ยามาฮ่า กลับมาตอกย้ำปรากฎการณ์ความเร้าใจสายสปอร์ตคลาส 155 ซีซี ด้วย “New Yamaha R15 Connected ปี 2023” สีใหม่ Aggressive Gray สีเทา เท่ ดุดัน สปอร์ตในทุกองศา พร้อมกับรุ่นท็อป “R15M Connected-ABS” โดดเด่นด้วย Aerodynamic Design เอกลักษณ์เฉพาะจาก R-Series และยังคงสมรรถนะขุมพลังเครื่องยนต์ 155 ซีซี VVA เสริมด้วยเทคโนโลยี Yamaha Y-Connect แอปพลิเคชันการเชื่อมต่อข้อมูลรถ ช่วยให้ผู้ขี่สื่อสารข้อมูลกับรถได้มากกว่าที่เคย ล่าสุดทีมงานเพจ Motorbike Guru by Checkraka.com ได้นำรุ่น “New R15 Connected” มาขับทดสอบ
ความโดดเด่นของ “New Yamaha R15 Connected” เริ่มจากเครื่องยนต์ขนาด 155 ซีซี VVA เกียร์ 6 สปีด พร้อม ASSIST & SLIPPER CLUTCH ที่พร้อมตอบสนองทุกการบิดคันเร่ง ช่วยลดแรงกระชากล้อหลังขณะลดเกียร์ เหมือนขี่สปอร์ตบิ๊กไบค์ และ ระบบกันสะเทือนหน้า TELESCOPIC UPSIDE DOWN ช่วยดูดซับแรงกระแทกได้ดีเยี่ยม ควบคุมการเข้าโค้งความเร็วได้ฉับไวและมั่นใจ
ดีไซน์ตัวรถยังคงโดดเด่นด้วยระบบไฟส่องสว่าง FULL LED HEADLIGHT ไฟหน้า Twin-Eyes พร้อมไฟกลางแบบ Mono Focus LED สว่างชัดทุกเส้นทาง และล่าสุดกับชุดสีใหม่ เทา Aggressive Gray เร้าใจกว่าเดิม นอกจากนี้ยังเติมเทคโนโลนีล้ำสมัยเข้าไปด้วยเป็น YAMAHA Y-Connect Application ให้การเชื่อมต่อกับตัวรถง่ายขึ้น โดยระบบสามารถแจ้งข้อมูลรถ และการขี่ไปบนสมาร์ทโฟนได้
ด้านการทดสอบผู้เขียนวางเส้นทางไกลจากกรุงเทพฯ ย่านถนนแจ้งวัฒนะมุ่งหน้าไปสู่จังหวัดสุพรรณบุรี โดยต้องขับผ่านหลายจังหวัด นับรวมได้ถึง 5 (กรุงเทพฯ, นนทบุรี, ปทุมธานี, อยุธยา และสุพรรณบุรี) ซึ่งเส้นทางส่วนใหญ่เป็นทางตรงเปิดโล่ง เหมาะกับการขี่แบบสปอร์ตทางไกล หมุดหมายครั้งนี้อยู่ที่อุทยานมังกรสวรรค์
เริ่มต้นจากเส้นทางแจ้งวัฒนะตัดเข้าไปบันทึกภาพรถและทำความคุ้นเคยกับรถก่อนขี่ทางไกลที่สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ จังหวัดนนทบุรี ความรู้สึกแรกที่ได้คร่อม
“New Yamaha R15 Connected” คือ ได้อารมณ์ขี่แบบสปอร์ตเต็มๆ แต่ก็ไม่ได้ก้มมากเหมือนรถแข่งในสนาม ยังให้ท่าขี่แบบสปอร์ตสบายๆ การมองทัศนะวิสัยด้านหน้า หันมองกระจกข้างทำได้ง่ายและชัดเจนสะดวกกับการตัดสินใจเปลี่ยนเลน การโอบถังขณะขี่ให้ความรู้สึกมั่นใจและสนุกไปกับการเข้าโค้ง ขณะที่จอดเข็นก็ชอบที่ตัวรถน้่ำหนักเบา (138 กก.) ขยับจูงได้สะดวกมาก จนได้เวลาเหมาะสมก็เริ่มออกตัวมุ่งหน้าไปสู่หมุดหมายที่วางไว้คือ อุทยานมังกรสวรรค์ โดยออกไปทางถนนติวานนท์ ขี่ผ่านสะพานนนทบุรี (307) ผ่านวงแหวนรอบนอกใช้เส้นทาง 340 ถนนบางบัวทอง-สุพรรณบุรี ขี่ผ่านนนทบุรี - ปทุมธานี - อยุธยา และสุพรรณบุรี
เส้นทางจากถนนในเมือง ตัวรถ R15 ให้ความคล่องตัวในการควบคุมทิศทางได้ดั่งใจ การเปิดคันเร่ง เบาเบรก ก็คุมได้ง่าย ขี่ง่ายกว่าบิ๊กไบค์คันใหญ่ แต่ยังได้ฟิลสปอร์ตไบค์ ซึ่งเหมาะกับคนที่มองหาสปอร์ตไบค์ที่ขี่ง่ายและขี่ได้ทั้งวัน ช่วงข้ามสะพานนวลฉวีมีลมข้างปะทะเข้ามา ตัวรถก็ยังให้สมดุลที่ดี
เมื่อถึงเส้นทาง 340 ช่วงทางตรงยาว ความเร็วในการขี่เดินทางอยู่ประมาณ 100-110 กม./ชม. มีบ้างที่ลองหมอบก้มติดถังน้ำมันเพื่อเปลี่ยนอริยบท และลองทำความเร็วสูงสุด ปรากฎว่าตัวเลขบนเรือนไมล์ได้ที่ 134 กม./ชม. ท่าขี่แบบสปอร์ตกับการขี่ทางไกลหลายคนอาจมองว่าน่าจะสร้างความเหนื่อยล้าและเมื่อยได้ง่าย แต่สำหรับ R15 กลับไม่เป็นเช่นนั้น ขี่ได้สบายยาวๆ
ระหว่างทางมีบ้างที่แวะปั้มน้ำมันเพื่อทำธุระส่วนตัว จนมาถึงตัวเมืองสุพรรณบุรีได้แวะพักทานอาหารกลางวัน R15 สีเทาใหม่ที่จอดอย่างโดดเด่นถึงกับเรียกความสนใจจากผู้คนที่มาทานอาหารจนต้องเข้ามาถามถึงว่าขนาดกี่ซีซี ราคาเท่าไหร่
จากมื้อกลางวันก็เดินทางต่อไปแวะเช็คอินถ่ายรูปสวยกับตัวรถ เช่น บริเวณรอบหอคอยบรรหาร-แจ่มใส และอุทยานมังกรสวรรค์ สิ่งเดียวที่ทำให้ผู้ขี่เหนื่อยล้าในการเดินทางครั้งนี้ก็คงเป็นเรื่องของอากาศที่ร้อนมาก ดีที่ R15 มีระบบระบายความร้อยด้วยน้ำที่มีประสิทธิภาพทำให้ตัวรถทนทานให้สมรรถนะที่ดีต่อเนื่องอีกทั้งไม่ร้อนต่อผู้ขี่ ก่อนเดินทางกลับได้มาแวะคาเฟ่ลับของเมืองสุพรรณฯ ที่ชื่อว่า เหน่อ คาเฟ่ พักรถพักคนจิบเครื่องดื่มอร่อยกับเค้กโฮมเมด ซิกเนเจอร์ที่ร้านทำเอง เติมพลังความสดขื่นก่อนขี่กลับกรุงเทพฯ
