ฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน ออฟ แบงค็อก จัดทริปสื่อ สัมผัสจิตวิญญานเอชดีหลายรุ่นใหม่
บริษัท พาวเว่อร์ สเตชั่น มอเตอร์สปอร์ต จำกัด ผู้ดำเนินการ ฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน ออฟ แบงค็อก และฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน ออฟ ภูเก็ตจัดทริปสื่อมวลชน สัมผัสจิตวิญญานเอชดีหลายรุ่นใหม่ เมื่อ 22-23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยจัดเตรียมฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน ไว้ 7 คันต่างรุ่น รองรับ 7 สื่อมวลชนสายจักรยานยนต์ รวมทั้งเพจมอเตอร์ไบค์กูรู และ เว็บไซต์เช็คราคา.คอม ร่วมเดินทางจากโชว์รูมพระราม 9 มุ่งหน้าสู่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน
สื่อมวลชนพร้อมกันที่โชว์รูมฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน ออฟ แบงค็อก พระราม 9 ในช่วงเช้าตรู่เพื่อรับฟังบริฟตัวรถรุ่นใหม่คือ รุ่น Low Rider S และSofttail Standard ตลอดจนเส้นทางการขี่ ซึ่งนอกจากรถ 7 คันของสื่อฯ แล้วยังมีรถของทีมงานพาวเว่อร์ สเตชั่น ขี่นำขบวนและปิดท้าย โดยจุดหมายปลายทางของทริปอยู่ที่ River Tales ลานกางเต็นท์ริมน้ำแก่งกระจาน
ขบวนฯ ฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน ออกเดินทางจากโชว์รูม ฝ่าการจราจรติดขัดในช่วงเช้าบนถนนพระราม 9 ผู้เขียนจับฉลากได้รุ่น
LOW RIDER S ขี่ก่อนใคร สัมผัสแรกกับครุยเซอร์ไบค์ เอชดี รุ่นใหม่ที่ปรับจาก Low Rider ธรรมดาพอสมควร จากข้อมูลที่ทราบมามีเฟรมที่ลดระยะเยื้องโช้กอัพหน้าที่เป็นแบบหัวกลับตอบสนองการควบคุมได้ดียิ่งขึ้น ภายในโช้กอัพหน้าแบบกระบอกเดี่ยวก็ช่วยเสริมการทำงานตอนเบรกให้ดีขึ้นด้วย ผู้เขียนขี่ซอกแซกตามขบวนลอดช่องว่างระหว่างรถยนต์บนถนนไปได้อย่างไม่ยากอย่างที่คิด เกียร์ 1 ใช้ได้ยาวอย่างน่าพอใจเหมาะกับขี่แบบชะลอเบาออกตัวไปเรื่อยๆ แฮนด์บาร์เยื้องและยกให้ควบคุมง่าย เบาะนั่งสบาย แน่นอนว่าช่วงจอดเดินเบา สามารถวางเท้าได้เต็มอย่างมั่นคง หมดกังวลตัวรถที่หนัก น้ำหนักการบีบคลัตช์กำลังสบายไม่ต้องออกแรงมาก ปล่อยแล้วรถออกตัวง่าย ความเก๋อยู่ที่มาตรวัดทรงกลมบนตำแหน่งถังน้ำมัน มองใกล้ได้ชัดเจน
หลังผ่านเส้นพระราม 2 ที่พอได้ทำความเร็วบ้าง แต่ปริมาณรถบนถนนโดยรวมก็ยังเยอะอยู่ ขี่มาพักทานกลางวันกันในร้านอาหารบริเวณปั้มน้ำมันแถวเขาย้อย รวมระยะทางกว่า 80 กก. พอสรุปได้ว่า LOW RIDER S ให้ความประทับใจเกินคาด ต่างจากประสบการณ์ขี่ฮาร์เล่ย์-เดวิดสันรุ่นอื่นๆ ที่ผ่านมาไม่น้อย โดยเฉพาะระบบเบรกที่ให้ความมั่นใจขึ้นมากด้วยดิสก์เบรกหน้าแบบคู่ที่ให้การหน่วงชะลอหยุดได้อย่างมีประสิทธิภาพหวังผลได้จริง ด้านพละกำลังเครื่องยนต์ Milwaukee-Eight 114 V-Twin ขนาด 1,868 ซีซี ให้แรงบิด 155 นิวตันเมตร ออกตัวง่ายและพุ่งทะยานทำความเร็วได้สนุก การขี่ผ่านพื้นผิวถนนขรุขระถูกซับแรงสะเทือนไว้ด้วยช่วงล่างใหม่และเบาะที่นุ่มแน่นนั่งสบาย ด้วยราคาเริ่มต้น 989,000 บาท กับสีดำ สามารถตอบสนองสมรรถนะ ความสบาย อิมเมจ ได้ทุกอย่างที่คาดหวัง ก็น่าเป็นรถรุ่นแรกให้กับผู้ชอบฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน ที่คงรูปแบบเทรดดิชั่นไว้ ใช้งานง่าย และทันสมัยครบถ้วน
จากนั้นก็มีโอกาสสลับมาขี่กลุ่ม Street รุ่น
48 ที่ราคาเริ่มต้น 639,000 บาท บนเส้นทางสายหลักและสายรองมุ่งหน้าเขื่อนแก่งกระจาน พอสรุปได้ว่า 48 ที่มีดีไซน์เท่เหมาะกับการขี่ระยะสั้นมากว่าทางไกล นอกจากนี้ถังน้ำมันจุได้เพียง 7.9 ลิตร ไม่เอื้อให้ไปในเส้นทางสายรองไกลๆมากนัก หลังจากนั้นก็มีโอกาสเปลี่ยนมาขี่รุ่น SoftTail สแตนดาร์ด ที่ราคา 769,000 บาท นับเป็นรุ่นที่ขี่สบายด้วยแฮนด์บาร์ทรงมินิ-เอป คลาสสิกด้วยล้อซี่ลวด และพร้อมให้ไปแต่งเติมคัสตอมต่อได้เต็มที่
ขบวนฯ ถึงที่พัก River Tales ในช่วงเย็นพร้อมเตรียมร่วมชมการเปิดตัวฮาร์เล่ย์- เดวิดสัน รุ่นใหม่ Pan America รถมอเตอร์ไซค์ดีไซน์มาเพื่อการผจญภัย นับเป็นการกลับมาเปิดตลาดแอดเวนเจอร์ไบค์อีกครั้งของเอชดี ซึ่งมีทั้งหมด 2 รุ่นย่อย 1250 และ 1250 Special เปิดราคาพร้อมจำหน่ายจริงเดือนมิถุนายนนี้
ในวันรุ่งขึ้นผู้เขียนมีโอกาสขี่อีก 2 รุ่นขากลับไปยังโชว์รูมฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน ออฟ แบงค็อก พระราม 9 คือ
BREAKOUT 114 และ
FAT BOB 114 ซึ่งเคยขี่มาก่อนแล้วทั้งคู่ จากทริปนี้สรุปจากความรู้สึกการขี่ได้ว่า ขี่สบายที่สุดคือ
LOW RIDER S แต่ขี่สนุกเข้ามือที่สุดยกให้ FAT BOB 114 และถ้าอยากได้สักคันก็คงต้องไปดูที่
ฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน ออฟ แบงค็อก พระราม 9