mindset ที่แตกต่างระหว่างการขี่บิ๊กไบค์ในแทร็คกับบนถนน

จริงอยู่กับสิ่งที่ได้เรียนขี่ในสนามสำหรับแทร็คเดย์ ทักษะหลายอย่างนำมาประยุกต์ใช้กับการขี่บนถนนจริงได้ แต่ก็มีความแตกต่างอยู่พอสมควร อย่างแรกในแทร็คคุณจำโค้งได้ เลือกไลน์เข้าโค้งได้ เลือกจุดตัดโค้งได้ สภาพแวดล้อมค่อนข้างแน่นอน เพราะรู้ผิวแทร็คดี และไม่มีรถสวนแน่นอน

ขณะที่ขี่บนถนนคุณจะเจอตัวแปรมากมาย เริ่มจากเส้นทางที่คุ้นเคย อาจรู้ว่าจะเลี้ยวตรงไหน มุมเลี้ยวกว้างไหม แต่ที่ไม่มีทางรู้คือ เราจะเจอเหตุการณ์ไม่คาดคิดอะไรได้บ้าง หลุมใหม่ ฝาท่อพัง สิ่งของหรือเศษดินบนถนน รถที่เปลี่ยนเลนกระทันหัน สุนัขวิ่งตัดหน้า จะเห็นว่าตัวแปรเยอะมาก ส่วนบนเส้นทางที่ไม่เคยขี่มาก่อน ถ้าเป็นถนนทางเรียบเร่งความเร็วได้สะดวกยิ่งอันตราย บนถนนเปิดโล่งการเปิดคันเร่งทำได้อย่างอิสระตามใจ ตอบสนองความเร้าใจตัวเอง และนั่นมักทำให้เราใช้ความเร็วเกินความจำเป็น ยิ่งเป็นทางที่ไม่คุ้นยิ่งต้องระวังโค้ง เช่น โค้งบอดมองไม่เห็นทางออก โค้งต่อเนื่องสลับซ้ายขวา โค้งขึ้นลงเนินที่อันตรายสุดๆ ตลอดจนโค้งกว้างที่ต้องใช้จุดตัดโค้งไกลออกไป และอย่าลืมว่าบนถนนจริงมีรถเลนสวน และถ้าเป็นโค้งขวาคุณก็จะไม่มีจุดตัดโค้งแบบในสนามเพราะต้องอยู่ในเลนซ้าย ถ้ามาด้วยความเร็วเกินคือ จบ !

อีกเรื่องสำคัญคือ จุดเบรก ! เป็นมายเซ็ตที่ต่างกันมากระหว่างแทร็คกับถนน ในสนามแข่งตอนขี่แทร็คเดย์คุณอาจจุ่มเบรกได้ลึก เข้าไลน์เดิมได้ครั้งแล้วครั้งเล่าผ่านจุดตัดโค้งได้เป๊ะทุกรอบตามชั่วโมงบิน แต่บนถนนหลวงมันเป็นเคสที่ต่างกันลิบลับ อยางแรกคือ ต้องใช้เบรกเร็วขึ้นก่อนเข้าโค้ง เปิดไลน์เข้าโค้งใหม่ที่มองเห็นทะลุโค้งได้เยอะที่สุด เลี่ยงการมองแบบเล็งจุดตัดผ่าน เบรกมีแล้วต้องใช้ การให้น้ำหนักเบรกที่เหมาะสมก่อนและระหว่างเข้าโค้งเป็นเรื่องสำคัญ ก่อนเข้าใช้เบรกแบบค่อยๆ เพิ่มน้ำหนักทั้งหน้าและหลัง  หน้าสำคัญเพราะเป็นพลังการหยุดตัวรถที่แท้จริงและช่วยถ่ายน้ำหนักไปด้านหน้าเพื่อให้รถเข้าโค้งได้ง่ายขึ้น เมื่อเข้าสู่โค้งก็ค่อยๆ ผ่อนเบรกพร้อมลีนเข้าเพื่อได้แทร็คชัน ค่อยๆ เติมความเร็ว ออกโค้งไปอย่างไหลลื่นแบบที่คุมได้ บนถนนการเบรกควรชะลอลดความเร็วลงมาเพื่อการเข้าโค้งที่ง่าย ควบคุมได้เสมอ รวมไปถึงวิเคราะห์จากสภาพแวดล้อมตอนนั้นด้วย รถยนต์ขับตามหลัง มีรถสวนตลอด พื้นผิวถนนลื่นไหม  และที่อันตรายสุดๆ ทั้งบนแทร็คและถนนคือ การเบรกฉุกเฉิน เบรกตกใจ ในแทร็คคุณอาจเลยจุดเบรกก่อนเลี้ยวและมาด้วยความเร็วที่ไม่สามารถเลี้ยวได้แล้ว นั่นก็ต้องประคองรถและเบรกให้ได้เร็วที่สุดก่อนหลุดทะลุแทร็คออกไปไกล บนถนนไม่ว่ารถ คน สุนัข ที่ตัดหน้า นั่นทำให้เราต้องพร้อมเบรกแบบหยุดให้สั้นที่สุด ดังนั้นมือขวาก็ต้องพร้อมกดก้านเบรกหน้าตลอดเวลา และเมื่อถึงคราวที่ต้องออกแรงกดเต็มแรงจริงๆ แขนทั้งสองข้างก็ต้องเหยียดตรงช่วยยันแฮนด์ไว้ด้วย บางคนใช้เวลาที่น้อยนิดในการเบรกไปกดบีบแตรซึ่งจริงๆ แทบไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้น นอกจากเสียเวลาเบรกเพิ่ม หยุดจนปลอดภัยก่อน แล้วอยากกดแตรหรือตะโกนว่าตามทีหลังดีกว่า

สุดท้ายย้ำเตือนเรื่อง มายเซ็ตการขี่ระหว่างในแทร็คกับถนนมันต่างกันจริงๆ ต้องเตือนตัวเองเสมอว่า มายเซ็ตขี่ถนนไม่เหมือนในสนาม แม้เราฝึกฝนทักษะการขี่ในสนามจนช่ำชองขนาดไหนก็ตาม จริงอยู่สกิลที่ดีทำให้การขี่บนถนนดีตาม แต่หลายอย่างบนถนนก็เป็นข้อจำกัดที่ทำให้ความคุ้นชินในสนามกลายเป็นความเสี่ยง สำคัญคือ มายเซ็ตที่แตกต่าง  !