ความท้าทายในช่วงขากลับ คือ การขี่สู้กับความง่วงและอาการล้าจากความร้อนที่นวดมาตลอดทั้งวัน ดีขี่ R15 เป็นสปอร์ตไบค์น้ำหนักเบาทำให้เวลาที่เริ่มอ่อนแรงก็ยังสามารถควบคุมรถได้ดีตลอด ไม่เหมือนบิ๊กไบค์ขนาดใหญ่ที่หลายคนขี่ล้าจะเริ่มคุมไม่ไหว ท่ามกลางอากาศที่ร้อนแบบนี้ พอเริ่มเข้าช่วงเย็นสู่จังหวัดปทุมธานี การจราจรกลับมาติดขัดและพลุกพล่าน ความโดดเด่นของ R15 ก็คือ เลาะเลี้ยวได้คล่องแคล่ว เร่ง เบา เบรก สลับกันได้อย่างไหลลื่น นับเป็นข้อดีของสปอร์ตไบค์น้ำหนักเบาแบบนี้จริงๆ สุดท้ายกลับมาถึง ถนนแจ้งวัฒนะเพื่อจบทริป 1 วันกับ R15 ผู้เขียนก็ยังไม่รู้สึกเมื่อยกล้ามเนื้อใดๆ เลยแม้แต่น้อย และลืมไปเลยว่าทริปนี่ไม่ได้แวะเติมน้ำมัน เมื่อกดดูอัตราสิ้นเปลืองบนหน้าจอโชว์ตัวเลขที่ 36 กม./ล. นับเป็นความประหยัดบนความสปอร์ตที่น่าตกใจ จึงพอสรุปได้ว่า “New Yamaha R15 Connected” คือ สปอร์ตไบค์ไลท์เวท ที่เหมาะกับไบค์เกอร์ที่อยากได้รถสไตล์สปอร์ตแบบใช้งานได้ทุกวัน ท่องเที่ยวได้ ถ้าค้างคืนก็อาจสะพายเป็นเป้สัมภาระเอง หรือมัดไว้ที่ท้าย ตามข้อจำกัดของรถประเภทนี้ แต่ก็ชดเชยด้วยความสนุกในการขี่โดยเฉพาะเวลาเข้าโค้งความเร็ว ให้อัตราเร่งและทำความเร็วในการเดินทางที่ดีพอ มีความคล่องตัวสูง และสุดท้ายเป็นความคุ้มค่าเงินที่จ่าย
“New Yamaha R15 Connected” กับทางเลือก 3 สีสัน คือ เทา Aggressive Gray, น้ำเงิน Icon Blue และดำ Tech Black มีราคาแนะนำที่ 118,000 บาท
เทคโนโลยีใหม่ เหนือชั้นกับแอปพลิเคชัน Y-Connect เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่านแอปพลิเคชันที่เชื่อมต่อข้อมูลรถผ่าน CCU ช่วยให้ทราบข้อมูลสำคัญของรถและลักษณะการขี่นำขึ้นไปแสดงผลบนสมาร์ตโฟน และตัวแอปฯ เลือกดูได้ 9 เมนู คลอบคลุมทุกข้อมูลสำคัญดังนี้
- METER INDICATOR – แจ้งเตือนการติดต่อเข้ามือถือบนหน้าจอเรือนไมล์
- MAINTENANCE RECOMMEND – แจ้งเตือนการบำรุงรักษา
- MALFUNCTION NOTIFICATION – แจ้งเตือนเครื่องยนต์เกิดปัญหา
- FUEL CONSUMPTION – แสดงข้อมูลการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
- REVS DASHBOARD – แสดงมาตรวัดสมรรถนะขณะขับขี่
- PARKING LOCATION – แสดงตำแหน่งจอดรถล่าสุด
- RANKING – แสดงอันดับในการขับขี่
- RIDING LOG – บันทึกประวัติการขับขี่
- CONTACT FORM – ช่องทางการติดต่อยามาฮ่า
มาเป็นเจ้าของ
“New Yamaha R15 Connected” Born to Be One1...เร็วดั่งใจ พุ่งไปกับความเป็นหนึ่ง
ได้ที่ร้านผู้จำหน่ายจักรยานยนต์ยามาฮ่าทั่วประเทศ พร้อมได้การรับประกันนาน 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน)