รีวิว Bajaj Pulsar NS200 ใหม่ สปอร์ตเนกเก็ตสุดซ่า สมรรถนะดีเยี่ยม ในราคาพร้อมจบ ไม่เกิน 1 แสนบาท

Bajaj บิ๊กไบค์ขวัญใจไบค์เกอร์ที่ชอบความคุ้มค่า ถูกและดี  ล่าสุดกับ Pulsar NS200 สปอร์ตเนกเก็ตไบต์ ที่เราจะพาคุณไปหาคำตอบถึงความน่าใช้และคุ้มค่ากับราคาค่าตัว 83,800 บาท แต่อยากแนะนำก่อนว่า บาจาจ เป็นแบรนด์รถสัญชาติอินเดีย มีประวัติยาวนานถึง 76 ปี มียอดขาย เป็นอันดับ 3 ของโลก ส่วนรุ่น Pulsar ก็ทำตลาดได้รับความนิยมมายาวนาน ครองใจผู้ขี่หลายประเทศ ล่าสุดกับการปรับรายละเอียดให้ดูสปอร์ตสดใส เอ็กซ์ตรีมมากขึ้น ขี่สนุกขนาดไหน งานนี้ทีมงาน Motorbike GURU Thailand โดย Checkraka.com จัดมาลองให้รู้กัน

 

 

 

 

 

ความโดดเด่นของ Bajaj Pulsar NS200 คือขุมพลังขนาด 199.5 ซีซี เทคโนโลยี 3 หัวเทียน DTS-i ระบายความร้อนด้วยน้ำ ให้กำลังสูงสุด 24.5 แรงม้า ที่ 9,750 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 18.5 นิวตันเมตร ที่ 8,000 รอบต่อนาที ระบบเบรก ABS เฉพาะด้านหน้ากับจานดิสก์เบรกขนาด 300 มม. ด้านหลังขนาด 230 มม. ช่วงล่างด้านหน้า เทเลสโกปิก หลังโมโนช็อค กับซับแทงค์ Nitrox ถังน้ำมัน 12 ลิตร น้ำหนักตัวรวม 156 กก.

 

 

ด้วยเทคโนโลยี 3 หัวเทียนของเครื่องยนต์ DTS-i พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยน้ำช่วยให้การทำงานเต็มประสิทธิภาพแม้ขณะวิ่งในอากาศร้อนจัด การสั่งจ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดให้ความแรงและประหยัดอย่างลงตัว ส่วนการออกแบบตัวรถเน้นความเป็นสปอร์ตเนกเก็ตตั้งแต่แรกเห็น ลุคที่ดูดุดันและเปี่ยมด้วยความกำยำของบอดี้พาร์ต เฟรมเพอริมิเตอร์แข็งแกร่งช่วยให้การควบคุมเฉียบคม ใส่ได้ทุกโค้งอย่างมั่นใจ ด้านระบบเบรกดิสก์หน้า-หลัง จัดว่าดีสุดในคลาสเพราะจานหน้าใหญ่ถึง 300 มม. พร้อมมี ABS และหลังขนาด 230 มม. จุ่มได้ลึกกระแทกหยุดปลอดภัยทุกพื้นผิว

 

 

 

เรือนไมล์มองง่ายชัดเจน มีสีสันและลูกเล่นพอสมควร ปุ่มการใช้งานต่างๆ ทั้งสองฝั่งแฺฮนด์ใช้ง่าย คล่องมือ ถังน้ำมันขนาด 12 ลิตร เติมเต็มถังขี่เที่ยวทางไกลได้ยาวๆ พักเท้าตำแหน่งกำลังดีสำหรับมาตรฐานคนไทยสูง 170 ซม. +/- เบาะนั่งกระชับ นุ่มกำลังพอเหมาะรับน้ำหนัก 65 กก. ของผู้เขียนได้สบายๆ ทั้งวัน ที่ไม่เหมือนใครคือ มีแคลชบาร์แยกทั้งสองข้างช่วยให้มีพื้นที่เซฟตี้เพิ่มสำหรับผู้ขี่เวลาล้มและลดความเสียหายของตัวรถได้

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

โจทย์ครั้งนี้คือ พิสูจน์ว่า Bajaj Pulsar NS200 ใหม่ เป็นมอเตอร์ไซค์ สปอร์ตเนกเก็ตที่ให้ความคุ้มค่าและน่าใช้ในระดับราคารถเกียร์ไม่เกิน 100,000 บาท ซึ่งเจ้าตลาดหลายรุ่นต่างมีราคามากกว่า 9 แสนบาท เฟิร์สลุคทันทีที่ไปรับรถสีน้ำเงินตัดเฟรมเพอริมิเตอร์ขาวคันนี้ ให้อารมณ์แตกต่างจาก Dominar 400 ที่เคยขี่ทดสอบมา ดูเป็นรถที่พร้อมตอบโจทย์ความสนุก สไตล์มันๆ ของสายหล่อขี่เท่ การขึ้นคร่อมสำหรับผู้เขียนที่สูง 171 ซม. แค่ตวัดขาก็ขึ้นคร่อมสบาย เบาะสูงกำลังดีเท้าเหยียบพื้นได้ครึ่งทิ้งน้ำหนักได้สบาย สำรวจเรือนไมล์ที่เน้นวัดรอบอนาล็อกตรงกลางฟิลสปอร์ตเน้นๆ ผสานกับความเร็วแบบดิจิตอลด้านขวา ผู้เขียนเซ็ตทริปเดินทาง (Trip 1) พร้อมออกไปหาคำตอบบนถนนจริง

 

การขี่ช่วงแรกเริ่มต้นกับถนนลาดพร้าวฝ่าการจราจรติดขัดช่วงกลางวันและลุยกับสภาพถนนที่อยู่ในระหว่างก่อสร้างรถไฟฟ้าสาธารณะ จุดหมายปลายทางแรกคือ ปั๊มน้ำมัน การขี่ด้วยความเร็วต่ำสลับหยุดนิ่งและต้องซอกแซกดูเหมือนเป็นการเข้าเรื่องที่รวดเร็วจนไม่ทันตั้งตัวเพราะยังไม่คุ้นชินกับรถ อย่างไรก็ตามเครื่องยนต์ตอบสนองดีให้กำลังมาตั้งแต่รอบต้น เกียร์ 2 ใช้งานได้ครอบคลุมการขี่ความเร็วต่ำ หน้ารถเวลาหักเลี้ยวรู้สึกหน่วงและหนักอยู่บ้าง แต่โดยรวมก็ซอกแซกผ่านช่องแคบระหว่างรถยนต์ไปได้เรื่อยๆ แม้ไม่ชินกับมิติความกว้างตัวรถก็ตาม

ผู้เขียนลัดเลาะผ่านถนนลาดพร้าวตัดเข้าสู่ถนนรัชดาภิเษกและตัดเข้าพหลโยธินไปเลี้ยวที่แยกเกษตร ไปจอดเติมน้ำมันปั๊มเตรียมพร้อมขี่ทดสอบพร้อมบันทึกภาพในวันที่สอง สำหรับฟิลการขี่วันแรกผู้เขียนที่เริ่มชินกับการควบคุมรถมากขึ้นเรื่อยๆ ก็สามารถบังคับรถได้ดั่งใจมากขึ้น เวลาจอดรอบเดินเบาเครื่องยนต์ทำงานได้นิ่งไม่มีอาการสั่นสะท้าน มีแค่บางจังหวะที่พัดลมระบายความร้อนทำงาน เรื่องความร้อนสะสมบริเวณเครื่องยนต์ที่เป็นแบบสูบเดียวลูกโตขนาดเกือบ 200 ซีซี ไม่ได้ส่งผลอะไรต่อขาที่หนีบตัวถังอยู่ ข้อสังเกตุของการขี่วันแรกคือ รู้สึกว่าช่วงล่างแน่นดีเวลาขี่ผ่านผิวถนนเรียบๆ แต่เวลาผ่านรอยต่อ หรือผิวชำรุดก็รู้สึกสะท้านบ้าง จริงๆ ก็ควรปรับตั้งพรีโหลดให้เหมาะสมกับน้ำหนักผู้ขี่ให้เหมาะสม

วันที่สองของการขี่ Bajaj Pulsar NS200 ผู้เขียนเริ่มต้นจากนอร์ธปาร์คไปสะพานเจษฎาบดินทร์ จังหวัดนนทบุรี ได้สัมผัสทั้งเส้นทางชุมชนและถนนเปิดโล่ง ตลอดจนบนสะพานสูงทางยาว และทางดินที่ให้อารมณ์ขี่สนุกแบบเอ็กซ์ตรีมเล็กๆ การขี่ไปตามเส้นทางลัดย่อยผ่านหมู่บ้าน ชุมชน เพื่อไปออกถนนติวานนท์ สนามบินน้ำ มุ่งสู่สะพานเจษฎาฯ เสมือนการใช้ขี่ใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน ผู้เขียนคุ้นกับรถมากขึ้นเรื่อยๆ จังหวะการเปลี่ยนเกียร์ที่รู้สึกเหมาะสมควรเป็นรอบกลางๆ มากกว่าลากยาวเกิน 6,000 รอบ ซึ่งแรงบิดเริ่มไม่มี รถเปลี่ยนเกียร์ง่าย โยกย้ายเปลี่ยนเลนและไลน์สะดวก มีจังหวะเบรกฉุกเฉินให้ได้กดเต็มๆ จน ABS ทำงาน ตัวรถรักษาอาการดีและเบรกจนหยุดนิ่งทันท่วงที คุมง่าย ช่วงขี่ขึ้นสะพานตัวรถทรงตัวได้นิ่งดีทำให้ขี่มั่นใจจริงๆ จังหวะผ่านลอนถนนปั๊มเนินช่วงล่างเฟิร์มรับอยู่สบายๆ การเร่งแซงรถช้า ก็มีแรงบิดพอให้เรียกใช้ได้ทันใจ อาจไม่ถึงกับดึงกระชากแต่ก็แรงพอให้กะจังหวะแซงได้อย่างปลอดภัย การเข้าโค้งความเร็วก็ลีนไปกับรถได้อย่างมั่นใจ ไม่มีจังหวะสลิปแม้แต่นิดให้แก้ พิเศษกับการขี่บนทางดินที่แทร็คชันน้อยมาก เป็นช่วงที่เน้นการขี่แบบสนุกสนานในพื้นที่เฉพาะ การออกตัว ทำความเร็ว เบรกสไลด์ Pulsar NS200 ตอบสนองได้สนุกเหนือความคาดหมาย เป็นรถที่ใช้งานได้รอบด้านหลากหลายจริงๆ สรุปด้านสมรรถนะนับว่าเพียงพอกับการใช้งานแบบครอบคลุมจบในคันเดียว ขี่ไปทำงาน เที่ยว หรือทำกิจกรรมมันๆ ได้หมด ที่สำคัญคือ ราคาน่าคบหามากด้วยคลาส 200 ซีซี เทียบกับรุ่นอื่นๆ ส่วนใหญ่มัก 150 ซีซี แถมจ่ายค่าตัวน้อยกว่า และยังมีโปรโมชั่นส่วนลดพิเศษอีกต่างหาก ผู้เขียนมองว่าคุ้มค่ามาก

Bajaj Pulsar NS200 สปอร์ตเน็คเก็ตขนาดคอมแพค ให้ท่านั่งสบาย ขี่ได้อย่างมั่นคง แม้บนถนนเปิดโล่งหรือจังหวะโยกย้ายเปลี่ยนไลน์ ระบบเบรกเอบีเอสด้านหน้าเสริมความมั่นใจกับการขี่บนถนนไทยแลนด์ได้ดี รถขี่ง่ายแรงบิดดีตั้งแต่รอบต้น ออกตัวเกียร์สองยังสบาย สมรรถนะโดยรวมนับว่าให้กำลังดีพอกับการใช้งานหลากหลาย ด้านดีไซน์กับสีสันใหม่ก็ทำให้ พัลซ่าร์ เอ็นเอส 200 ดูสปอร์ตสดใสเหมาะกับไบค์เกอร์หลากหลายรุ่นที่มองหารถสปอร์ตเนกเก็ตราคาไม่แพง สะท้อนความเร้าใจทุกการขับเคลื่อน

Bajaj Pulsar NS200 กับราคา 83,800 บาท เป็นราคาที่ทำให้หลายคนพร้อมจบได้เลย ขี่แล้วได้ความเรื่องความคล่องตัว สนุกเพลิดเพลิน ประหยัด และได้สเปคเหนือกว่ารุ่นอื่นในระดับราคารถสปอร์ตเนกเก็ตไม่เกิน 1 แสนบาท ทั้งยังตอบโจทย์ทั้งใช้ขี่ในขีวิตแระจำวัน และเดินทางได้ครบ