ฮอนด้า บิ๊กไบค์ พาลูกค้าตะลุย X-venture Trip & Tricks เส้นทาง อุดรฯ-เลย
ฮอนด้า บิ๊กไบค์ พาลูกค้าที่ชื่นชอบการขี่มอเตอร์ไซค์สไตล์แอดเวนเจอร์ และเป็นผู้ที่ครอบครองรุ่น
CRF1000L AfricaTwin, NC750X, 500X และ
X-ADV ได้เข้าร่วมทริปอันท้าทายบนเส้นทางออฟโรดจริงที่พร้อมให้ทุกคนฝ่าฟันกับทุกอุปสรรคด้วยพาหนะคู่ใจได้อย่างเต็มที่กับสภาพเส้นทางตามธรรมชาติอย่างแท้จริง
สำหรับ X-Venture Trip&Tricks ในครั้งนี้นับเป็นอีกทริปที่หลายคนรอคอยจากทาง ฮอนด้า บิ๊กไบค์ เพราะเป็นโอกาสที่เจ้าของฮอนด้าบิ๊กไบค์ได้นำประสบการณ์พร้อมรถคู่ใจไปลองของจริงในสถานที่จริง เส้นทางทริปนี้กำหนดเดินทางออกจากฮอนด้า บิ๊กวิงก์ จังหวัดอุดรธานี มุ่งสู่ เชียงคาน จังหวัดเลย และขี่กลับไปจุดสตาร์ทในวันรุ่งขึ้น เน้นเส้นทางวันแรกที่เป็นออฟโรดเกือบส่วนใหญ่
ขบวนบิ๊กไบค์ 30 กว่าคัน ออกเดินทางจากฮอนด้าบิ๊กวิงก์ในช่วงสาย ผู้เขียนอยู่ในกลุ่มสื่อมวลชนขี่ตามไปเก็บเรื่องราวโดยใช้รถฮอนด้า CRF250 Rally ที่ขี่ง่าย เบา และใช้ลุยได้อย่างมั่นใจ ขบวนฯ ใช้เส้นทางดำไปไม่นานก็ถึงจุดตัดเข้าสู่เส้นทางลัดที่เป็นทางดินเพื่อมุ่งหน้าไปเขื่อนห้วยหลวง ช่วงแรกยังเป็นทางดินแดงอัดแน่น เส้นทางชาวบ้านใช้กันทั่วไป เสมือนเป็นการวอร์มอัพกับเส้นทางก่อน ซึ่งทุกคนก็ขี่ผ่านกันสบายๆ เมื่อถึงเขื่อนฯ ทีมงานแวะพักเรียนรู้ Tricks การขี่ขึ้นลง-ทางชันบนพื้นออฟโรด ซึ่งได้อธิบายกันตั้งแต่ท่านั่งและยืนที่ถูกต้องเพื่อการควบคุมรถที่ดี และเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจได้ลองของจริงกัน จากนั้นขบวนฯ ทยอยออกเดินทางกันต่อ วิ่งผ่านถนนแนวสันเขื่อนแล้วตัดเข้าสู่ทางออฟโรดที่เริ่มท้าทายกันเบาๆ ในช่วงครึ่งวันแรก เส้นทางลุยในช่วงเช้า-กลางวัน ยังเป็นทางดินที่ใช้ในการสัญจรทั่วไปของชาวบ้าน
แม้มีน้ำขังและเลนบางช่วง จากฝนที่ตกปรอยๆ ลงมาตลอด หลายคันก็ยังไปได้ดีอยู่จนถึงช่วงเบรกพักกลางวัน ขบวนฯ แวะเติมพลังกันจนอิ่มท้องพร้อมลุยตะกุยดินต่อในช่วงบ่าย จากร้านเราวิ่งทางดำกันไปสักพักก็ตัดเข้าเส้นทางในหมู่บ้านที่ถนนเป็นคอนกรีต ขี่สบายๆ ในใจคิดว่าช่วงบ่ายถ้าเหมือนช่วงเช้าคงไม่น่ามีปัญหา เพราะจุดพักต่อไปเป็นร้านกาแฟกำหนดเวลาบ่ายสอง แต่หารู้ไม่ว่าผู้เขียนกว่าจะถึงร้านกาแฟจริงๆ ก็ปาไปเกือบสองทุ่ม การขี่ในภาคบ่ายเส้นทางช่วงแรกเป็นดินเหนียวที่ถูกขุดขึ้นมา ที่เหลือเป็นทางดินเละมากยาวไปเกือบจบ รวมทั้งมีทางลาดชัดขึ้น-ลงเนินด้วย การบุกตะลุยไปตามเส้นทางเริ่มยากและลำบากจากดินโคลนที่มีน้ำขัง บางคันเริ่มมีปัญหากับการตะกุยดิน เพราะใช้ยางทางดำ ยิ่งคันที่มีน้ำหนักมากอย่าง แอฟริกาทวิน ยิ่งยาก ปัญหาอีกอย่างที่ตามมาคือ ดินเหนียวเข้าไปอุดช่องว่างระหว่างบังโคลนหน้ากับยางเพราะมีช่องว่างน้อย ไม่เหมือน CRF250 ที่ดีไซน์ออกไปทางเอนดูโร่ กลุ่มที่ใช้ 500X ก็เช่นกันส่วนใหญ่ล้อกับยางไม่ได้เปลี่ยนมาลุยแบบนี้ เป็นล้อและยางติดรถไว้วิ่งทางดำ ใช้เดินทางแบบแอดเวนเจอร์ทั่วไป ผู้เขียนและเพื่อนนักข่าวที่ใช้ฮอนด้า CRF250 Rally ที่ยางแบบกึ่งวิบากสามารถฝ่าอุปสรรคต่างๆ ไปได้เรื่อยๆ แต่ระหว่างทางก็ต้องช่วยเหลือคันที่ติดอุปสรรคไปด้วย
เวลาห้าโมงครึ่งผู้เขียนถึงช่วงท้ายก่อนจะไปเจอความโหดระดับ 10 ช่วงใกล้ปลายทาง ตรงนั้นเป็นทางโคลนลึกราว 1 ฟุต ยาวประมาณเกือบ 200 เมตร คิดแล้วว่าวันนี้คงดึกแน่ เพราะด้านหลังยังมีอีกหลายคันที่ติดอยู่ มองไปด้านหน้ารายทางก็มีเช่นกัน สะท้อนให้เห็นว่า เราควรเตรียมความพร้อมตัวรถไว้ให้มากที่สุดเพื่อรองรับกับเหตุการณ์แบบนี้ เพราะเรื่องของธรรมชาติคาดเดาล่วงหน้ายาก ฝนที่ตกลงมาตั้งแต่เมื่อคืนและเกือบตลอดวัน ทำให้สภาพเส้นทางเปลี่ยนไปอย่างมาก รถที่พอไปได้ตอนทางแห้งกลับไปไม่ได้ รถที่ไปได้สบายก็กลายเป็นพอไปได้ ทริปแบบนี้ควรใช้ยางกึ่งวิบาก-วิบากก็จะช่วยได้เยอะอาจต้องเตรียมยางไว้ 2 ชุด ทางเรียบ-เทรล และวิบาก ไว้เลือกใช้ตามความเหมาะสมของทริป โอกาสที่ใช้ยางชุดเดียวลุยได้ทุกที่ย่อมมีข้อจำกัด
ช่วงใกล้หกโมงเย็น ผู้เขียนตั้งเป้าไว้ที่ออกไปให้ทันก่อนฟ้ามืด และเมื่อมาถึงด่านสุดท้ายที่เป็นทางโคลนลึก ก่อนลุยก็ได้พยามมองทางเลือกเส้นทางอื่น เพราะแม้เป็น CRF250Rally ก็น่าจะไปลำบากมากๆ ต้องมีคนช่วยดันแน่นอน จังหวะนั้นก็มีชาวบ้านแถวนั้นบอกว่าให้วิ่งลุยขึ้นไปบนเนินป่ายางด้านข้างดีกว่า ซึ่งภายหลังผู้เขียนก็สังเกตว่ามอเตอร์ไซค์เจ้าถิ่นในละแวกนั้นก็เลือกวิ่งลุยป่ายางมากกว่าลุยโคลน แม้ที่ผ่านมามักเห็นพวกเขาวิ่งลุยทางดินแบบสบายด้วยมอเตอร์ไซค์ธรรมดาอย่าง เวฟ ฯลฯ ผู้เขียนเลือกวิ่งลุยขึ้นไปบนป่ายาง ซึ่งไปได้ค่อนข้างดี มองลงไปด้านล่างเห็นรถสมาชิกติดกันโคลนไปกันไม่ได้อยู่ 2-3 คัน จนถึงช่วงทางลงวิ่งขนานพื้น ก็มาช่วยกู้รถเพื่อนสื่อมวลชนที่เป็น CRF250 Rally ที่แสดงให้เห็นแล้วว่าทางโหดมาก ต้องใช้หลายคนช่วยดึง ดัน ผลักออกไป จากนั้นผู้เขียนขี่ต่อมาจนสุดทางป่ายางที่จะไปด้านหน้าได้ ซึ่งทางด้านข้างแปรเปลี่ยนจากโคลนเป็นดินแข็งแล้ว เหลือระยะอีกไม่กี่ร้อยเมตรก็จะถึงสถานีอนามัยและถนนดำทางออก
