พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2019 จบสวย มาร์เกซ ฉลองแชมป์โลก สนามทุบสถิติผู้ชม พาเศรษฐกิจพุ่ง
การแข่ง พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2019 ปิดฉากลงเป็นที่เรียบร้อยด้วยการฉลองแชมป์โลกสมัยที่ 8 อย่างยิ่งใหญ่ของ มาร์ค มาร์เกซ ทีมฮอนด้า หลังขับเคี่ยวกันอย่างสนุก ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ระหว่าง 4-6 ตุลาคมที่ผ่านมา
การแข่งครั้งนี้เผยแพร่ออกไปสู่สายตาแฟนความเร็วทั่วโลกกว่า 800 ล้านคู่ เป็นการนำเสนอความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของการเป็นเจ้าภาพ โมโตจีพี ครั้งที่ 2 ในเมืองไทย ทำให้ตัวเลขด้านเศรษฐกิจเพิ่มกว่า 25 เปอร์เซ็นต์ จากจำนวนผู้เข้าชม 226,655 คน สูงกว่าปี 2018 สะท้อนให้เห็นว่า พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ ประสบความสำเร็จอย่างดีในด้านมอเตอร์สปอร์ต และเศรษฐกิจไทย
จากการประเมินเบื้องต้นของ "กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พบว่า ตัวเลขจำนวนผู้เข้าชมการแข่งขันศึกโมโตจีพี สนามที่ 15 ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ รวมทั้งหมด 3 วัน ระหว่าง 4-6 ตุลาคม 2019 มีจำนวน 226,655 คน เพิ่มขึ้น 4,120 คน จากปีที่แล้ว หรือคิดเป็นร้อยละ 1.85
ทางนาย เนวิน ชิดชอบ ประธานที่ปรึกษา สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ เปิดเผยว่า "ในแง่ของการจัดการแข่งขันสำหรับผม ปีที่แล้วเป็นปีที่พิสูจน์ว่า ประเทศไทย คนไทย สามารถเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโมโตจีพี ซึ่งถือว่าเป็นเวิลด์ อีเวนต์ ได้ ส่วนในปีนี้มันไม่ใช่แค่เราทำได้ แต่เราทำมันได้อย่างสมบูรณ์แบบ"
"ตัวเลขของผู้คนของปีที่แล้วกับปีนี้ โตขึ้นราว 4,000-5,000 คน แต่ว่าสิ่งที่ผมดีใจมากก็คือตัวเลขการท่องเที่ยว แฟนโมโตจีพีต่างชาติโตขึ้นกว่า 50% ถือเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับการท่องเที่ยว การจ้างงาน รายได้ และเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยปีที่แล้วมีต่างชาติมาราวๆ 30,000 คน แต่ปีนี้มาเยอะถึง 60,000 คน"
"ผมได้มีโอกาสพูดคุยกับซีอีโอ ดอร์น่า สปอร์ต ซึ่งสอบถามเราซ้ำว่า ตกลงเรื่องการต่อสัญญาจะว่าอย่างไร เพราะว่าในเดือนมีนาคมปีหน้าจะเป็นปีสุดท้ายในสัญญา 3 ปี มันเหลืออีกแค่ 5 เดือนเท่านั้น ตอนนี้มีสนามต่างๆ ในทั่วโลกแสดงความจำนงที่จะขอจัดโมโตจีพี 25 สนาม เขาจึงกดดัน และอยากให้เรามีคำตอบให้เร็วที่สุดว่าจะตกลงต่อสัญญาหรือไม่ ผมก็ได้เชิญทางกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา การกีฬาแห่งประเทศไทย และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มานั่งคุยกับซีอีโอของดอร์น่า เพื่อพูดคุยในเรื่องดังกล่าว"
นอกจากนี้ นายเนวิน ยังกล่าวถึงการแข่งขัน โมโตจีพี ในปีหน้าของเมืองไทย ซึ่งจะถูกโยกมาเป็นสนามที่ 2 ของปี ในช่วงปลายเดือนมีนาคม ซึ่งถือเป็นช่วงที่มีอากาศร้อนที่สุดของประเทศไทยว่า "ในปีหน้าเรากำลังคิดกันอยู่ว่าอาจเปลี่ยนไปจัดการแข่งขันตอนกลางคืน หรือ ไนท์เรซ เราต้องประเมินกันก่อนแต่เราคิดถึงเรื่องนั้นอยู่แล้ว คนดูจะได้ประโยชน์อย่างแน่นอนเพราะว่าการจัดไนท์เรซมันมีผลดีหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอากาศที่เย็นสบาย ไม่ต้องทนแดดร้อน อาจจะเริ่มควอลิฟายตั้งแต่ 5 โมงเย็น ซึ่งในเรื่องของเวลาไม่ใช่ปัญหา มันเป็นไอเดียที่ดีมากๆ เพราะไนท์เรซจะทำให้ยอดคนดู หรือวิวเวอร์ สูงขึ้นกว่าปกติแน่นอน"
