Lambretta G350 รถสกู๊ตเตอร์คลาสสิกใหม่ล่าสุดของ แลมเบรตต้า ผสานความทันสมัยด้วยเทคโนโลยี ฟังก์ชันตัวรถ สมรรถนะในการขับขี่ ด้วย DNA สกู๊ตเตอร์สายพันธุ์อิตาลีกว่า 76 ปี ในคอนเซปต์ “The Masterpiece of Italian Design” ทั้งสวยคลาสิก มีมนต์ขลัง แรงสะใจด้วยเครื่องยนต์ 330.1 ซีซี ในราคาเอื้อมถึงเพียง 215,000 บาท  

 

 

 

รู้หรือไม่ วิศวกรที่ออกแบบ Lambretta เป็นวิศวกรที่ออกแบบเครื่องบินมาก่อนรถสกู๊ตเตอร์ เดิมทีผู้ก่อตั้ง "เฟอร์ดินันโด อินโนเซนติ" เริ่มต้นธุรกิจของเขาด้วยการทำโรงงานผลิตชิ้นส่วนเครื่องบิน แต่หลังจากได้ผลกระทบจากสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงเกิดไอเดียนำชิ้นส่วนเครื่องบินที่หลงเหลืออยู่จากสงครามมาผลิตเป็นยานพาหนะ โดยได้วิศวะการบินฝีมือดี 2 คนคือ Cesare Pallavicino และ Pier Luigi Torre Pallavicino มาช่วยในการผลิต จนเกิดมาเป็น Lambretta ในปี 1947 จนมาถึงปัจจุบัน (2023) นับว่ายาวนานมากว่า 76 ปีแล้ว 
 

 

ความจริงแล้วรถ Lambretta นอกจากจะได้รับความนิยมในอิตาลีแล้ว ยังเป็นที่นิยมในกลุ่มวัยรุ่นอังกฤษในช่วงราวๆยุค 50s 60s ซึ่งมีชื่อเรียกวัยรุ่นอังกฤษกลุ่มนี้ว่า "MOD"  (Modernism) ชื่นชอบความแปลกใหม่ คิดนอกกรอบ มีความคิดเป็นของตัวเอง หลงไหลในการแต่งตัวแบบเรียบร้อยและหรูหรา มีความ "เนี๊ยบ" มาก ๆ และชอบมีการรวมตัวทำกิจกรรมที่แหวกแนวไปจากผู้คนปกติ 

 

 

หนึ่งในกิจกรรมที่ว่านั่นคือ การขับขี่รถสกู๊ตเตอร์ท่องเที่ยว เพราะสกู๊ตเตอร์เป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่มีท่านั่ง สง่างาม หลังตรง หน้าเชิด ดูเรียบร้อย แสดงให้เห็นถึงความมีรสนิยมที่สูงและทันสมัย เจ้ารถสกู๊ตเตอร์จึงกลายเป็นยานพาหนะหลักสำหรับกลุ่ม MOD อย่างจริงจัง ที่สำคัญเป็นกลุ่มที่เกิดในประเทศอังกฤษอีกด้วย ทั้งที่รถผลิตที่อิตาลี!

 

นอกจากนี้ยังมีชื่อเฉพาะที่ใช้เรียกกลุ่มผู้หลงไหลในการขับขี่แลมเบรตต้า เป็นภาษาอิตาเลียน ว่า...  "แลมเบรตติสต้า (Lambrettista)"

 

จุดเด่นของรถสกูตเตอร์ Lambretta คือ การออกแบบโครงสร้างตัวถังแบบ "Low & Long" นั่นคือตัวรถต่ำ ขับขี่ง่าย ได้สมดุล และมีความยาวนั่งสบาย ผลิตด้วยเหล็กทั้งคันแบบ Full Monocoque Frame พร้อมการออกแบบให้ชิ้นส่วนด้านข้างถอดแยกเพื่อการซ่อมบำรุงหรือเปลี่ยนอะไหล่ง่าย เรียกว่าตัวรถเหล็กทั้งคัน จุดศูนย์ถ่วงต่ำตัวรถยาวนั่งสบาย สามารถเซอร์วิสง่าย   

 

 

ปัจจุบันรถ Lambretta โดยเฉพาะรุ่นเก่า ๆ  สไตล์วินเทจ ปีลึก ๆ กลายเป็นรถที่หายากและเป็นของแรร์น่าสะสม ยิ่งนานวัน ยิ่งเพิ่มมูลค่า กลายเป็นที่ต้องการและสะสม ของเล่าผู้ชื่นชอบมีไว้ครอบครอง ซึ่งในปัจจุบันรถ Lambretta บางรุ่นที่ปีเก่า ๆ สภาพสวย ๆ ราคาพุ่งสูงเฉียดหลักล้าน แม้แต่รถที่เหลือเพียงโครงเหล็กเปล่ายังมีค่าตัวระดับแสนบาทเลยทีเดียว

 

 

 

Lambretta G350 เปิดตัวครั้งแรกเดือนมิถุนายน 2565 ในงานแฟชั่น "Milan Design Week 2020" เมือง มิลาน อิตาลี พร้อมรุ่น X300 ในโอกาสฉลองครบรอบ 75 ปี ถือว่าเป็นรถสกู๊ตเตอร์ที่เปิดตัวในงานศิปละ ไม่ใช่งานรถยนต์ จึงเปรียบว่าเป็นงานศิลปะหนึ่งชิ้นที่น่าสะสม ส่วนเปิดตัวในไทยที่งานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2022 โดยทั้ง 2 โมเดลมีคาเรคเตอร์แตกต่างกันคือ G350 เน้น DNA ความคลาสสิกแบบดั่งเดิม ขับขี่ได้นุ่มนวล สมูท ส่วน X300 ดีไซน์ทันสมัยแบบ Modern Classic กึ่งสปอร์ต ขับสนุกอัตราเร่งแรงและบิดมันติดมือมากกว่า   

 

 

ความพิเศษของโมเดล Lambretta G350 คือเป็นผลงานการประกอบด้วยมือ หรือ Craftsmanship ที่เรียกได้ว่ามีความพิถีพิถันในรายละเอียดทุกขนตอน เพื่อให้สมกับการรอคอยของผู้ได้ครอบครอง จากการผลิตและประกอบด้วยมือนี่เอง ทำให้ Lambretta G350 เป็นรถสกู๊ตเตอร์ที่เหลืออยู่ไม่กี่แบรนด์ที่ใช้การประกอบด้วยมือ ยิ่งทรงคุณค่าแก่การเป็นเจ้าของไปอีกครับ 

 

 

 

Lambretta G350 ให้คาแรคเตอร์คลาสสิกแบบดั่งเดิม ขับขี่นุ่มนวล เอาใจสไตล์คลาสสิก จุดเด่นคือ โครงสร้างตัวรถ แบบ Low & Long ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ Lambretta มาตั้งแต่อดีต สู่รุ่นปัจจุบัน ไฟหน้าทรงเหลี่ยมแบบ LED พร้อมไฟเลี้ยว LED ด้านข้าง ช่องแตรด้านหน้ารูป "จมูกหมู" บังโคลนแบบยึดคงที่ Fix Fender ไฟท้าย LED และซ่อนโลโก้ Lambretta ไฟเลี้ยว LED ด้านข้าง 

 

 

ชุดมาตรวัดแบบ TFT มีเซ็นเซอร์ที่สามารถปรับหน้าจอจากโหมดหน้าจอสว่าง สําหรับกลางวัน (Day) เป็นหน้าจอมืดสําหรับกลางคืน (Night) เมื่อตั้งค่าหน้าจอที่โหมดอัตโนมัติ (Auto) พร้อมเชื่อมต่อบลูทูธ กดรับสายได้ (กดปุ่ม MODE 1 ครั้ง) หรือ วางสาย (กดปุ่ม MODE ค้าง) และแสดงข้อมูลแบบมัลติฟังก์ชัน ฝาปิดที่เก็บของด้านหน้าติดตั้งแผ่น STILE MILANO ลายเซ็นต์ของ Mr. Innocenti ในรุ่น G350 บ่งบอกความเป็นสายเลือดแท้จากอิตาลี ช่องเก็บของด้านหน้าพร้อมช่องจ่ายไฟสำรอง USB Type-A Charger เบาะนั่งขนาดใหญ่สบายทุกการเดินทาง พร้อมที่เก็บของใต้เบาะ ช่อง USB Type-A อีกจุดและกุญแจดีไซน์ ประวัติศาตร์แห่ง Milan, Italy    

 

 

ความที่เป็นรถระดับตำนานและมีประวัติของ แบรนด์ที่น่าสนใจทำให้แทบจะทุกอนูของตัวรถเต็มไปด้วยตัวหนังสือ "Lambretta" เช่น ในไฟหน้า ไฟท้าย กระบังลมหน้า แผงคอด้านใน แฮนด์ ผ้าเย็บติดตรงขอบเบาะ มือจับคนซ้อนท้าย ด้านในใต้เบาะ ด้านข้างตัวรถส่วนท้าย ฯลฯ ที่ยังนับไม่หมด! และยังมีแพลตลายเซ็นต์ของผู้ก่อตั้ง "Ferdinando innocenti" อีกด้วย

 

 

 

Lambretta G350 ด้วยเครื่องยนต์ LSP (Lambretta Super Performance) ขนาด 330.1 ซีซี จ่ายน้ำมันด้วยหัวฉีด ระบายความร้อนด้วยน้ำพร้อมพัดลมระบายอากาศ 2 ตัว ให้กำลังสูงสุด 25.5 แรงม้า ที่ 7,500 รอบต่อนาที แรงบิด 24.5 นิวตันเมตร ที่ 6,250 รอบต่อนาที ขับสนุกให้ความสมูทนุ่มนวลด้วยระบบเกียร์ CVT ที่วิศวกรออกแบบของ Lambretta ออกแบบให้ G350 โดยเฉพาะ 

 

 

ระบบช่วงล่างที่มีเอกลักษณ์ด้านหน้าแบบ Double Arm-Link เอกลักษณ์จากรุ่นตํานานของ Lambretta เพิ่ม  Performance ให้นุ่มนวล ควบคุมบาลานซ์ของตัวรถได้อย่างดีเยี่ยม และโช้คหลังคู่ สามารถปรับค่าพรีโหลดได้ 5 ระดับ ส่วนระบบเบรกด้านหน้าดิสก์ขนาด 240 มิลลิเมตร ด้านหลังขนาด 240 มิลลิเมตร พร้อมเบรก ABS Dual-channel และล้อขนาด 12 นิ้ว ยางแบบ Tubeless ด้านหน้าขนาด 120/70-12 และหลัง 130/70-12 ของ Pirelli จากแบรนด์อิตาลี

 

 

โครงสร้างตัวรถเหล็กแกร่งแบบ Full Monocoque Frame ที่เพิ่มความพิเศษดีไซน์ให้บริเวณข้างถังทั้งสองข้างสามารถ ถอดแยกชิ้นได้ เพื่อให้ง่ายต่อการเซอร์วิส รวมไปถึงการคัสตอมแต่งรถในสไตล์ต่าง ๆ ก็สามารถถอดเปลี่ยนได้ง่าย พักเท้าสําหรับผู้ซ้อน สามารถพับเก็บได้ ในดีไซน์แบบอิตาเลียน พร้อมลัญลักษณ์ "Lambretta"

 

 

การออกแบบ Riding Position กับท่านั่งขับขี่สกู๊ตเตอร์แบบคลาสสิกตัวตั้งหลังตรง ในตําแหน่งการวางเท้าถึงพื้นไม่สูงจนเกินไป เบาะนั่งมีดีไซน์ ที่ทําให้ผู้ขับขี่สามารถวางเท้าถึงพื้นได้ง่ายมากขึ้นและเบาะนั่งกว้างสําหรับผู้ซ้อนก็นั่งสบาย โดยเบาะมีความสูงจากพื้น 790 มิลลิเมตร พร้อมตะขอแขวนของอเนกประสงค์บริเวณหน้าเบาะ แค่กดลงไปที่แขวนจะเด้งออกมา  

 

 

 

สำหรับการขับขี่สิ่งแรกที่ชอบคือ ท่านั่งที่สบายสไตล์ แลมเบรตติสต้า "หน้าเชิด-หลังตรง" เบาะใหญ่นั่งสบายแต่ไม่กว้าง สามารถกางขาได้พอดี และวางเท้าบนพื้นได้โดยหัวเข่าไม่ตึงมาก หรือจะที่วางบนเท้าหัวเข่างอที่ระดับ 60- 80 องศา กำลังสบาย การวางมือบนแฮนด์ในระดับไม่สุงหรือต่ำมาก ช่วยให้ควบคุมคันเร่ง เบรก หรือสวิตช์ไฟต่าง ๆ ได้ง่าย 

 

 

อัตราเร่ง มาแบบนุ่ม ๆ ไม่กระชาก แต่ว่าตึงมือเมื่อเพิ่มคันเร่งมากขึ้น ยิ่งมีแรงเร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ คาแรคเตอร์นุ่มนวล เมื่อต้องการขับขี่ทั่วไปไม่กระตุกกระชากทำให้คนขับและคนซ่อนไม่ต้องคอยเกร็งตัวมากนัก แต่ถ้าต้องการอัตราเร่งแซงแบบ "ขาด" ก็เพิ่มคันเร่งมากขึ้นพลัง LSP 330.1 ซีซี 25 แรงม้า ก็มีให้ใช้งานแบบเพียงพอเลยครับ 

 

 

ช่วงล่างดีเกินคาด เนื่องจากรถสกู๊ตเตอร์ทรงแบบนี้มักจะมีความนิ่งเวลาขับขี่ในความเร็วสูง ๆ น้อยเป็นทุนเดิม เนื่องจาก ขนาดรถ ล้อ ความยาว และน้ำหนัก แต่ใน G350 กลับทำได้ดีกว่าที่คิด แม้จะขับขี่ที่ความเร็วระดับ 120 กม./ชม. หรือ เข้าทางโค้ง ตกหลุม วิ่งผ่านตะเข็บรอยต่อถนน แฮนด์ไม่มีอาการสั่นหรือส่าย ยังให้ความนิ่งและยังบังคับคันเร่งได้แม่นยำ 

 

 

ยิ่งระบบเบรกถือว่ามีให้ใช้งานเหลือ ๆ ด้วยก้านเบรกที่กดลงเพียงเล็กน้อย รถก็ชะลอได้รวดเร็วมาก บางครั้งแทบไม่ต้องใช้เบรกหน้าช่วยเลย และด้วยยางของดีจากอิตาลี Pirelli ที่เกาะถนนดี แม้จะเบรกช่วงที่ผ่านคลื่นถนน หรือแถบเส้นแบ่งช่องทาง ก็เอาอยู่ และระบบ ABS ทำงานได้ไว เมื่อต้องเบรกรุนแรงในถนนลื่น นับว่าช่วยให้ขับขี่ปลอดภัยมากขึ้นไปอีกขั้นครับ 

 

 

กระจกมองข้างมีอาการสั่นเล็กน้อย เมื่อใช้ความเร็วสูง ๆ แต่ที่ความเร็วต่ำมองง่ายมุมมองกว้าง สามารถมองเห็นรถในเลนถัดไปได้ดี รวมถึงรถที่ขับตามมา มาตรวัดแสดงผลชัดเจน แต่ถ้าเจอแสงแดดจ้าตอนกลางวัน อาจจะมองยากเนื่องจากมีแสงสะท้อนจากแดดมากกว่า  

 

 

ระบบจอแสดงผลมีลูกเล่นให้ใช้งานทั้งการปรับความเข้มแสง ตั้งค่าหน่วยวัน ตั้งวันที่ เวลา สั่งการเปิด-ปิดระบบบลูทูธที่เชื่อมต่อง่ายมาก (คล้ายการเชื่อมหูฟังไร้สาย)  เพียงเปิดเอาไว้ ใช้สมาร์ทโฟนค้นหาชื่อรถแค่นี้ก็เรียบร้อย โดยเบอร์ที่โทรเข้า-ออกจะโชว์ขึ้นบนจอได้เลย และใช้ปุ่ม "Mode" ในการกด 1 ครั้ง รับสาย กดค้างยาว ๆ วางสาย ซึ่งเหมาะกับการใช้งานร่วมกับชุดแฮนด์ฟรีที่ติดตั้งกับหมวกหรือใส่หูฟังโทรศัพท์เอาไว้ครับ

 

 

ที่แผงคอมีสวิตช์กุญแจและสวิตช์เปิดเบาะพร้อมกับการบิดกุญแจไปทางซ้ายสุดเป็นการเปิดฝาด้านหน้าไว้เก็บของเล็ก ๆ น้อย ๆ และเป็นที่เก็บเครื่องมือช่างเบื้องต้น รวมถึงมีจุดจ่ายไฟ USB-A 1 จุด และยังมีที่ใต้เบาะอีก 1 จุด แต่ช่องเก็บของด้านหน้าอาจจะไม่ใหญ่มากนัก แต่ก็สามารถใส่สมาร์ทโฟน ไซส์ iPhone ในรุ่น Pro max ได้ ส่วนกล่องเก็บของใต้เบาะมีขนาดกลาง ๆ สามารถใส่หมวกกันน็อกใ[แบบเปิดหน้าได้ และด้านหน้าสุดของเบาะนั่งมีตะขอเล็ก กดออกเพื่อแขวนสิ่งของได้อีกด้วย  

 

 

แม้จะมีฟังชั่นต่าง ๆ ที่ใช้งานง่าย แต่ก็มีบางจุดที่ต้องปรับตัวเข้าหารถบ้าง เช่น สวิตช์ไฟเลี้ยวที่นิ้วโป้งซ้าย นุ่มและมีช่องว่างน้อยมาก แม้จะกดตรงกลางเพื่อยกเลิกแล้วแต่บางครั้งไม่แน่ใจว่าเปิดสัญญาณทิ้งเอาไว้หรือไม่   

 

 

 

Lambretta G350 รถสกู๊ตเตอร์ที่มีตำนานน่าสนใจและ DNA คลาสสิกตรงปกจากยุค 1947 พร้อมภาพลักษณ์ระดับพรีเมี่ยม คลาสสิกในสไตล์ที่แตกต่าง ขับขี่สะดวกสบายด้วยระบบที่ทันสมัย เครื่องแรงแซงได้ขาด ช่วงล่างแน่นหนึบ เบาะนั่งนุ่มนวล นับเป็นรถสกู๊ตเตอร์คลาสสิกที่น่าสะสม ยิ่งนานยิ่งทรงคุณค่า    

 

 

Lambretta G350 มาพร้อมราคาเปิดตัวแนะนําที่ 215,000 บาท มีให้เลือก 3 สีสันสุดพรีเมียม ได้แก่  

สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.lambretta.co.th หรือไปชมรถตัวจริงได้ที่โชว์รูมแลมเบรตต้าทุกสาขาทั่วประเทศ