คาวาซากิ เปิด KLX 3 รุ่นใหม่ เขย่าวงการรถวิบาก พร้อมทดสอบสนามจริง
บริษัท คาวาซากิ มอเตอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์คาวาซากิในประเทศไทย เปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดตระกูล KLX 3 รุ่น พร้อมทดสอบสมรรถนะเป็นกลุ่มแรกของประเทศไทย เมื่อเสาร์ 6 กรกฎาคม 2562 ณ สนามอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล (สนามใหญ่) อ.ปลวกแดง จ.ระยอง
ภายในงานเปิดตัว นายกฤษณะ ภาคีแพทย์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายขาย กล่าวว่า "คาวาซากิมีความตั้งใจอันดีที่จะสร้างสรรค์พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ อยู่เสมอ และพร้อมส่งมอบความสนุกสนานเพลิดเพลินให้กับผู้ใช้รถจักรยานยนต์ชาวไทยอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับรถจักรยานยนต์คาวาซากิรุ่นใหม่ล่าสุดทั้ง 3 รุ่น เช่น KLX230 (ABS SE) / KLX230R และ KLX300R ซึ่งผมเชื่อว่าจะต้องถูกใจสายลุยรถวิบากอย่างแน่นอน สำหรับผู้สนใจสามารถติดต่อผ่านทางผู้แทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์คาวาซากิใกล้บ้านทั่วประเทศ"
นับเป็นเปิดตัวรถจักรยานยนต์คาวาซากิรุ่นใหม่ที่เข้ากับตัวรถ เพราะจัดกันภายในเต้นท์แอร์ขนาดใหญ่ บริเวณอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล อ.ปลวกแดง จ.ระยอง เพื่อให้ผู้แทนจำหน่ายฯ และสื่อมวลชนได้ใกล้ชิดกลิ่นไอของรถวิบากเอ็นดูโร่ และพร้อมลงทำการทดสอบได้ทันที
สำหรับทีมงาน
MotorBikeGuru Thailand โดยเว็บเช็คราคา.คอม ได้เข้าร่วมงานเปิดตัวและลงทำการทดสอบในครั้งนี้ด้วย โดยทางคาวาซากิ ได้จัดรถทดสอบใหม่ทั้ง 3 รุ่น ให้สื่อมวล ซึ่งทางเราได้ลองครบทั้ง 3 รุ่น เริ่มจากรุ่น
KLX230 (ABS SE) ที่สีสันสวยสะดุดตา เบาะสูง 885 มม. ผู้เขียนสูง 171 ซม. ใส่ชุดวิบากขี่พร้อมบูทคร่อมแล้วปลายเท้ายังพอแตะพื้นได้ ช่วงล่างยังนุ่มพอรองรับ นน. ผู้ขี่ให้กดลงได้อีก หลังจากลองขี่ในคอร์สที่ทางผู้จัดเตรียมไว้ซึ่งมีทั้งเนินโดดสูงต่อเนื่อง ลูกระนาด พื้นโคลน ครบถ้วนมีเวลาขี่ลองต่อรุ่น 15 นาที ซึ่งจริงๆ ก็นับว่าไม่นานพอที่จะบอกรายละเอียดได้ลึกซึ้ง และพอสรุปได้ว่า
KLX230 สำหรับผู้ที่อยากได้รถวิบากรุ่นเริ่มต้น ขี่ง่าย เบาะไม่สูงมาก และใช้งานบนถนนจริงได้ด้วยในราคาประหยัดเพียงแสนสองหมื่นบาท หรือแสนสามหมื่นสามพันบาทสำหรับรุ่น abs ก็นับว่าน่าสนใจไม่น้อย จากการทดลองขี่พบว่าตัวรถสามารถขี่ตะลุยไปกับสนามทดสอบได้อย่างสนุก ผ่านทุกอุปสรรคได้สบาย อาจมีบ้างช่วงลงจากเนินสูงที่ช่วงล่างนุ่มเกินไป จากสเปคของโช๊คหน้าที่ใช้แกนขนาด 37 มม. แต่ข้อดีของรุ่นนี้คือ การใช้รถได้แบบ ออน-ออฟโรดในการเดินทาง
ส่วนรุ่น
KLX230R ที่เน้นขี่สนุกกับทางออฟโรดอย่างเดียว เป็นคันที่พร้อมให้ผู้ที่หลงใหลกิจกรรมยามว่างกับการขี่ลุยทางธรรมชาติกับเพื่อนหรือครอบครัว ได้อารมณ์เต็มอิ่มมากขึ้นด้วยตัวรถที่น้ำหนักเบากว่า จากอุปกรณ์หลายชิ้น เช่น ถังน้ำมันพลาสติก, สวิงอาร์มอะลูมิเนียม ฯลฯ รวมทั้งระยะห่างด้านล่างที่มากขึ้น โดยความสูงของเบาะอยู่ที่ 925 มม. และขนาดล้อก็แตกต่าง ให้รูปลักษณ์รถแบบ MX มากขึ้น จากการลองพบว่าขี่ได้คล่องตัวมากขึ้น ออกตัวและไล่ออกจากโค้งได้กระฉับกระเฉงกว่า ส่วน
KLX300R รุ่นสุดท้ายไฮไลท์ของการเปิดตัวและทดสอบครั้งนี้ เน้นผู้ที่จริงจังกับการขี่วิบาก อาจเป็นตัวเริ่มต้นหรือซ้อมสำหรับนักแข่ง ด้วยรูปโฉมที่ใกล้เคียงกับรถ MX ตัวแข่ง และสเปคที่เหนือกว่า 230 เช่น โช๊คอัพหน้าหัวกลับขนาด 43 มม. ปรับระยะยุบได้ ระบบเบรกหน้าคาลิเปอร์ 2 ลูกสูบพร้อมจาน 270 มม. หลังคาลิเปอร์แบบเดี่ยวจาน 240 มม. ทำให้ฟิลลิงการขี่แตกต่างอย่างชัดเจน ด้วยความสูงของเบาะ 925 มม. และช่วงล่างที่เฟิร์มกว่า 230 ทำให้ต้องเขย่งขาลงพื้นข้างรถ แต่เมื่อขี่ออกไปโลดแล่นในสนามแล้ว
KLX300R คือ รถที่ทำให้คุณสนุกไปกับสนามและเส้นทางวิบากได้อย่างไร้กังวลจริงๆ ไม่ว่าจะโดดเนินที่ให้การควบคุมตัวรถที่ดีเยี่ยม หรือช่วงขี่ผ่านทางร่วนซุย เข้าโค้งเทโคลนก็ตาม รถยังให้การตอบสนองที่เป็นไปดั่งใจ พอสรุปได้ว่า KLX300R เป็นรถที่ตอบโจทย์ผู้ที่หลงใหลการขี่ทางวิบากได้อย่างเต็มที่ ด้วยราคาสองแสนบาท และแทบไม่มีคู่แข่งในคลาสเดียวกันในตลาด โดยเฉพาะราคาก็ทำให้ผู้เขียนเทใจไปให้
KLX300R ในการทดสอบครั้งนี้ และเชื่อว่าจะเป็นรถวิบากทีร้อนแรงมากรุ่นหนึ่งของปีนี้
หลังเสร็จการทดสอบในวันเสาร์ ทางคาวาซากิยังจัดมีกิจกรรม Kawasaki Enduro 3hrs. 2019 สนาม 2 ภายในบริเวณสนามอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหลด้วยเช่นกัน เพื่อเปิดโอกาสให้กับลูกค้าและทีมแข่งได้มีกิจกรรมดีๆ สนุกตลอดปีอย่างต่อเนื่อง
ติดตามข่าวสาร เกี่ยวกับรถจักรยานยนต์และกิจกรรมของคาวาซากิ ได้ที่
www.kawasaki.co.th และ แฟนเพจ Kawasaki Motors Thailand, MotorBikeGuruThailand *รถจักรยานยนต์คาวาซากิรุ่น KLX230R และ KLX300R เป็นรถจักรยานยนต์ที่ใช้ในการแข่งขันเท่านั้น