"เพราะว่าฝั่งยุโรปเขาเป็นเวลากลางวันพอดี ทุกวันนี้ที่เราจัดอยู่ทางฝั่งยุโรปมันเพิ่งเป็นเวลาเช้า อาจจะยังไม่ตื่นกัน แต่ถ้าเป็นไนท์เรซจะเป็นเวลาที่เหมาะมากๆ ในต่างประเทศ มันจะได้มูลค่าในการโปรโมทประเทศมากยิ่งขึ้นมากกว่าเรซปกติ ซึ่งจุดนี้ต้องขอไปดูตัวเลขอะไรต่างๆ ก่อน และถ้าพอไหวก็จะพยายามช่วยๆ กันให้มันเกิดขึ้นให้ได้"
พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2019 นับเป็นปีที่ 2 ของไทยในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน โมโตจีพี กับตัวเลขผู้ชมและเศรษฐกิจที่สูงกว่าเดิม จากทุกความร่วมมือของคนไทยทุกภาคส่วน นับเป็นบทพิสูจน์การทำงานการจัดการ อีเวนต์ระดับโลกโดยคนไทยได้อย่างเป็นอย่างดี
ด้านการแข่งเต็มไปด้วยความตื่นเต้นจากผลงานสุดร้อนแรงของดาวรุ่งชาวฝรั่งเศส ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร ทีม ปิโตรนาส ยามาฮ่า เอสอาร์ที และการล่าคะแนนลุ้นแชมป์โลกสมัย 8 ของ มาร์ค มาร์เกซ ที่ต้องการเก็บคะแนนเหนือ อันเดรีย โดวิซิโอโซ นักบิดอิตาเลียนจาก มิสชั่น วินนาว ดูคาติ อีก 2 คะแนน ก็จะได้ตำแหน่งแชมป์โลก 2019
การเแข่งเริ่มด้วย กวาร์ตาราโร ที่ทะยานจากตำแหน่งโพล โพซิชั่น ขึ้นเป็นผู้นำทันที ตามด้วย มาร์เกซ ที่ขยับแซง บีญาเลส ตามมาจ่อเป็นอันดับ 2 ขณะที่ โดวิซิโอโซ นักบิดคนเดียวที่จะหยุดการฉลองแชมป์โลกของ มาร์เกซ ได้ขยับขึ้นมาอยู่ในอันดับ 4 หลังผ่านครึ่งทางการแข่งขัน มาร์เกซ ไล่บด กวาร์ตาราโร เพื่อชิงตำแหน่งหัวแถวอย่างหนัก ขณะที่ในกลุ่มกลาง บีญาเลส เป็นอันดับ 3 ตามด้วย โดวิซิโอโซ, อเล็กซ์ รินส์ นักบิดสแปนิชจาก ทีม ซูซูกิ เอ็คสตาร์ ในอันดับ 4 และ 5 ส่วนอันดับ 6 เป็นของ ฟรานโก มอร์บิเดลลี นักบิดอิตาเลียนจาก ปิโตรนาส ยามาฮ่า เอสอาร์ที ตามด้วย โจอัน เมียร์ ดาวรุ่งสแปนิชจาก ทีม ซูซูกิ เอ็คสตาร์ และ วาเลนติโน รอสซี่ เดอะ ด็อกเตอร์ จาก ทีมมอนสเตอร์ เอเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโตจีพี
จบการแข่งขัน 26 รอบสนาม ของ ศึก พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ แชมป์ตกเป็นของ มาร์เกซ ที่รอจังหวะเผด็จศึก กวาตาร์ราโร ในรอบสุดท้าย และลุ้นกันจนโค้งสุดท้ายผ่านธงตราหมากรุกเป็นคันแรกด้วยเวลา 39 นาที 36.223 วินาที คว้าแชมป์ พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน เฉือน กวาร์ตาราโร เพียง 0.171 วินาที ขณะที่อันดับ 3 ตกเป็นของ บีญาเลส ตามหลังแชมป์ 1.380 วินาที
ส่วนนักบิดไทยหนึ่งเดียวในศึกโมโตทูชิงแชมป์โลก ก้อง - สมเกียรติ จันทรา เจ้าของหมายเลข 35 จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย สร้างผลงานกระหึ่มโฮมเรซด้วยการคว้าอันดับ 9 ในศึก โมโตทู หลังจากไล่แซงคู่แข่งได้กว่า 12 คัน ท่ามกลางความดีใจของแฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทยในสนาม