ประเมินวงเงินรู้ผลใน 3 นาที

กับ กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท

เริ่มประเมินวงเงินพร้อมสตาร์ท
ผ่านมือถือ สแกนเลย

ดูวงเงินพร้อมสตาร์ทที่ได้รับ

x
icon-filter ค้นหารถมอเตอร์ไซค์
product filter
product filter
product filter
product filter
product filter

One day trip 3 จุดแวะเช็คอินเขาใหญ่

icon 24 ธ.ค. 67 icon 200
One day trip 3 จุดแวะเช็คอินเขาใหญ่
ปลายปีนี้ประเทศไทยมีอากาศเย็นกว่าทุกๆ ปี และไม่ได้มีบ่อยๆ จะต้องรีบหาโอกาสเดินทาง ไปรับลมหนาว บนยอดเขาสูงๆ และที่เดินทางสะดวก และใกล้ที่สุดก็คือ "เขาใหญ่-ใกล้นิดเดียว" ที่มีจุดชมวิวสูงๆ มากมาย และอากาศบนเขาก็เย็นสบาย โดยเฉพาะช่วงหน้าหนาวนี้ ยิ่งอากาศดีช่วงกลางวันก็ 22 องศาแล้ว ได้โอกาสขี่มอเตอร์ไซค์ รับลมหนาว 
 
3 จุดแนะนำ สัมผัสความสวยงามของธรรมชาติ และได้ขี่มอเตอร์ไซค์สกู๊ตเตอร์ อย่าง Yamaha NMAX 155 สัมผัสอากาศเย็น แม้ตอนกลางวัน คือ ผาตรอมใจ, ผาเดียวดาย และ อ่างเก็บน้ำสายศร วิวสวยไม่เท่าไหร่ แต่อากาศดีเวอร์มาก ขนาดขับมาตอนกลางแดดแรงๆ อากาศยังเย็นสบาย เดินทางจากกรุงเทพฯ ราวๆ 150 กิโลเมตร ไปกลับก็กว่า 300 กิโลเมตร และใช้เวลาเดินทางราว 2 ชั่วโมง 50 นาที รวมไปกลับ 6 ชั่วโมง (ขึ้นกับการอยู่ชมวิว แต่ละจุดนานแค่ไหน)  
 
 
สำหรับทริปนี้ไม่เน้นขับเร็ว เน้นความเพลินเพลินระหว่างเดินทาง และสัมผัสอากาศเย็นๆ สบาย แบบ "One Day Trip" และต้องบอกว่า การขี่มอเตอร์ไซค์สกู๊ดเตอร์เล็ก อย่าง Yamaha NMAX 155 VVA ซึ่งแรกๆ ก็คิดว่าเครื่องยนต์ 155 ซีซี บิดไปเขาใหญ่ ที่ต้องใช้แรงในการขี่ขึ้นเนินชัน ของ "ผาเดียวดาย และผาตรอมใจ" บนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จะเพียงพอหรือไม่ สำหรับคนตัวใหญ่น้ำหนัก 90 กว่ากิโลกรัม และจะนั่งสบายแค่ไหน เมื่อขับยาวๆ มีวิธีเดียวคือ ต้องลองขี่จริง!  ก็พบว่าขึ้นเนินยาวๆ เบรกหนักๆ อยู่บ่อยๆ ก็เอาอยู่ ท่านั่งปรับได้ทำให้ขี่สบาย และเมื่อใช้ความเร็วสูงๆ แฮนด์รถไม่สั่นสะท้านมือเลย นับว่าขี่สบายเกินคาด ไม่แพ้รถสกู๊ตเตอร์ใหญ่
 
 

รังสิต-นครนายก รถใหญ่น้อยขี่สบาย ปั้มเยอะ

 
เนื่องจากการขับขี่มอเตอร์ไซค์ขนาดเล็ก ต้องคำนึงถึงความปลอดภัย และเส้นทางที่ใช้ ว่าเหมาะสมกับการเดินทาง ให้มากที่สุด จากจุดเริ่มต้นโซนรามอินทราวัชรพล จึงเลือกขับขี่ผ่านเส้นดอนเมืองรังสิต และเลี้ยวเขาถนนรังสิต-นครนายก ซึ่งมีรถบรรทุกน้อยกว่าอีกฝั่ง (สระบุรี)  และเป็นทางที่ใช้ความเร็วไม่สูงมาก บวกกับถนนค่อนข้างดี ก่อนอื่นเลย จัดเติมน้ำมัน Gasohol 95 เต็มๆ ไว้ก่อน Yamaha NMAX คันนนี้จุได้ 7.1 ลิตร มีน้ำมันอยู่ครึ่งถัง เติมแค่ 150 บาท หรือ 4.121 ลิตร ก็เต็มแล้ว...ไปกันต่อ....   
 
 
เส้นทางนี้ ส่วนมากเป็นถนน 3 เลน มีไหล่ทาง และมักจะมีรถยนต์ส่วนตัว และมอเตอร์ไซค์ร่วมทางมากมาย รถบรรทุกใหญ่ก็มี (แต่น่าจะยังน้อยกว่าฝั่งพหลโยธิน) การขับขี่ควรพยายามอยู่เลนซ้าย และชิดขอบทางซ้ายเอาไว้ก่อน อาจมีเบี่ยงหลบ หรือเร่งบ้างตามจังหวะการจราจร และควรวิ่งเลนขวา (ตามกฎจราจรด้วย) ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เพราะเลนนี้ รถขับเร็ว และมีจุดกลับรถเยอะมาก โดยในช่วงก่อนจะถึงคลอง 10 จะมีแยกสัญญาณไฟ และมีจุดกลับรถเพียบ!... จะต้องระวังเป็นพิเศษ และใช้ความเร็วให้เหมาะสม กับสภาพจราจรด้วยนะครับ 
 
 
เส้นทางในช่วงเลี้ยวซ้าย ยาวผ่านปั้ม PTT ไปแล้ว เป็นทางที่วิ่งยาวๆ ไปเรื่อย ใช้ความเร็วในระดับพอดีๆ ราวๆ 100 กม./ชม. มีเร่งแซงบ้างบางครั้ง ใช้อัตราเร่งไม่นานนัก ก็ไต่ระดับไป 120 กม./ชม. แล้วก็ลดความเร็วลงมา 110 กม./ชม.  และถนนก็จะเริ่มมีหลุมมีบ่อ หรือร่องรอยการปะ ผิวขรุขระ และถนนชำรุดบ้าง แต่ก็ไม่เป็นปัญหา เพราะช่วงล่างรับได้สบายๆ ไม่กระเด้ง หรือแข็งเกินไป แม้จะหลบหลุม ที่อยู่กลางถนนไม่ทันหลายจุด (ตกไปเต็มๆ) รถยังนิ่ง ไม่มีอาการซะบัด หรือเซแต่อย่างใด เรียกว่าขับผ่านไปเฉยๆ สบายๆ 
 
สำหรับใคร ที่ใช้รถระดับเดียวกัน เดินทางในถนนช่วงนี้ อาจต้องระวังเป็นพิเศษนะครับ เพราะยังเป็นถนนที่ชำรุดเยอะหน่อย และบางช่วงก็มีฝุ่นทรายเยอะมาก แนะนำว่าให้ขับขี่ชิดขอบทางด้านซ้ายไว้ เพราะเลนขวาจะมีรถยนต์ขับกันเร็ว ซึ่งระหว่างที่ขับขี่ไป เห็นรถคนในพื้นที่ (ชาวบ้านแถวนี้) ส่วนมากขับขี่ชิดขอบซ้ายกัน หรือบางคันไปวิ่งไหล่ทางด้วยซ้ำ เพราะผิวถนนที่เรียบกว่าช่องทางหลักซะงั้น  
 
ถึงแม้จะวิ่งผ่านเศษใบไม้ ฝุ่นทราย ในบางครั้ง ต้องใช้เบรกลดความเร็ว เมื่อมีรถเลี้ยวเข้า-ออกซอย ทางด้านซ้ายก็ยังมั่นใจได้อยู่นะ เพราะมีระบบ ABS Dual Channel รุ่นเดียวในคลาสที่มี ABS ให้ทั้ง 2 ล้อ มาให้อุ่นใจมากขึ้น แม้จะเบรกหนักมากแค่ไหน ก็ระบบเบรกก็ทำงานได้ดี ยังไม่ค่อยเบรกจนระบบ ABS ทำงานด้วยซ้ำ ก็ลดความเร็วได้มั่นใจ และถ้าเริ่มเมื่อยล้า จากนั่งขับขี่นานๆ ก็ยังขยับเท้าสูงขึ้น เพื่อปรับท่าให้สบายขึ้นได้อีกด้วย เรียกว่าขยับจุดวางขา ได้ตามต้องการเลย เดินทางต่อไปอีกราวไม่นานนัก ก็ถึงเขตตัวเมืองนครนายก และมุ่งหน้าสู่จุดทางขึ้นเขาใหญ่  
 
* สำหรับใครที่มีจุดสตาร์ท เดินทางจากโซนอื่นๆ เช่น ปทุมธานี หรือโซนที่เลยรังสิตไปแล้ว ก็สามารถใช้ทางพหลโยธิน สระบุรีได้เลยนะครับ ไม่ต้องอ้อมมาเส้นทางนี้ และเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นอีก เพราะจะมีรถบรรทุกเยอะมากกว่า 
 

ขี่รถ 150 กม. 3 ชม. กว่าเพื่อสิ่งนี้!!! จิบกาแฟรับอากาศเย็น 22 องศา

 
เมื่อชำระค่าธรรเนียม ผ่านประตูทางเข้าคนขับ 40 บาท มอเตอร์ไซค์ 20 บาท เรียบร้อย ก็ขับไปตามเส้นทาง อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ หลายคนทราบดีว่า เป็นถนน 2 เลน สวนไป-กลับ จึงต้องขับขี่ด้วยความระมัดระวัง และใช้ความเร็วตามที่กำหนด แต่ด้วยความที่เส้นทางมีทั้งโค้งสวยๆ เนินขึ้นสลับลงในช่วงต่างๆ ทำให้การขับขี่สนุก แม้จะใช้ความเร็วไม่สูงมาก และที่สำคัญคือ ได้ปะทะกับสายลมเย็นฉ่ำ ๆ ยิ่งในช่วงอากาศหนาวแบบนี้ ต้องรีบมาก่อนลมหนาวจะหมดไป 
 
จุดแรกที่จะแวะคือ ผาตรอมใจ และ ผาเดียวดาย ที่อยู่ในใกล้ๆ กันเส้นทางขับขี่ขึ้นนั้น เป็นทางไหล่เขาสลับเนินชัน บางช่วงเป็นโค้งพับซ้าย-ขวา แม้บางช่วงจะชันมากๆ รถก็สามารถบิดเพิ่มความเร็วได้สบายๆ ยิ่งช่วงรอบสูงๆ ระบบ VVA เริ่มทำงานที่ 6,000 รอบต่อนาที จะรู้สึกได้เลยว่า รถมีกำลังเพิ่มขึ้นอีก ทำให้มั่นใจแม้เครื่องยนต์ 155 ซีซี แต่ก็ขี่ขึ้นเขาสบายๆ เลยครับ     

ผาตรอมใจ

มาจุดชมวิวผาเดียวดายแล้ว ขับเลยไปอีกนิดก็จะเป็น ผาตรอมใจ ที่เป็นจุดสูงที่สุดในภาคกลาง ยอดเขาสูงถึง 1,290 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ที่มีจุดชมวิวแบบพาโนราม่า  และถ้าหน้าหนาวในช่วงเช้า จะมีทะเลหมอกด้วย แม้วันนี้มาไม่เจอทะเลหมอก แต่วิวก็สวย อากาศก็เย็นสบาย นั่งพับจิบกาแฟ ชมวิวรับลมเย็นเพลินๆ 22 องศา คุ้มกับที่ขับมาจากกรุงเทพฯ  ระยะทาง 150 กม. กับ 3 ชม.กว่าๆ จริงๆ ครับ 
 

ผาเดียวดาย

ยังไม่จบ...ยังมีอีกที่ต้องไปนั่นคือ ผาเดียวดาย ที่มีวิวสวยกว่า และมีความเป็นธรรมชาติมากกว่า ขับรถลงเนินย้อนกลับไปแค่นิดเดียว จอดรถที่ลานฝั่งตรงข้ามได้เลย และทางที่จะเดินไปถึงจุดชมวิว ก็ผ่านเส้นทางธรรมชาติ สัมผัสอากาศเย็นสดชื่น แบบพาโนราม่า มีทั้งสูงและเสียว เมื่อจุดชมวิวต้องใช้ความระมัดระวังมากๆ เพราะเป็นขอบเหวลึกมาก แต่วิวสวยจนหายเหนื่อยเลย
 
ตอนนี้ก็ขับมากว่า 150 กม.แล้ว น้ำมันยังเหลือเยอะกว่าครึ่งถัง และระบบเครื่องยนต์ ก็ยังไม่มีอะไรผิดปกติ ซึ่งทริปนี้ใช้กำลังในการบิดขึ้นเนินยาวๆ เบรกหนักๆ อยู่บ่อยๆ YAMAHA NMAX ก็ไม่งอแง แถมแรงไม่ตก เวลาต้องเร่งขึ้นทางชันบ่อยๆ อีกด้วย 
เมื่อชื่มชมธรรมชาติอันงดงามแล้ว ยังคงเดินทางไปกันต่อ ในอีกหลายจุด บนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ โดยจุดที่สวยๆ ยังมีอีกเพียบ แต่จะต้องขับลงเขากันก่อน โดยการขับขี่ลงทางชันถึงชันมากๆ นั้นควรใช้ความเร็วต่ำ และใช้การเบรกแล้วผ่อนๆ แต่ถี่ๆ หน่อย จะดีกว่าการใช้เบรกแช่ยาวๆ ไหลลงเนินไป อาจจะทำให้ระบบเบรกมีปัญหา ผ้าเบรกร้อนจนเบรกแข็งหรือเกินการผ้าเบรกไหม้ได้ ทำให้ยิ่งเบรกไม่อยู่ 
 
การชะลดความเร็ว ก่อนที่จถึงช่วงทางลงที่ชันมากๆ ก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง ที่จะช่วยให้ปลอดภัยกว่า และไม่ควรเพิ่มความเร็วมากเกินไป หลังจากพ้นลงชันไปแล้ว เพราะทางข้างหน้า อาจจะมีช่วงลงเขาที่ชันอีก จะทำให้ต้องใช้เบรก แรงเกินจำเป็น แต่ใน YAMAHA NMAX คันนี้เบรกดีเกินคาด แตะเพียงเบาๆ ก็ชะลอความเร็วได้ดี แม้จะต้องเลี้ยวโค้งหักศอกไปมา ทั้งช่วงล่างและระบบ ระบบ TCS ช่วยให้ล้อหน้า และหลังหมุนสัมพันธ์กันอย่างดี ทำให้ควบคุมได้ง่าย  น้ำหนักแฮนด์ที่ไม่เบาหวิวเกินไป และตัวรถที่น้ำหนักกำลังเหมาะ ทำให้ตัวรถมีความ "นิ่ง" ไม่ว่าจะเลี้ยวโค้ง และเบรกก็ไม่ต้องลุ้นเลยครับ
 
แม้จะขับขี่ด้วยความระมัดระวังแล้วก็ตาม แต่ด้วยสภาพถนนบางจุด ที่ไม่สามารถเลี่ยงได้ เช่น หลุมลึก เศษฝุ่นทราย รวมถึงถนนที่ชำรุด และกำลังปรับปรุงในบางช่วง ทำให้มีหลายครั้งที่หลบไม่ทัน ขับผ่านโดยใช้ความเร็วมากเกินไป จนต้องเบรกหนักๆ หรือรุนแรงพร้อมหักหลบ ระบบ ABS ที่มีให้มานั้น ทำงานได้รวดเร็วแม่นยำ แม้ผิวถนนจะมีความลื่น อย่างเช่นช่วงเข้าทางโค้ง หรือหักหลบสิ่งกีดขวางต่างๆ ก็สามารถเบรกหนักๆ ล้อจะยังคงหมุนและชะลอความเร็วพร้อมๆ กัน ป้องกันล้อลื่นไถล เพื่อให้สามารถ บังคับทิศทางต่อไป ได้ตามต้องการ ซึ่งหากไม่มีระบบ ABS นี้อาจเกิดการอาการ "เบรกล้อล็อค" และลื่นไถลไม่สามารถบังคับทิศทาง ตามต้องการได้ ยิ่งทำให้มั่นใจในทุกสภาพถนน โดยบางครั้ง แม้จะเบรกอย่างรุนแรง ล้อก็ไม่มีอาการ "ล็อค" หรือแค่เบรกก็เอาอยู่ระบบ ABS ยังไม่ทำงานด้วยซ้ำ ถือว่าระบบเบรก และยางที่ติดรถมาดีมากๆ ครับ
 
 
เที่ยวมาครึ่งวันแล้ว แวะถ่ายรูปจนแบตฯ (โทรศัพท์หมด) ขอชาร์จระหว่างขับไปอีกที่นึงก่อน ดีนะมีที่วางให้ด้วย (ใช้หัวแปลง 12V to USB)  และข้อดีของรถสกู๊ตเตอร์ ที่มีกล่องเก็บของใต้เบาะใหญ่ เวลาลงไปเดินถ่ายรูปเอาของต่างๆ ใส่ไว้ รวมถึงหมวกกันน็อตเต็มใบ เก็บได้ไม่ต้องเดินถือให้เมื่อย  
 

อ่างเก็บน้ำสายศร

ขับลงจากผาเดียวดายไม่นานก็ถึง "อ่างเก็บน้ำสายศร" จุดเช็คอิน และถ่ายรูปที่มีคนแวะมากๆ ถึงมากที่สุดจุดหนึ่งใน "อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่" มีที่จอดรถเยอะ และยังสามารถพาครอบครัว มานั่งปิกนิคชมวิวอ่างเก็บน้ำ หรือจะดูพระอาทิตย์ยามเย็นก่อนกลับก็ยังได้ แม้แสงแดดจะแรง แต่ด้วยอากาศที่ยังมีความเย็น ทำให้เดินชมวิวได้อย่างชิวๆ เลยครับ คาดว่ายิ่งเย็นอากาศจะยิ่งดีกว่านี้แน่ ๆ 
 
การขับรถท่องเที่ยว สัมผัสอากาศหนาว ที่มีไม่บ่อยนัก เมื่อมีโอกาสต้องรีบทำตัวให้ว่าง รีบเดินทางมาทันที ยิ่งได้ขี่รถปะทะสายลมเย็นๆ บนเขาใหญ่แห่งนี้ด้วย รับรองเลยครับ ได้ชาร์จพลังชีวิตสูดหายใจเต็มปอด ก่อนกลับไปเริ่มต้นทำงาน กันได้อย่างดีเลย  
 
 
ว่าแล้วก็ต้องเดินทางกลับกรุงเทพฯ กันก่อนที่จะมืดค่ำ วิสัยทัศน์ยามค่ำคืน ยิ่งอันตรายไปมากกว่านี้ แต่ก่อนกลับเมื่อขับลงเขาแล้ว แวะเติมน้ำมันอีกสักรอบจากน้ำมันอยู่ระดับ "ครึ่งถังเท่าเดิม!" แม้จะขับมาทั้งวันแล้ว เติม Gasohol 95 เต็มถังก็เพียงแค่ 175.10 บาท ได้มา 4.786 ลิตร แต่เพื่อความสบายใจจะได้บิดกลับ อย่างอุ่นใจจนถึงบ้าน 
 
 

สรุปการเดินทางครั้งนี้ 

การเดินทางครั้งนี้ ใช้มอเตอร์ไซค์สกู๊ตเตอร์พิกัด 155 ซีซี ตอนแรกคิดเองว่าจะไหวหรือไม่ กับการขับขี่ทางยาวๆ รถเยอะๆ แบบนี้ คำถามเต็มหัวไปหมดว่า "จะทันใจแค่ไหน? ขี่เหนื่อยไหม? หรือ ว่า นั่งนาน ๆ เมื่อยหรือเปล่า" แต่ด้วยความที่มีเบาะนั่งขนาดใหญ่ ท่านั่งปรับมุมวางเท้าได้ 2 แบบ และเมื่อใช้ความเร็วสูง ๆ แฮนด์รถไม่สั่นสะท้านมือเลย นับว่าขี่สบายเกินคาด ไม่แพ้รถสกู๊ตเตอร์ใหญ่ แถมยังประหยัดค่าเดินทาง ได้เยอะอีกด้วย 
 
รวมระยะทางขาไปราวๆ 150 กม. และ กลับอีก เป็นทั้งหมดกว่า 300 กม. เติมน้ำมันไป 307 บาท ขับผ่านเขตตัวเมืองรถหนาแน่น สลับจอดนิ่ง และเส้นทางนอกเมือง แบบความเร็วคงที่ประมาณ 80 - 1 10 กม./ชม. มีการเร่งแซงบ้าง ตามจังหวะที่ปลอดภัย (ความเร็วตามกำหนด เฉลี่ยตลอดทางคือ 90 กม./ชม.)  
 

ข้อควรระวังในการขับขี่ขึ้นเขาใหญ่ 

  • เตรียมรถให้พร้อมก่อนเดินทาง

การเดินทางไม่ว่าใกล้หรือไกล ต้องตรวจสอบสภาพรถ ให้พร้อมในการขับขี่เสมอ เช็คเบื้องต้นง่ายๆ ด้วยการ สำรวจรอบๆ ตัวรถว่ามีสิ่งผิดปกติหรือไม่อย่างเช่น มีคราบน้ำ,น้ำมันรั่วซึม หยดลงพื้นหรือไม่ ระบบไฟส่องสว่าง ติดครบทั้งคันหรือไม่ ไฟหน้ารถ, ไฟท้าย, ไฟเลี้ยว หรือไฟบนหน้าปัด เป็นต้น
 
ควรตรวจดูลมยางอ่อน หรือแข็งไปไหม โดยใช้นิ้วบีบที่แก้มยาง ถ้ายุบได้มาก แสดงว่าลมอ่อนเกินไป ส่วนระบบเบรกให้ขึ้นคร่อม แล้วลองเข็นเดินหน้า ถอยหลัง และใช้เบรกหน้า หรือหลังทีละครั้งดูว่า หยุดได้สนิทหรือไม่ ตรวจดูระบบโช้คอับหน้า และหลังว่ามีคราบน้ำมันซึมหรือไม่ และลองขย่มดูว่า โช้คมีเสียง หรือมีการคืนตัวที่ช้าผิดปกติหรือ เป็นต้น และสุดท้าย อย่าลืมดูระดับน้ำมันเชื้อเพลิง ด้วยนะครับ
 
  • เสียงท่อดังอาจห้ามขึ้น

อันนี้ต้องระวังครับ เป็นกฎระเบียบของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และอีกหลายๆ แห่งที่ต้องรักษาความสงบเรียบร้อย ให้กับสัตว์ป่า และอาจห้ามใช้สัญญาณแตร ในบางครั้งอีกด้วยครับ นอกจากนี้ต้องใช้ความเร็ว ตามป้ายกำหนด และในแต่ละช่วงที่ใกล้ผ่านสถานที่สำคัญ จะมีเนินชะลอความเร็วด้วยครับ และต้องเคารพกฎกติกาอื่นๆ ของอุทยานฯ อย่างเคร่งครัด
 
  • ระวังสัตว์ป่า

หลายคนคงอยากที่จะขับขี่รถรับลมเย็น พร้อมกับการ "เล่นโค้ง" ต่างๆ บนเขาใหญ่ ที่สิ่งที่ต้องระวังคือ ปัจจุบันมีผู้เขามาใช้สถานที่มากมาย และยังมีเรื่องของ "สัตว์ป่า" ที่อาจจะโผล่ออกมาได้ทุกเมื่อ อาจเกิดอันตรายได้
 
  • ใช้คันเร่งและเบรกสัมพันธ์กับโค้งและเนินชัน 

ไม่ว่ารถคุณจะรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ เครื่องขนาดเท่าไหร่ก็ตาม การขับขี่บนทางเขา ต้องใช้ความระวังมากเป็นพิเศษ ในการใช้คันเร่ง และเบรกให้ถูกจังหวะ หากเนินสูงและชันมาก ใช้ความเร็วมากๆ อาจช่วยให้ส่งให้รถขึ้นเนินได้เร็วขึ้น แต่ถ้ามีทางโค้งแบบหักศอก อาจเกิด "แหกโค้ง" แทนได้ จึงต้องกะจังหวะให้ความเร็วขึ้นทางชัน และโค้งสัมพันธ์กัน และสายตาต้องมองไกลๆ ที่ปลายโค้ง เพื่อดูรถที่วิ่งสวนทางมาด้วย 
 
 
ในช่วงทางลงเขาที่มีความชันมากๆ ควรใช้ "แรงเฉี่อยเครื่องยนต์" หรือ "Engine Brake"  นี่แหละ ช่วยชะลอความเร็วระหว่างลงเนิน และใช้เบรกไม่หนักมาก แต่ถี่ขึ้น ไม่ควรใช้เบรกลากยาวๆ ตลอดทาง เพราะเบรกจะเกิดอาการ "ตื้อ" หรือ "ไหม้" และจะยิ่งเบรกไม่อยู่ อาจเกิดอันตรายขึ้นได้   
 
  • ศึกษาเส้นทางไว้ก่อน

การเดินทางไปเขาใหญ่ มีหลายเส้นทาง แต่เมื่อจะขึ้นสู่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มี 2 ฝั่งคือ ฝั่งด่านศาลเจ้าพ่อ (ด่านปากช่อง) และ ด่านเนินหอม (ปราจีนบุรี) และเมื่อเขาอุทยานฯ ก็ควรรู้เส้นทางคร่าวๆ เอาไว้ ว่าจะไปในจุดไหน จะได้ไม่เสียเวลาหลงทางนะครับ
 
การเดินทางท่องเที่ยว แบบเช้าไปเย็นกลับ เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น เหมาะกับคนที่ไม่สะดวกในการลางาน ค้างคืนบ่อยๆ และเขาใหญ่ก็ใกล้กรุงเทพฯ นิดเดียว จึงกลายเป็นอีกแห่ง ที่ผู้ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ชื่นชอบ ที่จะออกทริปกันแบบทั้งไปคนเดียว ทั้งมีเพื่อนๆ และยิ่งได้รถที่มีเทคโนโลยีการขับขี่ ที่มัยสมัย ขี่ง่ายคล่องตัว แรงและประหยัด ยิ่งทำให้การขับขี่ท่องเที่ยว มีแต่ความเพลิดเพลิน และมีความสุขจริงๆ ครับ
 
สามารถดูรายละเอียดสเปครุ่น Yamaha NMAX เพิ่มเติมที่นี่ และคุ้มค่าด้วยการรับประกันนานถึง 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร 
 
แท็กที่เกี่ยวข้อง yamaha nmax
Motorbike Guru
เขียนโดย สินธนุ จำปีศรี Motorbike Guru

พูดคุยกับกูรูได้ที่




เว็บไซต์นี้มีการเก็บคุกกี้เพื่อเพิ่มความพึงพอใจในการใช้งานเว็บไซต์ และช่วยให้เราปรับปรุง และนำเสนอเนื้อหาตรงตามความสนใจของท่าน ท่านสามารถดู Privacy Notice และ ดู Cookies Policy ของเราได้ ที่นี่ ทั้งนี้ ท่านจะยินยอมให้เราเก็บคุกกี้ทั้งหมด หรือให้เก็บแค่บางส่วนโดยการคลิกเลือก ตั้งค่า

ท่านสามารถเลือกให้ความยินยอมการเก็บคุกกี้เป็นเรื่องๆ ได้ที่นี่

เมื่อคุณเข้าชมเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่น checkraka เราอาจจัดเก็บ หรือดึงข้อมูลจากเบราว์เซอร์ของคุณในรูปแบบของคุกกี้ และเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายคลึง เช่น tag และ pixel (เรียกรวมกันว่า “คุกกี้”) ซึ่งมักเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้โดยตรง แต่ช่วยให้คุณใช้งานเว็บไซต์ได้ปลอดภัย และตรงตามความต้องการมากขึ้น คุณอาจไม่ยินยอมให้เราเก็บคุกกี้บางประเภทได้ โดยการคลิกตามหัวข้อข้างล่างนี้

ประเภทคุกกี้
อ่านเพิ่มเติม ที่นี่
ยินยอม / ไม่ยินยอม
คุกกี้ที่จำเป็นต้องมีเสมอ
(Strictly Necessary)
คุกกี้สำหรับการใช้งานเว็บไซต์
(Functionality)
คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและวิเคราะห์
(Performance & Analytics)
คุกกี้เพื่อการตลาด
(Marketing)