บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด จัด Track Experience S1000RR ใหม่ โดย California Superbike School
บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย จัดกิจกรรม BMW Motorrad Track Experience by California Superbike School ประจำปี 2563 เพื่อให้ลูกค้าและผู้ที่สนใจได้สมัครเข้าร่วมพัฒนาทักษะและเทคนิคการขี่บิ๊กไบค์อย่างถูกต้องและปลอดภัย จัดสอนโดยสถาบันระดับโลกซึ่งมีทีมครูผู้ฝึกสอนระดับสากล งานนี้จัดกันที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ และทีมงานมอเตอร์ไบค์กูรู-เช็คราคาดอทคอมก็ได้โอกาสจากทาง บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย ให้เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ด้วย สำหรับผู้ที่ไม่เคยลงเรียนมาก่อนจะต้องเริ่มในระดับ 1 ทุกคน และพร้อมที่เปิดรับข้อมูลความรู้ ทำตามแบบฝึกสอนอย่างจริงจัง นอกจากนี้ยังต้องมีวินัยตลอดระหว่างการอบรม แล้วจะเห็นผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึง
สำหรับผู้เขียนที่ได้เข้าร่วมในระดับ 1 เราเริ่มกันตั้งแต่เช้าตรู่ 7.00 น. ต้องถึงสนามพร้อมกันเพื่อเข้ารับฟังการชี้แจงเรื่องความปลอดภัย ผลิตภัณฑ์ตัวรถ
S1000RR รุ่นล่าสุด ที่มีพลังระดับ 207 แรงม้า กับน้ำหนักตัวไม่ถึง 200 กก. ภาพรวมของการฝึกระดับ 1 และแบบฝึกหัดแรกจากทั้งหมด 5 หัวข้อ ก่อนลงสู่การขี่จริงในสนาม ซึ่งแต่ละคนจะมีโค้ชประจำลงไปขี่สังเกต และแนะนำระหว่างฝึกอาศัยผ่านสัญญาณมือซึ่งได้อธิบายกันในห้องเรียนให้เข้าใจร่วมกันไว้แล้ว หลังจากขี่เสร็จกลับมาจอดรถในจุดจอดเรียบร้อยก็ต้องรีบมารายงานผลการฝึกกับโค้ชของตนเองทันที เพื่อสอบถามและฟังข้อแก้ไขต่างๆ จากโค้ช จากนั้นก็ต้องกลับขึ้นไปที่ห้องเรียนเพื่อฟังหัวข้อการฝึกถัดไป แล้วจึงลงมาขี่ฝึกตามหัวข้อนั้นๆ วนไปจนครบ 5 หัวข้อ เรียกว่าต้องพร้อมกันตั้งแต่เช้ายันเย็น โดยเริ่มจากหัวข้อดังต่อไปนี้
1. การควบคุมคันเร่ง - รูปแบบการฝึกหัวข้อนี้ ให้ขี่เพียงเกียร์เดียวเท่านั้น คือ เกียร์ 4 และไม่ให้ใช้เบรก (เว้นแต่ฉุกเฉินจำเป็นจริงๆ เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ)
