กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย สนับสนุนรถจักรยานยนต์พยาบาลเพิ่มอีก 10 คัน เพื่อต้านภัยโควิด-19
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของคนทั่วโลก เช่นเดียวกับสังคมไทยที่กำลังเผชิญและร่วมกันต่อสู้อย่างเต็มกำลัง วิกฤตดังกล่าวส่งผลให้อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นไม่เพียงพอต่อความต้องการ กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย ภายใต้มูลนิธิฮอนด้าประเทศไทย ร่วมกับกลุ่มบริษัทฮอนด้าในประเทศไทย พร้อมอยู่เคียงข้างและให้ความช่วยเหลือคนไทยต้านภัยโควิด-19 เล็งเห็นความสำคัญของการสาธารณสุข รวมถึงการป้องกันบุคลากรทางการแพทย์ให้รักษาผู้ติดเชื้อได้อย่างปลอดภัย จึงได้ประสานความร่วมมือกับโรงพยาบาลวชิรพยาบาล เพื่อนำทักษะและความเชี่ยวชาญที่มีอยู่มาผลิตเตียงเคลื่อนย้ายผู้ป่วยแบบแรงดันลบ จำนวน 100 เตียง เพื่อเตรียมส่งมอบให้กับโรงพยาบาลกว่า 90 แห่งทั่วประเทศ พร้อมประกาศให้การสนับสนุนเพิ่มเติมบริการรถจักรยานยนต์พยาบาลฮอนด้า (Motorlance) อีก 10 คัน
นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร กรรมการผู้จัดการกองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย กล่าวว่า 'ฮอนด้า พร้อมเคียงข้างคนไทยในทุกสถานการณ์ ในครั้งนี้ เราได้ตั้งทีมเฉพาะกิจขึ้นเพื่อพัฒนานวัตกรรมเตียงเคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเชื้อแบบแรงดันลบ ช่วยให้ไม่ต้องรอการนำเข้าอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ปัจจุบันเป็นที่ต้องการทั่วโลก ซึ่งจะมีการผลิตเตียงฯ ณ โรงงานผลิตรถยนต์ฮอนด้า จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมีพนักงานจากสายการผลิตที่หยุดเดินสายการประกอบรถยนต์ชั่วคราวเป็นจิตอาสาดำเนินการผลิต ภายใต้การควบคุมคุณภาพการผลิตของคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช ซึ่งขณะนี้ผ่านการทดสอบทางการแพทย์และเริ่มการผลิตแล้ว โดยจะทยอยส่งมอบให้กับโรงพยาบาลกว่า 90 แห่งทั่วประเทศ ได้ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 2563 นอกจากนี้ กองทุนฯ ยังได้ให้การสนับสนุนเพิ่มเติม โดยมอบบริการรถจักรยานยนต์พยาบาล (Motorlance) 10 คัน ซึ่งดัดแปลงจากรถจักรยานยนต์ฮอนด้า CBR250R ที่มีสมรรถนะสูง ปราดเปรียวคล่องตัว และสามารถเข้าถึงผู้ป่วยได้อย่างทันท่วงทีในภาวะการจราจรติดขัดหรือในพื้นที่คับแคบ เพื่อสนับสนุนการเข้าถึงและเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มเติมอีกทางหนึ่งด้วย'
ผศ.นพ.อนุแสง จิตสมเกษม รองคณบดีคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช เปิดเผยว่า 'ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทย ทางมหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช ได้พยายามคิดค้นนวัตกรรมเตียงเคลื่อนย้ายผู้ป่วยแรงดันลบขึ้นมาเพื่อการใช้งานทางการแพทย์ เพราะเดิมมีจำนวนน้อยและเป็นที่ต้องการ อีกทั้งต้นทุนการนำเข้ามาจากต่างประเทศสูงถึงเตียงละ 500,000 - 1,000,000 บาท ซึ่งเตียงฯ นี้จะช่วยให้การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยเป็นไปอย่างปลอดภัยที่สุด ในครั้งนี้ฮอนด้าได้ต่อยอดคือ มีการพัฒนาทั้งระบบปรับความดันและการกรองละอองขนาดเล็กได้ดีขึ้นกว่าต้นแบบ รวมทั้งมีการใส่ถังออกซิเจนที่จำเป็นเพิ่มเข้าไป ซึ่งผลทดสอบทางการแพทย์เป็นที่น่าพอใจ ขอขอบคุณทีมงานและการส่งต่อไปให้บุคลากรทางการแพทย์ทั่วประเทศด้วย โดยเมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ยุติลง เตียงเหล่านี้ยังสามารถนำไปใช้กับกลุ่มผู้ป่วยวัณโรค หรือผู้ป่วยทางเดินหายใจอื่นๆ ได้อีกด้วย'
ด้านนายวัลลภ เหลืองสีนาค ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไปส่วนงานบริหาร ตัวแทนทีมวิศวกรจิตอาสา บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เผยถึงความคืบหน้าในการผลิตเตียงฯ ว่า 'ได้ต่อยอดแนวคิดเตียงเคลื่อนย้ายผู้ป่วยแรงดันลบจากต้นแบบของโรงพยาบาลวชิรพยาบาล โดยได้พัฒนาระบบปรับความดันอากาศให้สามารถดูดลมและกรองอากาศให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยคุมให้มีแรงดันลบภายในไม่ต่ำกว่า -20 ปาสคาล (นิวตันต่อตารางเมตร หรือ N/m2) เพื่อไม่ให้เชื้อกระจายออกสู่ภายนอก พร้อมทั้งปรับตัวกล่องกรองอากาศ HEPA Filter (High-efficiency Particulate Air Filter) ให้สามารถกรองฝุ่น 0.3 ไมครอน ได้ 99.9% นอกจากนี้ ยังมีการปรับตัวกล่องให้กระชับมากขึ้น และเผื่อให้มีพื้นที่สำหรับเพิ่มถังออกซิเจนเข้าไปได้ ทางทีมฯ รู้สึกภูมิใจที่ได้นำทักษะในการผลิตรถยนต์ มาประยุกต์ใช้ในการผลิตเตียงเคลื่อนย้ายผู้ป่วยแรงดันลบ ที่ช่วยป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโควิด-19 และเพิ่มความปลอดภัยให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องดูแลผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงด้วย ซึ่งหลังจากนี้ จะทยอยส่งมอบไปยังโรงพยาบาลต่างๆ จนครบตามจำนวน 100 เตียง ภายในต้นเดือนพฤษภาคม 2563'
