บริษัท ไทยฮอนด้า แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด เปิดตัว ฮอนด้า
New CBR500R สำหรับนักบิดสายสปอร์ตเต็มขั้น เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา พร้อมกับการอัพเดทครั้งใหม่ยกระดับให้เทียบเท่าซูเปอร์ไบค์ระดับท็อปคลาสด้วยการติดตั้งเทคโนโลยีชั้นสูงเข้าไป เพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการเข้าสู่โลกของบิ๊กไบค์โดยเฉพาะสายซิ่งสนาม ล่าสุดทีมงาน Motorbike Guru โดยเช็คราคา.คอม ได้โอกาสร่วมทดสอบขี่ในแทร็ค สนามช้างอินเตอร์เรขั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อพิสูจน์สมรรถนะจากการอัพเกรดและเพิ่มเติมอุปกรณ์ใหม่จะส่งผลต่อการขี่ให้ดีมากขึ้นขนาดไหน
ไฮไลท์ของ New CBR500R ที่เปิดตัวพร้อมกับ 500F และ 500X ยังคงใช้พื้นฐานขุมกำลังเครื่องยนต์เดียวกัน ล่าสุดกับการปรับปรุงในรายละเอียดหลายจุดเพื่อให้สมรรถนะดียิ่งขึ้นไปอีก เริ่มจากเครื่องยนต์ 2 สูบ แบบ Parallel Twin DOHC ขนาด 500 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ 6 สปีด เสริมด้วยระบบ Assist Slipper Clutch ที่ได้รับการปรับแต่งใหม่ ด้านระบบกันสะเทือนเปลี่ยนโช้กอัพหน้าแบบหัวกลับขนาดใหญ่ 41 มม. จาก SHOWA รองรับแรงกระแทกและให้การควบคุมที่ดีเยี่ยม พร้อมให้ความมั่นใจและปลอดภัยขึ้นด้วยดิสก์เบรกหน้าคู่ ผสานกับระบบเบรก ABS ให้ประสิทธิภาพการเบรกเหมือนบิ๊กไบค์พรีเมียม โดยในรุ่น New CBR500R และ New CB500F จะเป็นดิสก์เบรกหน้าคู่พร้อมด้วยคาลิปเปอร์แบบ Radial Mount 4 Pots ส่วนในรุ่น New CB500X จะเป็นดิสก์เบรกหน้าคู่พร้อมคาลิปเปอร์แบบ Twin Piston 2 Pots อีกจุดสำคัญมีส่วนให้สมดุลและคล่องตัวขึ้นคือ สวิงอาร์มใหม่
ส่วนไฟหน้า LED ใหม่ ให้ความสว่างเพิ่มขึ้นกว่าเดิมถึง 25% และล้อแม็กหน้า-หลัง ก็เป็นลายใหม่ โดยในรุ่น New CBR500R ใช้ล้อแม็กลาย Y-Spoke 5 ก้านคู่ ขนาด 17 นิ้ว
บททดสอบ
New CBR500R ครั้งนี้เป็นการขี่ออนแทร็ค ณ สนามช้างอินเตอร์ เนชั่นแนล เซอร์กิต กำหนดขี่กัน 3 เซลชั่น (15 นาที/เซสชั่น) โดยมีการติดไทม์สปอนเดอร์เพื่อดูเวลาต่อรอบ ผู้เขียนในนามของ MotorBikeGuru จาก Checkraka.com ได้ลงขี่ 2 เซลชั่นแรกในช่วงเช้า โดยก่อนลงขี่ทดสอบก็ได้เข้ารับฟังบริฟจากทางผู้จัดและเจ้าหน้าที่สนามเพื่อความเข้าใจในตัวรถและเงื่อนไขการทดสอบของสนาม ซึ่งเป็นการปล่อยให้ขี่แบบฟูลแล็บไม่มีกรวยดัก และมีนักแข่งรถทีมฮอนด้าเรซซิ่งนำทุกเซสชั่น
การขี่ในเซสชั่นแรกเป็นช่วงที่ปรับความคุ้นชินกับมิติตัวรถ ตำแหน่งท่านั่ง การตอบสนองคันเร่ง เบรก เข้าออกโค้ง และสลิปเปอร์คลัตช์ ทุกอย่างอยู่บนพื้นฐานรถเดิมทั้งสิ้น ยางก็เป็นมิชลิน ไพลอดสตรีทติดรถ หลังจากชินกับรถก็เริ่มเพิ่มความเร็วและสนุกกับการทำเวลาต่อรอบได้มากขึ้น เข้าสู่เซสชั่น 2 ผู้เขียนสนุกกับการขี่มากขึ้น แต่ยังพยายามหาจังหวะเปลี่ยนเกียร์ที่เหมาะสมในโค้ง 5-6-7 การรวบเกียร์ในเซสชั่น 2 ผู้เขียนค่อยลดเกียร์ทีละสเต็ปเพื่อกันล้อล็อคแม้มีสลิปเปอร์คลัตช์แต่การใช้งานแบบขี่ในสนามที่ต้องรวบหลายเกียร์เร็วๆ เป็นอีกเรื่อง นอกจากนี้การเร่งออกจากโค้งก็ทำได้ดีแม้ไม่มีแทร็คชันคอนโทรล ในเซลชั่น 3 ได้รับการแนะนำเรื่องการใช้เกียร์จากโค้ชฟิลม์ ทำให้ขยับทำเวลาต่อรอบได้ดีขึ้นอยู่ที่ 2 นาที 18.99 วินาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 164.7 กม./ชม. เป็นช่วงที่ขี่ได้สนุกสุด จุดที่ไม่สมูธกับการขี่สนามมีแค่ต้องเปลี่ยนเกียร์ไวหน่อยที่ประมาณ 9,000 รอบต่อนาที แต่ก็ตอบแทนด้วยประสิทธิภาพการเบรกที่หน่วงชะลอหยุดได้แบบมั่นใจ ยางเดิมติดรถก็ทำหน้าที่ได้ดีทั้ง 3 เซสชั่น
หลักจากขี่ครบ 3 เซสชั่น ทุกคนก็ได้มาเก็บภาพสวยๆ กับรถ CBR500R และภาพหมู่ในแทร็ค พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน และเดินทางกลับกรุงเทพฯ และรอขี่ทดสอบบนถนนจริงกันอีกครั้งเพื่อให้เห็นด้านการใช้งานในชีวิตประจำวันกับบิ๊กไบค์คลาส 500 ซีซี ที่อัพเกรดด้านความปลอดภัยเพิ่มเข้ามา
การทดสอบขี่ในแทร็คครั้งนี้แสดงให้เห็นด้านสมรรถนะของฮอนด้า New CBR500R ใหม่ที่พร้อมตอบโจทย์กับผู้ที่ต้องการเข้ามาสัมผัสโลกความเร็วในสนามแข่งจริงๆ และสามารถเข้าถึงได้ง่ายด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 219,800 บาท ทั้งยังใช้งานได้คุ้มค่าทั้งขี่ได้สบายในชีวิตประจำวันและซิ่งสนุกในแทร็ค แน่นอนว่าอาจไม่ใช่รถที่ขี่ในแทร็คแบบเต็มตัว แต่ด้วยราคาที่เข้าถึงง่าย ประกอบกับทางผู้จำหน่ายมีกิจกรรมรองรับตลอดต่อเนื่อง (ถ้าไม่ติดเรื่องโควิด-19) ก็นับว่าเป็นรุ่นเริ่มต้นที่เหมาะสมและให้ความคุ้มค่าอย่างแท้จริง