ไทเกอร์ 1200 ทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมกับท่อเก็บเสียงแบบมินิมอลน้ำหนักเบาแบบใหม่ทำให้เครื่องยนต์ส่งมอบเสียงที่นุ่มนวลขึ้นกว่าเดิม ที่สำคัญไฮไลท์คือ รูปลักษณ์ที่ออกแบบมาให้มีความเพรียวบางคล่องตัวขึ้นด้วยน้ำหนักที่เบากว่ารุ่นก่อนถึง 25 กิโลกรัม เฟรมน้ำหนักเบาแบบใหม่ พร้อมซับเฟรมหลังและชุดพักเท้าอะลูมิเนียมที่ยึดด้วยสกรู สวิงอาร์มแบบ 'tri-link' แบบใหม่ที่เบาขึ้นและแข็งแกร่งขึ้น พร้อมตอบสนองความต้องการในการขับขี่ระยะทางไกลและการขี่แบบออฟโรดขั้นสูงด้วยเบรก Brembo Stylema® ระบบเบรก ABS ขณะเข้าโค้ง พร้อมระบบ IMU และระบบกันสะเทือนแบบ semi-active ที่ล้ำสมัยของ Showa เพื่อสมรรถนะสูงสุดของการขับขี่ รวมถึงล้อซี่ลวดแบบ tubeless ขนาด 21 นิ้ว และ 18 นิ้ว พร้อมยาง Metzeler Karoo Street™ เพื่อการขับขี่บนทุกสภาพถนน และยาง Michelin Anakee Wild เป็นอีกตัวเลือกที่แนะนำสำหรับการขี่แบบออฟโรด อีกทั้งเบาะนั่งที่ปรับตำแหน่งได้พร้อมตัวถังแบบใหม่ที่ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ เพื่อการทรงตัวที่ยอดเยี่ยมและให้ความรู้สึกถึงความสบายขณะขับขี่ และยังมีกระจกบังลมแบบใหม่ที่ปรับได้ง่ายพร้อมกลไกที่ปรับได้ด้วยมือเดียวขณะขับขี่ ด้านความสูงของเบาะนั่งอยู่ที่ 875 มม. และ 895 มม. โดยลูกค้าสามารถลดตำแหน่งเบาะนั่งได้อีก 20 มม. ด้วยการติดตั้งอุปกรณ์เสริมเบาะนั่งแบบ low seat ด้านความจุถังน้ำมันขนาดใหญ่ โดย ไทเกอร์ 1200 แรลลี่ โปร มาพร้อมถังน้ำมันขนาด 20 ลิตร และ ไทเกอร์ 1200 แรลลี่ เอ็กซ์พลอเรอร์ มาพร้อมถังน้ำมันขนาด 30 ลิตร
ไฮไลท์ของไทเกอร์ 1200 เทคโนโลยีครบวงจรที่พัฒนาขึ้นใหม่ทั้งหมดในการกำหนดคุณสมบัติขั้นสูงของอุปกรณ์มาตรฐานที่ออกแบบมาเพื่อยกระดับการขับขี่ ความปลอดภัย ความสะดวกสบาย และการควบคุมรถ ประกอบด้วย แผงหน้าปัด TFT ขนาด 7 นิ้ว แบบใหม่ พร้อมระบบเชื่อมต่อ My Triumph Connectivity ที่ติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ซึ่งสามารถเข้าถึงระบบนำทางแบบ turn-by-turn การควบคุมกล้อง GoPro รวมถึงสามารถใช้งานโทรศัพท์และเล่นเพลงได้ และโหมดการขับขี่สูงสุดถึง 6 โหมด ได้แก่ Road, Rain, Sport, Rider-configurable, Off-Road และ Off-Road Pro โดยการทำงานของเครื่องยนต์ควบคุมด้วยระบบไร้กุญแจที่พัฒนาขึ้นใหม่ทั้งหมด ทั้งการสตาร์ทรถ ล็อคพวงมาลัย และเปิดฝาถังน้ำมัน ในส่วนของระบบไฟมีการออกแบบไฟ LED แบบใหม่ พร้อมไฟ DRL และไฟหน้าปรับทิศทางตามการเข้าโค้ง (Adaptive Cornering Lights) รวมถึงระบบช่วยเปลี่ยนเกียร์แบบไม่ใช้คลัตช์ (Triumph Shift Assist) ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน และเบาะนั่งปรับอุณหภูมิสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร นอกจากนี้ยังมี Tyre Pressure Monitoring System หรือระบบตรวจวัดแรงดันลมยาง (TPMS) ที่ช่วยตรวจสอบแรงดันลมยางเพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้ขับขี่
ฟังก์ชันที่เพิ่มความสะดวกสบายด้วยปลอกแฮนด์แบบปรับความร้อนได้ ที่เก็บสัมภาระใต้ที่นั่งพร้อมช่องชาร์จไฟผ่านพอร์ท USB รวมถึงสวิตช์คิวบ์แบบมีไฟส่องสว่างที่แฮนด์บาร์และจอยสติ๊กควบคุม 5 ทิศทาง เพิ่มความพรีเมียมขึ้นอีกระดับและช่วยเหลือผู้ขับขี่ในยามค่ำคืน พร้อมกันนี้ยังมีระบบควบคุมความเร็วคงที่อิเล็กทรอนิกส์แบบปรับได้ และขาตั้งกลางที่ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานมาให้อีกด้วย
ไทเกอร์ 1200 แรลลี่ เอ็กซ์พลอเรอร์ (Tiger 1200 Rally Explorer) มาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานที่มีความพิเศษเพิ่มเติมจากรุ่นอื่น ๆ อาทิ เทคโนโลยีเรดาร์จุดอับสายตา (Triumph Blind Spot Radar) ระบบช่วยเหลือขณะเปลี่ยนเลน (Lane Change Assist) ซึ่งจะแจ้งเตือนได้แม่นยำยิ่งขึ้นหากผู้ขับขี่กำลังจะเปลี่ยนเลนและมีรถกำลังเข้ามาใกล้ เป็นต้น
นอกจากนี้สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการคัสตอมยังสามารถเพิ่มเติมสมรรถนะของรถจักรยานยนต์ทั้ง 2 รุ่นให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ผู้ขับขี่มากยิ่งขึ้นด้วยอุปกรณ์เสริมแท้มีให้เลือกมากกว่า 50 รายการ ที่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถ ความสะดวกสบาย สไตล์ และการปกป้องของรถจักรยานยนต์ เพื่อยกระดับประสบการณ์การผจญภัยของผู้ขับขี่ โดยทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมความสุดพิเศษกับการรับประกันคุณภาพ Triumph Warranty 3 ปีแบบไม่จำกัดระยะทาง รวมถึงความคุ้มค่าของช่วงเวลาการเข้ารับบริการเช็คระยะที่สูงถึง 16,000 กิโลเมตร หรือ 12 เดือน ตลอดจนฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนตลอด 24 ชั่วโมง (Triumph Roadside Assistance) เป็นระยะเวลา 2 ปี
พิเศษสุด! สำหรับลูกค้าที่จองรถจักรยานยนต์ทั้ง 2 รุ่น 30 ท่านแรก ตั้งแต่วันนี้- 6 พฤศจิกายน 2565 รับฟรีทันที Pannier Set และ Top Box Set พร้อมอุปกรณ์ติดตั้ง และชุดเบาะ Low Seat มูลค่ารวมกว่า 92,000 บาท นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ Tiger 1200 Weekend Test Ride ชวนไรเดอร์สายลุยให้ได้ยลโฉมและมาสัมผัสสมรรถนะเพื่อทดลองขับขี่ 2 พี่เสือรุ่นใหญ่ก่อนใคร ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 – 30 ตุลาคม 2565 ณ สนาม RÜCKER PARK ถนนสุวินทวงศ์ กรุงเทพฯ