสว่างของ ร็อคเกต 3 อาร์ ด้านหน้าเป็นแอลอีดีคู่ให้ความสว่างกระจ่างชัดเจนดีมาก จริงๆ ก็เป็นแอลอีดีทุกจุดรอบคัน แสงไฟจากหน้าจอมัลติฟังก์ชันแบบ TFT ให้ความชัดเจนและรวดเร็วในการอ่านค่าต่าง 

การขี่ด้วยความเร็วปานกลาง-สูง และการเปลี่ยนเลนไปมา ตัวรถห้สมดุลที่ดี ด้วยยางเอวอนสัญชาติอังกฤษ หน้ากว้าง 150/80 R17 หลัง 240/50 R16 ทำให้รู้สึกมั่นคงดีเหลือเกิน นอกจากนี้เบาะนั่งยังให้ความนุ่มสบายตลอดการขี่ 

การขี่ในวันต่อมา ผมเน้นไปที่การใช้ถนนสายรองมากขึ้น โดยเฉพาะทางโค้ง ซึ่งยังคงใช้ถนนและพื้นที่ในจังหวัดปทุมธานีต่อเนื่องอีกวัน การคุ้นเคยกับตัวรถจากวันแรกที่ขี่ทำให้การขี่วันที่สองเป็นไปอย่างธรรมชาติ แต่ก็ยังมีปัญหาอยู่บ้างกับการจอดและขยับเพื่อกลับรถหรือเปลี่ยนตำแหน่ง อย่างที่บอกถ้าไปคนเดียวการมองจุดจอดล่วงหน้าเป็นเรื่องสำคัญ ต้องเผื่อไว้ถึงตอนออกหรือกลับจากจุดนั้น ในช่วงเส้นทางที่เป็นโค้งต่อโค้งนั้น ร็อคเกต 3 อาร์ อาจต้องระวังกับการใช้คันเร่งในโค้งด้วยธรรมชาติของเครื่องยนต์สามสูบเรียงที่ไอดีอยู่ฝั่งซ้ายและไอเสียอยู่ฝั่งขวา ทำให้การทำงานของสูบขึ้น-ลง มีผลต่อตัวรถเวลาเข้าโค้งอยู่บ้าง แต่ถ้าเริ่มคุ้นแล้วก็จะหาจังหวะและความเร็วที่เข้าได้อย่างสนุกและมั่นใจได้ แต่ควรระวังพื้นผิวของถนนเมืองไทยไว้ด้วย เพราะทั้งทราย รอยแตก แอ่งยุบตัว พร้อมทำลายจังหวะการขี่ได้ตลอด 

อย่างไรก็ตามในช่วงขี่บนถนนไฮเวย์เปิดโล่งตอนขากลับก็ได้โอกาสลองอัตราเร่งหลายครั้ง ยอมรับขุมพลังและระบบเกียร์ของร็อคเกต 3 อาร์ ตอบสนองได้อย่างยอดเยี่ยม สมูธไปกับการไต่ระดับความเร็วอย่างต่อเนื่อง เกียร์ที่ใช้งานได้กว้างอย่างช่วงหนึ่ง ผมใช้เกียร์ 4 กับความเร็วต่ำระดับ 60 กม./ชม. และเร่งขึ้นไปทันที เป็นจังหวะที่ต้องสู้กับแรงจี ความเร็วที่แหวกอากาศมาปะทะตัว เพราะไม่มีชิลด์หน้า และภาพรอบข้างที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว สายตาเหลือบมองหน้าจอแสดงความเร็ว 183 กม./ชม. เริ่มกลัวใจตัวเองจึงต้องยก แม้จะไปได้อีก ! นับเป็นการทะยานความเร็วบนถนนแบบที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนจริงๆ เอาเป็นว่าเรื่องของสมรรถนะร็อคเกต 3 อาร์ คงไม่มีข้อสงสัยใดๆ ให้คาใจ มีแต่จะติดใจ การขี่ที่ผ่านมาทั้งหมดใช้โหมด Road และปรับค่าโช๊คหน้า-หลัง ไว้ตำแหน่งกึ่งกลางทั้งหมด ก่อนจบการทดสอบผมได้โอกาสทดสอบระบบเอบีเอสโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะฝนที่กระหน่ำลงมา แต่เลือกที่จะไปต่อ โดยปรับเป็นโหมด Rain สัมผัสได้ถึงการควบคุมแทร็คชันที่มากขึ้น และในจังหวะที่ผู้เขียนขี่ฝ่าฝนบนถนนเจิ่งนองไปด้วยน้ำ ได้เปิดคันเร่งเพื่อแซงรถยนต์ช้าด้านหน้าก่อนกลับเข้าเลน แต่รถด้านหน้าอีกคันกลับเบรกกระทันหัน ทำให้ต้องเบรกกระทันหันตาม จนเอบีเอสทำงาน และสามารถหยุดรถได้ทันท่วงทีด้วยระยะที่เหลือไว้ประมาณ 1 ซม. ก็แปลกใจพอสมควรที่ไม่ชน เพราะคิดคำนวนการน้ำหนักรถและพื้นผิวถนนแล้วไม่น่าเอาอยู่ แต่ก็หยุดได้พอดี นับเป็นความประทับใจในระบบเบรกอีกอย่าง  สุดท้ายตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองของเครื่องยนต์ 2,500 ซีซี 167 แรงม้า น้ำหนักตัว 291 กก. จากการขี่เป็นระยะทางรวมทั้งหมดกว่า 200 กม. ได้ 12.8 กม./ลิตร

Rocket 3R ใหม่ คือ บิ๊กไบค์ที่มีทั้งขนาดและขุมพลังใหญ่สมความเป็นบิ๊กไบค์อย่างแท้จริง และมีอัตราเร่งที่โหดสุดๆ โดยสเปคสามารถทะยานแหวกอากาศจาก 0-100 กม./ชม. ภายในเวลาไม่เกิน 3 วินาที นับเป็นตัวเลขระดับซูเปอร์คาร์ ด้วยขุมพลัง ช่วงล่าง และเบรก ผสานการทำงานให้ Rocket 3R ใหม่ พริ้วไหวโดดเด่นอยู่บนถนนได้อย่างสมศักดิ์ศรีไทรอัมพ์ เป็นรถที่ขี่แล้วชวนให้นึกถึงรุ่น bobber อยู่บ้าง แต่รายละเอียดและความรู้สึกที่ได้ต่างกันเกือบหมด การขี่ที่ควบคุมง่าย เดินทางไกลได้สบาย คิดว่ารุ่น Rocket 3GT น่าจะยิ่งสบายกว่านี้ด้วยองศาแฮนด์และชิลด์หน้า แต่เมื่อเทียบกับรถรุ่นอื่นในระดับราคาขนาดนี้ เชื่อได้เลยว่า Rocket 3R ใหม่ น่าจะเป็นพระเอกในใจของใครหลายคน ยิ่งถ้าได้ลองขี่ด้วยแล้ว ถ้าบอกว่าราคาค่าตัวคันนี้เกือบล้านบาทอาจฟังผ่านๆ แล้วแพง ถ้าบอกไม่ถึงล้านบาท กับขุมพลังขนาด 2,500 ซีซี ก็จะกลายเป็นความคุ้มค่าทันที และเมื่อเทียบกับรถครุยเซอร์ราคาระดับล้านบาทบวกลบ ก็จะยิ่งพบว่าโดนใจกว่าเห็นๆ ทั้งสเปคและรูปลักษณ์

Rocket 3R ใหม่ ราคา 955,000 บาท ไม่ใช่แค่บิ๊กไบค์ราคาแตะล้านที่เอาไว้แค่ขี่ไปกินกาแฟจอดชม หรือขี่ไปแค่สังสรรค์กลุ่มพูดคุยแล้วแยกย้าย แต่มันสามารถเป็นให้ทุกอย่างที่คุณอยากได้กับความเป็นบิ๊กไบค์เจ้าถนน