Brad Binder หักปากกาเซียนหลังฝนตกแต่ยังไปต่อด้วยยางสลิคจนจบ พลิกเกมกลับมาเป็นผู้ชนะใน AustrainGP

ก่อนการแข่งขัน Bitci Motorrad Grand Prix von Osterreich เป็นการแข่งขันที่ดุเดือดที่สุด โดยที่กล้องถ่ายทอดสดจากในสนามเริ่มสังเกตได้ว่ามีเม็ดฝนตกมาปรอยๆ  โดยนักแข่งส่วนใหญ่เลือกใช้ยางแบบ Hard กับ Medium ชัยชนะในสนามนี้ตกเป็นของ Brad Binner นักแข่งจากทีม Red Bull KTM Factory Racing ผู้ที่กล้าหาญขี่ด้วยยางสลิคต่อไปอีก 3 รอบแม้ฝนตกหนัก ด้าน Francesco Bagnaia จาก Ducati Lenovo Team คว้าตำแหน่งที่ 2 และ Jorge Martin จาก Pramac Racing เป็นอันดับ 3 โดยในรอบสุดท้ายยังสามารถแซงผ่านนักแข่งได้ถึง 6 คันอีกด้วย

ในขณะที่ฝนกำลังโปรยปรายเหนือสนาม Red Bull Ring แต่การแข่งขันถูกประกาศเกิดขึ้นตามปกติ โดยไม่มีการประกาศ Wet Race แต่อย่างใด  และเมื่อการแข่งขันเริ่มต้นขึ้นเป็น Martin ออกตัวได้ดี Bagnaia ขึ้นมาเป็นอันดับ 2 โดยที่ Fabio Quartararo จาก Monster Energy Yamaha MotoGP ขึ้นเป็นที่ 3 หลังจากหลุดจากโค้งที่ 1 พอผ่านโค้งที่ 4 ก็เริ่มเห็นฝนเล็กน้อย แล้วกรรมการสนามก็เริ่มโบกธงขาวให้สัญญาณให้นักแข่งว่ามีฝนเริ่มลง ให้นักแข่งสามารถเข้าไปเปลี่ยนรถสำรองที่ใส่ยางฝนได้

รอบที่ 2 กลับกลายเป็น Bagnaia ขึ้นมานำโดยมี Martin ตามมาส่วน Marc Marquez จาก Repsol Honda Team เป็นอันดับ 3 แต่ในรอบต่อไปก็ยังคงเป็น Bagnaia ยังคงเป็นผู้นำ ส่วนผู้ตามเปลี่ยนเป็น Johann Zarco จาก Pramac Racing แซงมาเป็นอันดับ 2 ในช่วงต้นๆ นี้ ถือว่านักแข่งต่างแย่งชิงอันดับกันอยู่เรื่อยๆ จนถึงประมาณรอบที่ 8 กรรมการสนามก็ตีธงอีกครั้งแต่เป็นธงขาวแดงนั่นหมายถึง ฝน หนักขึ้นกว่าเริ่มการแข่งขัน

หลังจากนั้น Bagnaia ยังคงเป็นผู้นำ โดยนำห่างออกไปถึงครึ่งวินาที Quartararo ก็ไล่ตามมาโดยมี Marquez ตามมาติดๆ โดยทิ้งห่างกลุ่มหลังถึงหนึ่งวินาที และเป็นอยู่อย่างนี้ไปอีกหลายรอบ จนรอบการแข่งขันเหลืออีก 11 รอบ Zarco ก็พลาดล้มไปในโค้งที่ 9 จากนั้น Bagnaia ยังคงนำอย่างต่อเนื่อง จนเหลืออีก 9 รอบ Marquez ก็แซง Quartararo ขึ้นมาได้ จนรอบเหลืออีก 6 รอบ Miguel Oliveira จาก Red Bull KTM Factory Racing ก็พลาดล้มไปในโค้งที่ 1 จนรอบถัดมากลุ่มผู้นำก็เข้ามาเปลี่ยนรถ

โดยคนที่ออกจากพิทมาเป็นคันแรกนั่นคือ Marquez แล้วก็ Quartararo และ Bagnaia ด้าน Binder ที่ไม่เข้าพิทถือว่าเสี่ยงดวงอย่างมาก โดยมี Aleix Espargaro จาก Aprilia Racing Team Gresini และ The Doctor หรือ Valentino Rossi จาก Petronas Yamaha SRT ตามมา แต่ที่น่าเสียดายคือ Marquez ที่ออกมากับยางฝนนั้นพลาดล้มออกไปแต่สามารถเอารถกลับมาร่วมการแข่งขันได้ 

ในรอบสุดท้ายกลายเป็น Binder ที่นำห่างถึง 11 วินาที แม้จะค่อยๆ มาเพราะสนามลื่นจากฝน ก็สามารถเข้าเส้นชัยไปได้สำเร็จ ส่วนที่ 2 เป็นของ Bagnaia ที่ 3 เป็นของ Jorge Martin จาก Pramac Racing ที่สามารถแซงกลับขึ้นมาได้เพราะได้เข้าพิทเปลี่ยนรถ จากชัยชนะของ Binder นับเป็นครั้งที่ 2 ถึงแม้จะโดนบทลงโทษถึง 3 วินาที แต่นั่นก็ไม่ทำให้อันดับเปลี่ยนแปลงไปนี่เลยเป็นการคว้าชัยชนะใน Home Race ของ KTM

หลังจบการแข่งขัน Rossi ก็ได้ทำการโบกมืออำลา่แฟนๆ ที่ Red Bull Ring ก่อนจะรีไทร์ในปีนี้ถือเป็นการอำลาแฟนๆ ในสนาม 

สนามต่อไปจะย้ายไปแข่งกันที่ Silverstone Circuit ในประเทศอังกฤษ ในรายการ Monster Energy British Grand Prix 

ผลการแข่งขัน

คะแนนสะสม

*ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก โมโตจีพี.คอม

ส่วนผลงานในรุ่น Moto2 ก้อง-สมเกียรติ จันทรา สังกัด IDEMITSU Honda Team Asia โชว์ฟอร์มเวิลด์คลาส ผงาดท็อปไฟว์ Moto2 

ก้อง-สมเกียรติ จันทรา จาก IDEMITSU Honda Team Asia ยอดนักบิดดาวรุ่งจากโครงการ "ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม" โชว์ฟอร์มระดับเวิลด์คลาสร้อนแรงต่อเนื่อง ควบรถแข่งคู่ใจหมายเลข 35 สตาร์ทกริดที่ 7 ทะยานคว้าอันดับ 5 ในศึก Moto2 สร้างผลงานดีที่สุดในชีวิตได้อีกครั้ง 

ผ่านครึ่งทางการแข่งขัน สมเกียรติ รั้งอันดับ 6 โดนไล่ตามบี้ชิงท็อปไฟว์อย่างสุดมันส์ อย่างไรก็ดี ในรอบสุดท้ายนักบิดไทยไล่บดอย่างหนัก ก่อนคว้าอันดับ 5 มาครองได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในชีวิตกับการแข่งขัน เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ ด้วยเวลาตามหลังผู้ชนะอย่าง Raul Fernandez จาก Red Bull KTM Ajo เพียง 8.850 วินาที

จากผลงานสุดร้อนแรง สมเกียรติ ขยับขึ้นมารั้งอันดับ 15 บนตารางแชมเปี้ยนชิพ มีทั้งสิ้น 35 คะแนน ก่อนจะเดินทางสู่การแข่งขันสนามถัดไป

ด้าน ก๊องส์-ธัชกร บัวศรี โชว์ฟอร์มร้อนแรงที่ Red Bull Ring 

ก๊องส์-ธัชกร บัวศรี ยอดนักบิดดาวรุ่งจากโครงการ "ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม" สร้างผลงานกระหึ่มเวทีดาวรุ่งชิงแชมป์โลก ควบรถแข่งหมายเลข 5 ผงาดคว้าอันดับ 3 ในเรซแรก ธัชกร ยังคงทำผลงานโดดเด่นคว้ากริดสตาร์ทอันดับ 5 มาครอง ในเกมที่ต้องดวลกับสุดยอดดาวรุ่งจากทั่วโลกกว่า 25 คน ชิงชัยกันทั้งสิ้น 17 รอบสนามอย่างไรก็ดี ธัชกร ที่เตรียมตัวมาอย่างหนัก สามารถพลิกสถานการณ์กลับมาขึ้นโพเดี้ยมได้สำเร็จ ด้วยการบิดเข้าป้ายในอันดับ 3 ด้วยเวลา 28 นาที 30.800 วินาที 

สำหรับเรซที่ 2 ก๊องส์-ธัชกร บัวศรี ได้เริ่มเกมจากกริดที่ 5 และออกตัวได้อย่างยอดเยี่ยม ทะยานขึ้นเป็นผู้นำได้ในช่วง 4 รอบแรก ทว่าจากความผิดพลาดเล็กน้อยทำให้ร่วงลงมาถึงอันดับ 10 อย่างไรก็ดี ธัชกร ค่อยๆ ไล่แซงคู่แข่งขึ้นมาจนถึงอันดับ 2 ในช่วง 4 รอบสุดท้าย เกมเรซนี้บีบหัวใจแฟนชาวไทยอย่างมาก ธัชกร พยายามอย่างหนักในการไล่บี้เอาตำแหน่งผู้นำก่อนเข้าป้ายในอันดับ 2 ด้วยเวลา 28 นาที 28.060 วินาที โดยนับเป็นโพเดี้ยมครั้งที่ 4 สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักบิดไทยคนแรกที่ทำได้ในรายการระดับจูเนียร์ชิงแชมป์โลก

จากผลงานสุดร้อนแรง ธัชกร ขยับขึ้นมารั้งอันดับที่ 5 บนตารางแชมเปี้ยนชิพ มีทั้งสิ้น 113 คะแนน ขณะที่เหลือการแข่งขัน 1 สนาม (2 เรซ) โดยสนามสุดท้ายจะดวลความเร็วระหว่างวันที่ 11-12 กันยายนนี้ ที่ มอเตอร์แลนด์ อรากอน ประเทศสเปน

แฟนความเร็วชาวไทยติดตามข่าวสารของนักบิดฮอนด้าได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ เรซ ทู เดอะ ดรีม