รายละเอียดอุปกรณ์ทางการแพทย์ภายใต้การสนับสนุนจากโครงการกองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย รวมมูลค่ากว่า 40 ล้านบาท ที่ประกอบด้วย
สนับสนุนบริการรถพยาบาลของกองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย 10 คัน ซึ่งดัดแปลงจากรถยนต์ฮอนด้า สเตปแวกอน ที่ได้รับการพัฒนาร่วมกับสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ
สนับสนุนบริการรถจักรยานยนต์พยาบาล (Motorlance) 10 คัน ซึ่งดัดแปลงจากรถจักรยานยนต์ฮอนด้า CBR250R เพื่อให้การช่วยเหลือและการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโควิด-19 เป็นไปได้อย่างคล่องตัว
เตียงเคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเชื้อแบบแรงดันลบ (Negative Pressure Mobile Bed) 100 เตียง โดยมีพนักงานสายการผลิตรถยนต์ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เป็นทีมผลิต
หน้ากากกันกระเด็น (Face Shield) 1,000 ชิ้น ที่เกิดจากการรวมพลังของพนักงานจิตอาสาบริษัท ไทยฮอนด้า แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด และบริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด
ชุดป้องกันเชื้อ หรือ Personal Protective Equipment Suit (PPE Suit) 10,000 ชุด ให้บุคลากรทางการแพทย์ใส่รักษาผู้ป่วยโควิด-19
หน้ากากอนามัย (Face Mask) 100,000 ชิ้น ที่จัดซื้อจากกรมราชทัณฑ์ เพื่อมอบให้แก่ชุมชนใกล้เคียงโรงพยาบาล
ทั้งนี้ งบประมาณของกองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทยที่สนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ในครั้งนี้ รวมมูลค่ากว่า40 ล้านบาท มาจากเงินสมทบจากการจำหน่ายรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ ซึ่งลูกค้าผู้ซื้อผลิตภัณฑ์ของฮอนด้าล้วนเป็นผู้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือสังคม และยังเป็นการสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของกองทุนฯ ที่พร้อมอยู่เคียงข้างคนไทยและให้ความช่วยเหลือในด้านต่างๆ เพื่อให้สังคมไทยผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 ไปได้ด้วยดี และจะเดินหน้าสร้างประโยชน์สุขให้กับคนไทย ดังเจตนารมณ์ของฮอนด้าในการสร้างสรรค์คุณค่าเพื่อเป็นองค์กรที่สังคมไทยต้องการให้ดำรงอยู่ตลอดไป
เกี่ยวกับกองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย
กลุ่มบริษัทฮอนด้าในประเทศไทย ได้ร่วมกันจัดตั้งกองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย ภายใต้การดำเนินงานของมูลนิธิฮอนด้าประเทศไทยเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2555 เพื่อเตรียมความพร้อมในการมอบความช่วยเหลือฉุกเฉินให้กับประชาชนไทยในยามที่ประเทศไทยอาจเกิดเหตุภัยพิบัติทางธรรมชาติ อาทิ แผ่นดินไหว ดินถล่ม ภัยหนาว ภัยแล้ง น้ำท่วม ตลอดจนกิจกรรมต่างๆ ที่ดำเนินงานภายใต้กองทุนดังกล่าวได้อย่างทันท่วงที โดยมอบเงินสมทบ 1,000 บาทต่อการขายรถยนต์ 1 คัน 100 บาทต่อการขายรถจักรยานยนต์ 1 คัน และ 10 บาทต่อการขายเครื่องยนต์อเนกประสงค์ 1 เครื่อง ปัจจุบันกองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย มียอดเงินสะสม ณ เดือนสิงหาคม 2562 เป็นจำนวนเงินกว่า 1,000 ล้านบาท ทั้งนี้กองทุนฯ ได้กำหนดภารกิจในการดำเนินกิจกรรมที่เป็นประโยชน์และให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุม 4 ด้าน ได้แก่ ด้านเงินทุน, ด้านวัสดุอุปกรณ์, ด้านการเสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือ และ ด้านการส่งเสริมความรู้ในการรับมือภัยพิบัติ โดยตลอดระยะเวลา 8 ปีของการดำเนินการ กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย ได้มีส่วนร่วมให้ความช่วยเหลือพี่น้องชาวไทยทั่วประเทศ รวมจำนวนเงินกว่า 335 ล้านบาท