คันเร่งนับเป็นอุปกรณ์ควบคุมที่ใช้บ่อยที่สุด ดังนั้นการเข้าใจถึงหน้าที่ของคันเร่งและการปรับปรุงวิธีการควบคุมคันเร่งให้ดียิ่งขึ้น จึงเป็นประโยชน์สำหรับผู้ขี่เป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับอุปกรณ์อื่นๆ ของรถ ผู้เขียนต้องหัดประเมินการใช้ความเร็วก่อนและออกจากโค้ง พร้อมกับโฟกัสที่การเดินคันเร่งอย่างเหมาะสมเพื่อให้การขี่สมูธภายใต้กรอบการฝึก ซึ่งทำได้ดีกว่าที่คาด ประโยชน์คือ ทำให้เรามุ่งไปที่การคุมคันเร่งอย่างเดียวไม่ต้องกังวลเรื่องอื่นๆ
2.จุดเลี้ยว - รูปแบบการฝึกหัวข้อนี้ ให้ใช้ได้เพียงสองเกียร์ คือ 3 และ 4 ไม่ให้ใช้เบรกเหมือนเดิม
ทุกโค้งมีจุดเลี้ยวเป็นของตัวเอง ถึงแม้ว่าไม่มีจุดเลี้ยวหนึ่งเดียวที่สมบูรณ์แบบแและตอบโจทย์ความต้องการของนักขี่ได้ทุกคน และอาจมีจุดเลี้ยวบางจุดที่สามารถช่วยให้การเข้าโค้งมีประสิทธิภาพมากกว่าจุดอื่นๆ จุดเลี้ยวที่ทีมผู้ฝึกมาร์ค X ไว้ในแทร็คนับเป็นจุดเลี้ยวที่ "ดี" แต่อย่าลืมว่านั่นเป็นเพียงแค่จุดแนะนำ การทำความเข้าใจว่าไลน์เข้าโค้งที่ดีคืออะไร จะช่วยให้คุณสามารถเลือกจุดเลี้ยวที่ดีและเหมาะกับความต้องการได้ หรือไม่แน่ผู้ขี่อาจค้นพบจุดเลี้ยวที่สมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับตัวเองก็ได้ ผู้เขียนได้ฝึกแล้วก็พบว่าจุดเลี้ยวในบางโค้งอยู่ลึกที่ตนเองเลี้ยว การขี่ตามจุดเลี้ยวให้ได้อย่างครบถ้วนเป็นการฝึกจังหวะของการเดินคันเร่งควบคุมไปได้ โดยเฉพาะโค้ง 6-7 ที่ผู้เขียนมักพลาด ก็ต้องพยายามอยู่หลายรอบ
3.การเลี้ยวแบบเร็ว - รูปแบบการฝึกหัวข้อนี้ ให้ใช้เพียงสองเกียร์เหมือนเดิม แต่ใช้เบรกได้และต้องใช้ให้เบามากๆ หรือจะไม่ใช้เบรกก็ได้ถ้าอยากฝึกต่อ
พื้นฐานในการควบคุมรถมีอยู่ 2 อย่าง 1.การเปลี่ยนความเร็ว และการเปลี่ยนทิศทาง ดังนั้นการพัฒนาความคล่องแคล่วและความสามารถของผู้ขี่ในการเปลี่ยนทิศทางรถ แม้เพียงเล็กน้อยก็สามารถส่งผลอย่างมากต่อการขี่ได้ ก็เพราะการเปลี่ยนทิศทางรถนับเป็นครึ่งหนึ่งของการขี่ทั้งหมดแล้ว ต่อเนื่องจากการฝึกหัวข้อที่แล้ว ครูฝรั่งยังแนะเรื่องการเคาท์เตอร์สเตียร์ร่วมด้วย ผู้เขียนได้ลองแล้วพบว่าเห็นผลชัดเจน การใช้เวลาในโค้งน้อยที่สุดย่อมดีกว่า
4.การควบคุมเอง - รูปแบบการฝึกหัวข้อนี้ เพิ่มการใช้เกียร์เป็น 3,4,5 กับเบรกเล็กน้อย จริงๆ อาจใช้รูปแบบการฝึกจากหัวข้อที่ผ่านมาได้เช่นกัน
การบังคับควบคุมรถให้เป็นไปตามที่ต้องการนั้นขึ้นอยู่กับเทคนิคการขี่เป็นหลัก ไม่ใช่โช๊คอัพราคาแพง หรืออุปกรณ์เสริมหรืออัปเกรดใดๆ ยิ่งน้อยเท่าไหร่ ยิ่งดีเท่านั้น หัวข้อนี้เป็นการปรับทัศนคติที่ว่า รถเดิมมักขี่ได้ไม่ดีพอ แต่จริงๆ คือ ผู้ขี่ต้องดีพอก่อน รถส่วนใหญ่มีช่วงล่างรับแรงกระแทก และมักสะท้อนรายละเอียดผ่านขึ้นมาสู่แฮนด์ ทำให้บางครั้งเกิดการสั่นหรือเขย่า ผู้ขี่หลายคนมักเข้าควบคุมออกแรงเพื่อให้มันหยุด และก็หลายครั้งที่เราเห็นภาพรถดีดผู้ขี่กระเด็นไป แต่ตัวรถยังคงวิ่งไปข้างหน้าเหมือนเดิม ดังนั้นการควบคุมส่วนใหญ่จึงอยู่ที่เรา การรู้จักผ่อนแรงการคุมแฮนด์บาร์เป็นเรื่องสำคัญ อย่างนักแข่งโมโตจีพีมักก็จับกริ๊บซ้ายแบบหลวมๆ
5.การเข้าโค้งสองจังหวะ - รูปแบบการฝึกหัวข้อนี้ สามารถใช้ได้ทุกเกียร์ร่วมกับเบรกได้อย่างอิสระ แต่ก็อาจใช้รูปแบบการฝึกที่จำกัดบางเกียร์หรือเบรกร่วมก็ได้
แบบฝึกหัดสุดท้าย ฝึกทักษะด้านการมองเห็น คือ มองจุดเลี้ยวไว้ล่วงหน้า และจึงหันไปมองจุดออกที่ต้องการไปตัดผ่านเอเป็กซ์ตอนออกจากโค้ง ซึ่งจะมีฝึกต่อในระดับ 2 สายตาของผู้ขี่คือ กุญแจสำคัญในการปลดล็อคความสามารถในการควบคุมรถ เราได้นำทุกอย่างที่เรียนและฝึกมาก่อนหน้าผสานใช้ร่วมกัน ผลที่ได้คือ ยอดเยี่ยม เป็นรอบที่ขี่รถได้ลื่นไหลมากที่สุด สนุกที่สุด ไม่น่าเชื่อว่าหลังจากเรียนระดับ 1 แล้วจะสามารถขี่ได้ดีขึ้นอย่างชัดเจน จากนี้ก็คงเป็นเรื่องของการหาเวลาฝึกซ้อมเพื่อสร้างความคุ้นชินรอเรียนต่อระดับ 2 ต่อไป
การที่ได้มาเรียนการฝึกขี่ระดับ 1 กับทาง California Superbike School นับเป็นโอกาสที่ดีและได้ประโยชน์ในด้านความเข้าใจและปฎิบัติ ของการขี่บิ๊กไบค์ในสนามแข่งอย่างถูกต้องและเหมาะสม และสุดท้ายก็รู้ว่าตนเองขี่ได้ต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิง สำหรับการฝึกทั้งหมดในครั้งนี้ล้วนเป็นพื้นฐานสำคัญอันจำเป็นที่จะต้องเข้าใจและฝึกจนเป็นความคุ้นชิน ซึ่งนักแข่งอาชีพก็ล้วนผ่านการฝึกอบรมในหัวข้อเหล่านี้มาทั้งสิ้น สำหรับกิจกรรมที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ต้องขอขอบคุณทาง บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย ในการเลือกหากิจกรรมดีๆ มามอบให้กับลูกค้าและไบค์เกอร์ผู้ที่สนใจอยากพัฒนาตัวเองอย่างถูกต้อง ใครที่สนใจต้องติดตามข้อมูลกับทาง บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราดฯ อย่างใกล้ชิดว่าครั้งหน้าจะจัดอีกเมื่อไหร่ หรือจะมีกิจกรรมดีๆ อะไรต่อจากนี้ให้ได้เข้าร่วมกันอีก สำหรับทุกคนที่ผ่านการฝึกครบถ้วนล้วนได้ประกาศนียบัตรรับรองระดับ 1 เพื่อไปรอฝึกระดับ 2 ในครั้งต่อไป