เป็นครั้งแรกที่ผู้เขียนได้มาลองสัมผัสฟีลลิ่งของสกู๊ตเตอร์ระดับตำนาน ที่ล่าสุดเปิดตัวรถจักรยานยนต์สกู๊ตเตอร์รุ่นใหม่พรีเมียมเพื่อฉลองครบรอบการถือกำเนิดมายาวนานถึง 75 ปี นั่นคือ
"Lambretta X300" บอกเลยว่าเป็นรถที่มีสไตล์เป็นเอกลักษณ์จริงๆ มันได้ทั้งความเท่ สปอร์ต ที่สำคัญหลังจากที่ได้ลองขี่มาแล้ว มันให้ความรู้สึกว่า รถสกู๊ตเตอร์คันนี้มันพร้อมจะพาคุณไปทุกที่จริงๆ
ข้อมูลภาพ bigbikeinfo.com
สำหรับ
Lambretta (แลมเบรตต้า) เป็นแบรนด์ที่ถือกำเนิด ในปี 1947 ณ เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี ก็ไม่น่าแปลกใจที่การดีไซน์ออกแบบตัวรถจะดูมีความพรีเมียมและกลิ่นอายอิตาเลียนมาไม่น้อย อีกทั้งก่อนการเปิดตัวในไทย เจ้า
Lambretta X300 ยังได้ไปเปิดตัวอวดโฉมความหล่อที่แรกที่งาน EICMA 2022 ที่ผ่านมาอีกด้วย
จนล่าสุดกับการเปิดตัวที่ประเทศไทยที่ผ่านมาและได้พรีเซ็นเตอร์หน้าหล่อและชื่นชอบรถคลาสสิคอยู่แล้วอย่าง “มาริโอ้ เมาเร่อ” ก็ยิ่งทำให้รถดูมีความน่าสนใจมากขึ้น
ภายนอกสะดุดตาด้วยรูปทรงแบบ Diamond Line
ต้องบอกเลยว่าเจ้า
Lambretta X300 ฉีกแนวจากรูปทรงรถคลาสสิคแบบโค้งมนไปมาก สำหรับ สกู๊ตเตอร์พรีเมียมคันนี้ที่ปรับดีไซน์ให้มีเส้นสาย มีเหลี่ยมมุมทรงเรขาคณิต ให้รถดูมีลูกเล่น ไม่เรียบเกินไป ซึ่งการออกแบมาพร้อม คอนเซปต์
“Heritage To Future” เน้นรูปทรงแบบ
“Diamond Line” โดยโครงสร้างตัวรถมาใน
แบบ Low & Long และเป็นเอกลักษณ์ของ
แลมเบตต้า มาตั้งแต่อดีต จนถึงปัจุบัน
กระจังหน้าเรียบแบนเสริมด้วยกรอบไฟเลี้ยวแบบเรียวเป็นเส้นแนวตั้ง รับเส้นสายของตัวรถพร้อมเม็ดไฟทับทิม เรียงตัวสวยงาม เรียกว่าดีไซน์เพื่อปรับเปลี่ยนให้ก้าวเข้าสู่ New Generation ทั้งคัน แต่ก็ยังคงเอกลักษณ์ของแลมเบตต้าฉบับดังเดิม กับแผงไฟหน้าทรง 6 เหลี่ยม ซ่อนโลโก้ Lambretta ไว้ในกลางโคมไฟเปิดส่องเวลากลางคืนจะเท่มากๆ ส่วนไฟท้าย สะดุดตาแต่ไกลแน่นอน ออกแบบรูปทรงแบบแท่งคริสตัล มีเลเยอร์ที่มาพร้อมกับระบบ IFS (Integrate - Function Signals) ที่พัฒนาให้มีทั้งไฟเลี้ยว/ไฟฉุกเฉิน/ไฟเบรก ให้รวมอยู่ในแผงเดียวกัน ประหยัดพื้นที่แถมได้ความเท่ไม่เหมือนใครเลยจริงๆ
ตัวรถยังมีการฝังโลโก้ไว้ตามจุดต่างๆ เช่น ตัวเครื่อง โคมไฟ บังลมด้านซ้าย ฝาถังน้ำมัน ปลอกปลายแฮนด์ หรือแม้แต่ที่วางเท้าพื้นยางก็ฝังสัญลักษณ์ไว้เช่นกัน เหมือนเป็นการบ่งบอกว่านี่แหละฉันคือ สกู๊ตเตอร์พรีเมียม แลมเบตต้า
ฟีเจอร์และจุดเด่นของ Lambretta X300
นอกจากการดีไซน์แปลกใหม่แล้วเจ้ารถคันนี้ยังมีความพิเศษที่ซ่อนเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ขี่ ยิ่งคนเอเชียแบบเราที่ความสูงอาจไม่ได้ครึ่งจากต้นกำเนิด แต่ทางผู้ออกแบบก็คำนึงถึงการขับขี่ และการทรงตัวหากต้องเจอกับสภาพถนนในหลายรูปแบบ ด้วยการเซ็ตระบบช่วงล่างที่มาพร้อมชุดกันสะเทือนหน้าโช้คคู่แบบ Double Arm-Link ที่ให้ช่วยในเรื่องบาลานช์ เวลาเข็น หรือประคอง และทำให้ขับนิ่งเวลาโยกตัวหลบหลีก ก็ช่วยผู้ขี่เบาแรง นิ่มนวล และสมูทมากขึ้น เสริมรับกับดิสก์เบรกหน้า-หลัง พร้อม ABS อีกทั้งยังออกแบบให้พื้นที่วางเท้ากว้างวางได้สบาย ไม่เกะกะเกินไป
ระบบกุญแจแบบ Smart Key รูปทรงไดมอนด์สวยงาม ยืนอยู่ในระยะได้ไกลสุด 1 เมตร ก็จะได้ยินเสียงสัญญาณแจ้งเตือน บ่งบอกว่าพร้อมใช้งาน ก็สามารถบิดและออกสตาร์ทได้ทันที อีกทั้งยังเพิ่มความพิเศษปรับความ Sensitive ของสัญญาณกันขโมยได้ 5 ระดับ มีช่องเสียบสายชาร์จ USB Type-C ให้ที่กล่องกระจังหน้าซ้ายมือ จะเปิดเสียบสายก็หมุนที่สวิตช์ไปทาง Start ฝาก็เปิดออกและเสียบสายได้แบบไม่ต้องสตาร์ทก็ชาร์จได้เลย แต่ถ้าหากจะเปิดเบาะก็หมุนสวิตช์ทวนเข็มนาฬิกา
หน้าจอเรือนไมล์คงความคลาสสิคแบ่ง 2 ตอนด้านบนเป็นเข็ม ส่วนด้านล่างเป็น Digital LCD ก็ได้อารมณ์ทั้งแบบดั้งเดิมผสมความทันสมัยในตัว ยิ่งเป็นช่วงเวลากลางคืนจะเห็นชัดกับมาตรวัดแบบเข็มที่มีหลากสี และจอLCD ที่ให้ความสว่างเห็นชัดในเวลากลางคืน
เครื่องยนต์ 300 ซีซี Super Performance
Lambretta X300 มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาดจริงอยู่ที่ 275 ซีซี 4 จังหวะ 1 สูบ 4 วาวล์แบบ SOHC พละกำลัง 18.5 กิโลวัตต์/ 8,250 รอบต่อนาที (25.1 แรงม้า) และแรงบิด 24.5 นิวตันเมตร / 6,250 รอบต่อนาที ใช้ระบบจ่ายน้ำมัน EFI (Bosch)
ระบายความร้อนด้วยน้ำและพัดลมระบายอากาศ 2 ตัว ซึ่งกระจังหน้าทั้ง 2 ข้างก็ยังมีช่องตะแกรงไว้รีดลมเพื่อลดแรงปะทะเวลาขับขี่ด้วยความเร็ว
ตัวรถมีขนาด กว้าง x ยาว x สูง (741x 1,922 x 1,117 มม.) ความสูงจากพื้นถึงเบาะ 790 มม. ซึ่งขนาดความสูงก็ไม่ได้สูงมากจนทำให้คนตัวเล็กขาไม่ถึง เพราะอย่างผู้เขียนสูงเพียง 155 ซ.ม. ก็สามารถขับขี่ได้สบายๆ
ล้อขนาด 12 นิ้ว กับขนาดยางหน้า IRC 120/70-12-51M และ IRC 130/70-12-56M แบบไม่มียางใน (Tubeless) ทั้งคู่ ถังน้ำมันจุ 7.5 ลิตร ที่เติมได้เบนซิน 95 หรือ แก๊สโซฮอล์ 91, 95 (E10) ก็สามารถเติมได้ และใต้เบาะยังใส่หมวกกันน็อคได้อีก 1 ใบ
สำหรับอัตราการประหยัดที่ทางแลมเบตต้าเคลมไว้คืออยู่ที่ราวๆ 28-32 กิโลเมตร / ลิตร ถ้าใช้ความเร็วเฉลี่ย 90-100 แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับผู้ขับขี่ และการใช้งานของแต่ละบุคคล ทั้งสภาพอากาศ ยาง หรือปัจจัยหลายๆ อย่างก็อาจทำให้แต่ละคนได้อัตราสิ้นเปลืองต่างกันออกไป
สรุปการขับขี่ Lambretta X300
แรกพบสบตาบอกเลยว่ารถสกู๊ตเตอร์คันนี้มันดูแตกต่างจากคู่แข่ง มันมีสไตล์ไม่ซ้ำเจ้าอื่น ใครที่ชอบอะไรที่เด่นสะดุดตาคิดว่ามันตอบโจทย์ อีกทั้งได้ลุค เท่ สปอร์ต คลาสสิคผสมผสานในคันเดียวกัน ถือว่าครบถ้วนในความต้องการของคนยุคใหม่
ในเรื่องการขับขี่สำหรับผู้เขียนมองว่าเป็นรถที่พละกำลังเรียกใช้งานได้ตลอด จะเร่งแซงก็มาได้ดั่งใจ ตัวรถหลายคนอาจมองว่าตัว Body เขาดูใหญ่ท้วม แต่มันมุดและซอกแซกในเมืองได้สบาย อาจด้วยการปรับเซ็ตช่วงล่างและการมีโช้คคู่หน้าที่สร้างบาลานซ์ได้ดี เลยทำให้การเลี้ยว การแทรกไม่เสียจังหวะ โดยรวมก็ถือว่าเป็นรถที่ขี่สนุก บิดติดมือ เครื่องแน่น ไปกับ Performance ที่แลมเบตต้าจัดมาให้ค่ะ
ใครกำลังมองหารถมอเตอ์ไซค์คู่ใจไว้เที่ยวออกทริป หรือเน้นใช้ในชีวิตประจำวัน ที่สำคัญอยากแตกต่างจากรถเดิมๆ ที่มีอยู่ทั่วไป
Lambretta X300 ก็น่าจะเป็นเพื่อนเดินทางของคุณได้ไม่เลวเลยค่ะ ที่สำคัญเขารับประกันตัวรถให้นานถึง 3 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร ในราคาแนะนำที่ 154,900 บาท รถมี 4 สี คือ เขียว (Milano Green), ขาว (Gemma White), เทา (Argento Silver) และดำ (Lucente Black)
และสุดเซอร์ไพรส์หลังจากที่ทำการเปิดตัวก็ได้รับการตอบรับมาดีมากๆ ภายใน 3 วันกับยอดจองทะลุ 1,000 คัน แต่ทั้งนี้ก็เพื่อแฟนๆ แลมเบตต้า ทางบริษัทเลยขยายเวลาโปรโมชั่น ซึ่งโปรโมชั่นนี้ก็จะมี Voucher 5,000 บาท / ดอกเบี้ยเริ่มต้น 4.5% ต่อปี ผ่อนสูงสุดนาน 60 เดือน ทั้งนี้ใครอ่านบทความนี้แล้วสนใจอยากจองก็สามารถเข้าไปจองได้ที่ช่องทางออนไลน์
www.lambretta.co.th เพื่อรับสิทธิพิเศษนี้ ตั้งแต่วันนี้ จนจบงาน Motor Expo 2022 จนถึงวันที่ 12 ธันวาคม 2565