Lambretta สกู๊ตเตอร์คลาสสิคสัญชาติอิตาลี ได้รับความนิยมมาหลายทศวรรษ ด้วยดีไซน์การออกแบบที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งยังมีความพรีเมียมในทุกรายละเอียด ล่าสุดกับการเปิดตัวรุ่น Lambretta X300 ในไทย รถที่มีสไตล์เป็นเอกลักษณ์ ได้ทั้งความเท่ สปอร์ต พร้อมกระแสตอบรับที่ดีเกินคาดกับยอดจองถล่มทลายเพียงไม่กี่วัน
ย้อนไปถึงความเป็นมาอันยาวนานของแบรนด์ Lambretta ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ระหว่างปี 1939 แต่จบเร็วภายในปี 1945 ชีวิตหลังสงคราม ท่ามกลางการทำลายแล้วสร้างใหม่ก็มีหลากหลายนวัตกรรมเกิดขึ้น หลายอย่างกำเหนิดขึ้นผลักดันการใช้ชีวิตใหม่ ทั้งเทคโนโลยีและวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป และแบรนด์ระดับโลกจากอิตาลีอย่าง Lambretta ก็เริ่มต้นจากช่วงนั้น โดย Lambretta โมเดลแรกออกในปี 1947 และอยู่ในตลาดจักรยานยนต์มาตลอด นับเป็นแบรนด์ที่มีประวัติการเดินทางมายาวนาน แต่ยังคงเอกลักษณ์และ DNA จากจุดเริ่มต้นซึ่งเป็นจุดขายมาอย่างต่อเนื่อง และเบื้องหลังความสำเร็จแบรนด์ Lambretta คือ มิสเตอร์ Ferdinando Innocenti ความเป็นมาของชายคนนี้กับแบรนด์ Lambretta มาจากความบังเอิญเหมือนกับบทบันทึกหลายแบรนด์สำคัญของโลก
Innocenti มีธุรกิจเกี่ยวกับการก่อสร้าง มีรายได้มากมายในช่วงรุ่งเรือง แต่หลังสงครามครั้งที่ 2 ยุติ กิจการของเขาแทบไม่เหลืออะไรให้เดินหน้าต่อไปได้เลย ท่ามกลางสภาพสังคมที่ย่ำแย่ คนในอิตาลีส่วนใหญ่ต้องหันมาสร้างทุกอย่างใหม่จากซากปรักหักพัง Innocenti เกิดความคิดในการสร้างจักรยานยนต์สองล้อแบบง่ายๆ ขี่ได้ในทุกสภาพถนน ซึ่งได้แนวคิดจาก Cushman scooters ซึ่งเป็น military motorbikes ที่ใช้กันในหมู่ทหารอเมริกัน โดยนำมาพัฒนาต่อเพื่อผลิตใช้งานจริง และ Lambretta รุ่นแรกภายใต้ชื่อรุ่น Model M (A) ถือกำเนิดจากจุดนี้ สเปคตัวรถตอนนั้นใช้เครื่องยนต์ขนาด 125 ซีซี ระบายความร้อนด้วยอากาศ ให้กำลังสูงสุด 4.3 แรงม้า ที่ 4,200 รอบต่อนาที ถ่ายทอดกำลังผ่านเกียร์ 3 สปีด กับเอกลักษณ์เปลี่ยนเกียร์ด้วยเท้า ด้านระบบกันสะเทือนด้านหน้าใช้คอยล์สปริงเท่านั้น ด้านหลังยึดกันแบบไม่มีซับแรงกระแทก หลังจากรุ่นแรก 3 ปี Lambretta Model LC 125 ที่ดีไซน์รูปทรงตัวรถจนเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ก็ออกสู่ตลาดในปี ค.ศ. 1950 เป็นการปรับเปลี่ยนรายละเอียดพาร์ตภายนอกใหม่หมด เพื่อให้รถสามารถตอบโจทย์การใช้งานได้มากขึ้นไม่ว่าเป็นการบำรุงรักษาและใช้งานในชีวิตประจำวัน ส่วนขุมพลังยังคงเดิม
PRIX DL รุ่นคลาสสิคตลอดการกับหลากหลายขุมพลัง 125, 150 และ200 ซีซี ออกมาในปี ค.ศ. 1969 นับเป็นโมเดลพิมพ์นิยมที่ใช้เป็นแนวทางการอออกแบบกันจนถึงรุ่นปัจจุบัน หลังผลัดเปลี่ยนมือจากปี 1972 ที่จบยุคคลาสสิคพร้อมกับการเลิกผลิต มาจนถึงยุค Lambretta is back! การกลับมาของ Lambretta ในโอกาสครบรอบ 70 ปี ณ ขณะนั้น ถือเป็นการก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ ของ Lambretta กับการกลับมาด้วยการถือกำเนิดโมเดลซีรีย์ใหม่ V-Special ณ ประเทศอิตาลี ในปี 2017
ถัดมาในปี 2018 ถือเป็นปีที่สะเทือนวงการรถสกู๊ตเตอร์ในเมืองไทย ด้วยการเปิดตัวผู้จำหน่าย Lambretta ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก ภายในงาน Motor Expo 2018 พร้อมโมเดลซีรีย์ V-Special ที่ได้จำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย และล่าสุดกับโมเดลใหม่ ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ เพราะเรียกได้ว่า เป็นกระแสฮ็อตฮิตติดลมบนกันไปแล้วตั้งแต่เปิดตัว กับ รุ่น X300
Lambretta X300 รูปทรงแบบ Diamond Line การออกแบบที่ปรับให้เส้นสายเลย์เอ้าท์ตัวรถมีเหลี่ยมมุม โครงสร้างตัวรถแบบ Low & Long อันเป็นสไตล์ของแลมเบรตต้ามานาน และทำให้ต่างจากรถแนวคลาสสิคอื่นในตลาด X300 ออกแบบตามแนวคิด Heritage To Future เพื่อก้าวเข้าสู่เจเนอเรชันใหม่ แต่คงเอกลักษณ์แลมเบรตต้าไว้ได้หมด ไม่ว่าไฟหน้าทรงเหลี่ยม ไฟท้ายส่องสว่างแบบแท่งคริสตัลพร้อมระบบ IFS (Integrate - Function Signals) ที่รวมสัญญานไฟเลี้ยว ไฟฉุกเฉิน ไฟเบรก อยู่ในโคมเดียวกัน เรียบหรูกลมกลืนไปกับตัวรถ นอกจากนี้ยังไม่ลืมที่จะวางตำแหน่งโลโก้ไว้ในหลายตำแหน่งตัวรถ เช่น ตัวเครื่อง โคมไฟ บังลมด้านซ้าย ฝาถังน้ำมัน ปลอกปลายแฮนด์ และที่กลางฟลอร์บอร์ดแยกวางเท้าก็มีเช่นกัน นอกจากนี้มาพร้อมด้วยพรีเซ็นเตอร์ "มาริโอ้ เมาเร่อ" ดารานักแสดงที่เสมือนตัวแทนของคนรุ่นใหม่ สะท้อนความโดดเด่นของสกู๊ตเตอร์รุ่นนี้
ด้านขุมกำลังก็นับเป็นความโดดเด่นที่ช่วยให้หลายคนตัดสินใจเป็นเจ้าของได้ทันที ด้วยขนาดเครื่องยนต์ขนาด 275 ซีซี SOHC กำลังสูงสุด 25 hp ที่ 8,250 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 24.5 นิวตันเมตร ที่ 6,250 รอบต่อนาที ระบายความร้อนด้วยน้ำพร้อมพัดลมระบายอากาศคู่ รองรับการขี่ได้หลากหลายทั้งในเมืองที่ให้แรงบิดดี คล่องตัว และขี่บนถนนเปิดโล่งรอบนอกก็ได้อัตราเร่งแซง ทำความเร็วได้ดีด้วย
นี่คือ Lambretta X300 สกู๊ตเตอร์คลาสสิคที่จะมาเป็นเพื่อนคู่ใจคันใหม่ของใครหลายคนที่มองหารถที่มีเอกลักษณ์ สะท้อนตัวตนได้อย่างชัดเจน ทั้งยังได้ความพรีเมียมในทุกรายละเอียดอย่างแท้จริง สนใจเป็นเจ้าของอย่างมั่นใจด้วยการรับประกันตัวรถให้นาน 3 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร พร้อมมี 4 สี ให้เลือก เขียว (Milano Green), ขาว (Gemma White), เทา (Argento Silver) และดำ (Lucente Black)
สำหรับใครที่สนใจ Lambretta X300 และยังมีข้อสงสัยในบางจุด สามารถอ่านบทความรีวิวเพิ่มเติมได้ตามลิ้งก์ที่อยู่ด้านล่างนี้ได้เลย