ผู้เขียนขี่มาเจอรถยนต์ของทีมงานที่เข้ามาจอดรอเซอร์วิส เพราะฟ้าเริ่มมืดแต่สมาชิกยังออกมากันไม่หมด พี่ทีมงานได้ขอยืมฮอนด้า CRF250 Rally เข้าไปดูสถานการณ์ จึงต้องสแตนบายด์ที่รถยนต์ ระหว่างที่รอก็มีรถยนต์ออฟโรดล้อโต วิ่งลุยโคลนเข้าไป 2-3 คัน และรถอีแต๊กชาวบ้านที่เข้าไปทยอยลำเลียงสมาชิกที่เหนื่อยล้าขี่ต่อไม่ไหวออกมาก่อน หลังความมืดปกคลุมไม่นานฝนก็เทลงมาอย่างหนัก เหมือนเพิ่มความยากลำบากเข้าไปอีกเพราะทั้งไร้แสงสว่างและเปียกฝน ผู้เขียนหลบเข้าไปรอในรถ และอยู่จุดนั้นนานกว่า 3 ชั่วโมง มองเห็นรถอีแต๊กพาสมาชิกออกไปหลายรอบจนคิดว่าน่าจะหมดแล้ว ส่วนรถที่ติดข้างในทีมงานก็เตรียมกู้ออกมาทีหลัง ผู้เขียนรอจนใกล้สามทุ่ม ก็มีทีมงานเดินกลับออกมาบอกให้ขับรถออกไปได้เลยผู้เขียนมาจอดที่สถานีอนามัยเพื่อพักล้างตัวไม่นานก็มีกลุ่มสมาชิกขี่ตามมาสมทบโดยออกมาอีกเส้นทาง จากการช่วยเหลือของชาวบ้านในป่าที่รู้ทางเส้นทางลัดดีกว่า จริงๆ ผู้เขียนสังเกตเห็นมีบ้านชาวบ้านคล้ายเพิงอยู่รายทางเป็นช่วงๆ ซึ่งพวกเขาคงชำนาญเส้นทางและรู้หลายเส้นทางมากกว่าเพราะเข้า-ออกประจำ
สรุป ผู้เขียนต้องขับรถยนต์ปิดขบวนสุดท้ายพร้อมรับสมาชิกที่ขี่ไม่ไหวขึ้นรถกลับโรงแรม จบทริปการบุกตะลุยแบบ X-Venture อันเข้มข้นที่สุดเท่าที่เคยมีมา ส่วนวันรุ่งขึ้นเป็นการขี่กลับอุดรธานี เส้นทางเป็นถนนดำ ระหว่างทางขบวนฯ แวะเที่ยวเขาคิรีวงกตสัมผัสเส้นทางธรรมชาติผ่านรถอีแต๊ก พร้อมกินอาหารกลางธรรมชาติ โดยใช้อุปกรณ์จากธรรมชาติทั้งหมด หลังอิ่มและชื่นชมธรรมชาติเต็มที่แล้ว ก็ออกเดินทางต่อเพื่อกลับ ฮอนด้า บิ๊กวิงก์ อุดรธานี จบทริปกันโดยสวัสดิภาพ แม้จะหนักหนาสาหัสสำหรับบางคนที่ไม่เคยลุยอะไรแบบนี้มาก่อน แต่เชื่อว่าทริปนี้จะเป็นภูมิคุ้มกันอย่างดีในทริปต่อๆ ไป นับเป็นประสบการณ์ล้ำค่าจากธรรมชาติที่ให้เราฝ่าฝันกันออกมาได้ในที่สุด ต้องขอขอบคุณทีมงานทุกคนที่ช่วยกันครบทุกคน ตลอดจนเอพีฮอนด้ากับทริปสุดมัน X-venture Trip&Tricks
ใครที่ใช้บิ๊กไบค์ฮอนด้าสไตล์แอดเวนเจอร์ให้ติดตามความเคลื่อนไหวกับทางเพจ
HONDA BIGBIKE อย่างใกล้ชิด เพราะทางฮอนด้ามีกิจกรรมมาให้ลูกค้าได้ร่วมสนุกกันตลอดปี หรือติดตามทางเพจ
MotorBike GURU Thailand by CheckRaka.com ก็ได้เช่นกัน