รีวิว "รอยัล เอนฟิลด์ ทริป" บทพิสูจน์ อินเตอร์เซปเตอร์ 650 และ คอนติเนนทัลจีที 650 (Test Ride Review)
ทีมงานมอเตอร์ไบค์ กููรู (Checkraka.com) ได้โอกาสร่วมทริปพิสูจน์สมรรถนะ รอยัล เอนฟิลด์ 2 รุ่นใหม่ล่าสุด
คอนติเนนทัล จีที 650 (Continental GT 650) และ
อินเตอร์เซปเตอร์ ไอเอ็นที 650 (Interceptor INT) ตอกย้ำความมุ่งมั่นของรอยัล เอนฟิลด์ในตลาดประเทศไทย และเปิดตำนานบทใหม่ในหน้าประวัติศาสตร์ 117 ปี ของการผลิตรถจักรยานยนต์ด้วยรถมอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์สูบคู่ หรือทวินที่พร้อมสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับไบค์เกอร์ไทย โดยงานนี้ท้าทายไปกับเส้นทางเขาภาคใต้ที่เต็มไปด้วยโค้งมากมาย
การทดสอบครั้งนี้ทาง ทีมงานรอยัล เอนฟิลด์ ประเทศไทย ได้ก้าวเข้ามาดูแลเต็มที่นับจากนี้ โดยเชิญสื่อมวลชน 16 คน รวมทั้งทีมงานมอเตอร์ไบค์กูรู/ เช็คราคา.คอม มาร่วมประเดิมการทดสอบรถ 2 รุ่นล่าสุดอย่างเป็นทางการครั้งแรกในไทย โดยสื่อฯ ทั้งหมดบินมาลงภูเก็ตเข้าพักที่โรงแรมภูเก็ต แมริออท รีสอร์ท แอนด์ สปา หาดในยาง ในวันที่ 21 มีนาคม พร้อมรับฟังการบรรยายรายละเอียดของผลิตภัณฑ์พร้อมเส้นทางการทดสอบและจับฉลากแบ่งกลุ่ม
เช้าวันที่ 22 การทดสอบสุดตื่นเต้นก็ได้เริ่มขึ้น โดยแบ่งสื่อฯ ออกเป็น 2 กลุ่มๆ ละ 8 คน เพื่อแยกทดสอบรอยัล เอนฟิลด์
อินเตอร์เซปเตอร์ 650 และ
คอนติเนนทัล จีที 650 โดยทีมงานได้ทดสอบรุ่น คอนติเนนทัล จีที ก่อนในช่วงครึ่งวันแรก เส้นทางเป็นการผสมผสานระหว่างไฮเวย์กับทางขึ้น-ลงเขา ระยะทางรวมราว 115 กม. มุ่งหน้าเข้าจังหวัดพังงา ช่วงแรกที่ออกตัวจากโรงแรมฯ ขบวนฯ วิ่งกันบนไฮเวย์ยาวๆ ผู้เขียนเพิ่งเคยคร่อม คอนติเนนทัล จีที ครั้งแรกพบว่าท่านั่งไม่ได้ก้มจนน่ากังวลตามสไตล์คาเฟ่ เรเซอร์อย่างที่คิด ระดับแฮนด์ออกแบบมาให้จับสบาย และมั่นใจไปกับการใช้ความเร็วที่ค่อนข้างสูงตลอด ในบางช่วงขบวนฯ มีโอกาสใช้ความเร็วเต็มที่ เพื่อสัมผัสถึงสมรรถนะของเครื่องยนต์ 2 สูบ ทวินใหม่ พลัง 47 แรงม้าของรอยัล เอนฟิลด์ การตอบสนองเมื่อเปิดคันเร่งและช่วงเปลี่ยนเกียร์นับว่าทำได้ไหลลื่นและน่าประทับใจมาก ผู้เขียนลองทำความเร็วเต็มที่วัดได้จากหน้าปัดอยู่ที่ 175 กม./ชม. จริงๆ ก็สามารถไหลไปได้อีก แต่พบว่าช่วงล่างด้านหน้าเริ่มออกอาการเต้นบ้าง จึงลดความเร็วลงอยู่ระดับ 140-150 กม./ชม. ซึ่งเป็นความเร็วในการเดินทางช่วงแรก
บททดสอบอันท้าทายอยู่ที่ช่วงทางขึ้น-ลงเขาหลัก มุ่งหน้าไปยังจุดพักกลางวันที่ กระทะทอง รีสอร์ต แต่ขบวนฯ แวะเก็บภาพสวยๆ ของแต่ละคนก่อนขึ้นเขาก่อน หลังจากนั้นก็ฟรีรันขึ้นไปตามสะดวก ผู้เขียนเลือกที่จะปิดท้ายขบวนฯ ใช้ความเร็วอย่างเหมาะสมเพื่อเก็บบรรยากาศสวยๆ ระหว่างทาง แม้ถนนเขาจะค่อนข้างแคบและเต็มไปด้วยโค้งซ้าย-ขวา แต่ คอนติเนนทัล จีที 650 ก็ให้ความสนุกสนานในการขี่ผ่านโค้งคดเคี้ยวต่างๆ แม้มีรถใหญ่สวนผ่านตัวรถก็ยังมั่นคง ไต่ไลน์ไปได้อย่างมั่นใจ ระบบเบรกเมื่อต้องชะลอ-หยุด ก็ให้ความรู้สึกตอบกลับที่ดี คุ้นเคยง่าย แม้เจออุปสรรคในโค้งแบบกระทันหันก็ยังหักหลบเปลี่ยนไลน์ได้อย่างไม่เสียอาการหรือบาลานซ์ หลังจากถึงจุดหมายครึ่งทางเพื่อพักและสลับรถก็พอสรุปได้ว่า คอนติเนนทัล จีที 650 ทวินใหม่เป็น เป็นมอเตอร์ไซค์แนวคาเฟ่ เรเซอร์ ที่ขี่สนุกมากๆ รูปทางสวย ราคาก็เช่นกัน เพราะเริ่มต้นเพียง 221,000 บาท
หลังจากอิ่มกับอาหารกลางวัน ช่วงบ่ายก็เปลี่ยนสลับรถไปทดสอบรุ่น
อินเตอร์เซปเตอร์ 650 รูปทางท่านั่งปรับเปลี่ยนใหม่สบายขึ้นตามสไตล์โมเดิร์น คลาสสิก เส้นทางช่วงบ่ายยังคงมีเส้นทางผ่านเขาที่มีโค้งสลับซ้าย-ขวา ทางชาวบ้านที่แคบ ถนนเลียบชายฝั่ง และไฮเวย์ สู่จุดหมายปลายทางที่โรงแรมฯ หลังจากอิ่มท้องช่วงบ่ายกับท่านั่งที่สบาย ช่วงล่างที่รู้สึกนุ่มนิ่มกว่ารุ่นคอนติเนนทัล ทำให้เริ่มง่วง แต่เส้นทางช่วงแรกของภาคบ่ายที่ยังมีโค้งมากมาย และทางแคบทำให้เริ่มสนุกกับการขี่ต่อเนื่อง ขบวนฯ แวะเก็บภาพกันในช่วงทางเขา และเลียบชายฝั่ง ก็ยิงยาวเข้าสู่ไฮเวย์กลับเข้าที่พักด้วยระยะทางรวมราว 102 กม. สำหรับรุ่น อินเตอร์เซปเตอร์ 650 พบว่าช่วงล่างให้ความนุ่มนวลกว่า ท่านั่งสบายกว่าตามสไตล์ตัวรถ เข้าใจว่าทำให้ลมปะทะผู้ขี่เยอะกว่าด้วย ความเร็วที่ทำได้เต็มที่สำหรับผู้เขียนอยู่ที่ 165 กม./ชม. โดยรวมให้ความประทับใจในการเดินทาง เหมาะกับการเอาไปคัสตอมสวยๆ และใช้เป็นพาหนะเก๋ๆ คู่ใจ ทั้งขี่ในเมืองและเดินทางไกล ด้วยราคาค่าตัวเริ่มต้นที่ 213,000 บาท นับว่าหาคู่แข่งมาเทียบได้ยาก ทั้งด้านสมรรถนะและราคา
บทสรุป
มอเตอร์ไซค์ รอยัล เอนฟิลด์ สูบคู่ทวิน 650 ใหม่ ทั้งรุ่น
อินเตอร์เซปเตอร์ 650 (Interceptor 650) และ
คอนติเนนทัล จีที 650 (Continental GT 650) เป็นการเปิดรอยัล เอนฟิลด์ ยุคใหม่ ที่สะท้อนให้เห็นถึงรถที่มีคุณภาพ ความสวยงาม สไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ ในราคาจับต้องได้มากที่สุดในตลาด เมื่อพิจารณาถึงคลาสระดับ 650 ซีซี (648 ซีซี) ล่าสุดรถทั้ง 2 รุ่น ได้ส่งมอบลูกค้า 100 คนแรกในประเทศไทยแล้ว เชื่อว่าปีนี้รถทั้ง 2 รุ่น น่าจะเป็นแฟลกชิพที่เปิดเส้นทางใหม่ๆ ให้กับผู้ที่หลงใหลรถแนวนี้ได้อย่างคุ้มค่า