ประเมินวงเงินรู้ผลใน 3 นาที

กับ กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท

เริ่มประเมินวงเงินพร้อมสตาร์ท
ผ่านมือถือ สแกนเลย

ดูวงเงินพร้อมสตาร์ทที่ได้รับ

x
icon-filter ค้นหารถมอเตอร์ไซค์
product filter
product filter
product filter
product filter
product filter

Test on Track เฟิร์สไรด์ Yamaha YZF-R7 ซูเปอร์สปอร์ตน้องใหม่ครอบครัวตัว R ราคา 339,000 บาท

icon 18 เม.ย. 65 icon 4,048
Test on Track เฟิร์สไรด์ Yamaha YZF-R7 ซูเปอร์สปอร์ตน้องใหม่ครอบครัวตัว R ราคา 339,000 บาท
บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เปิดตัว ยามาฮ่า YZF-R7 ไปเมื่อ 7 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมาด้วยราคา 339,000 บาท สร้างความฮือฮาให้กับสายซิ่งบิ๊กไบค์ เพราะเป็นซูเปอร์สปอร์ตรุ่นน้องที่ได้ DNA อาร์ซีรี่ย์มาเต็มๆ และเคลมไว้ว่าขี่ได้ดีสะดวกทั้งบนถนนทั่วไปและในแทร็ค ด้วยการออกแบบอันชาญฉลาดที่ใช้พื้นฐานจากรุ่น MT-07 พร้อมปรับแต่งในหลายๆ ด้านเพื่อให้เป็นตัวซิ่งสไตล์สปอร์ต 2 โลก ไม่ใช่สปอร์ตทัวร์ริ่งและไม่ใช่สายซิ่งสนามเต็มตัวแบบ R6 รายละเอียดคงได้อ่านผ่านตากันไปแล้ว ครั้งนี้ทีมงาน Motorbike Guru โดยเช็คราคา.คอม ได้รับโอกาสให้ไปร่วมทดสอบขี่ในแทร็คที่สนามช้างอินเตอร์เรขั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อสัมผัสด้านการขับขี่ในแทร็ค
สเปคและจุดเด่น
ไฮไลท์ของ YZF-R7 อยู่ที่ขุมพลังเครื่องยนต์แบบ CP2 ขนาด 689 ซีซี กำลังสูงสุด 73.4 PS ที่ 8,750 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 67 นิวตันเมตร ที่ 6,500 รอบต่อนาที จากรอบเห็นได้ว่าไม่สูงมากเพื่อรองรับการขี่บนถนน แต่ก็ให้ Riding Position ที่ซิ่งพอขี่ได้ในแทร็คได้สนุก ด้านแฟริ่งออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ สอดรับให้มีความกระชับเว้นให้ขาหนีบเฟรมได้กลมกลืนไปกับตัวรถ นับเป็นอาร์ซีรี่ย์ที่สลิมเพรียวที่สุดของตระกูล พร้อมระบบ ASSIST & SLIPPER CLUTCH เพื่อความปลอดภัยในจังหวะรวบเกียร์ลง และมีออปชันสำหรับควิกชิฟต์ (อัพอย่างเดียว) ที่เดินสายไฟมารอพร้อมเสียบ ใครอยากได้ก็สั่งซื้อแยกเพิ่มได้ 
โปรโมชั่นล่าสุด  ฟรีประกันภัยชั้น 1 และบัตรกำนัล 26,000 บาท ใช้เป็นส่วนลดได้
การขี่บนแทร็คและสมรรถนะ
มิชชั่นการทดสอบขี่ ยามาฮ่า YZF-R7 ออนแทร็ค ถูกกำหนดขี่แบบวันเดียวแบ่งเป็น 5 กลุ่ม แต่ละกลุ่มมี 7 คัน (สื่อ) ได้รันกลุ่มละ 2 เซสชั่น ผู้เขียนอยู่ในกลุ่ม 2 แต่จากความตั้งใจทดสอบรถสแตนดาร์ดบนแทร็กแห้งกลายเป็นต้องรันบนแทร็คเปียกเพราะมีฝนตกลงมาก่อนหน้าและตลอดวันทดสอบ อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่สนามและนักแข่งทีมยามาฮ่าได้ร่วมตรวจสอบสภาพสนามอยู่ตลอดเวลาเพื่อความปลอดภัยจริงๆ ของผู้ร่วมทดสอบทำให้ดีเลย์ไปบ้าง แต่สุดท้ายกลุ่มแรกก็ได้ไฟเขียวให้ออก การขี่ของแต่ละกลุ่มได้เวลา 15 นาที ต่อเซสชั่น ช่วงแรกทางทีมผู้จัดได้ให้ผู้ฝึกสอนมานำไลน์เสมือนวอร์มอัพแล็บ 2 รอบ แล้วจึงปล่อยให้วิ่งได้แบบอิสระ จนถึงคิวกลุ่ม 2 ของผู้เขียนที่ค่อนข้างกังวลกับสภาพสนามที่ยังเจิ่งนองด้วยน้ำ และฝนก็ยังพรำไม่หยุด ข้อควรระวังสำคัญในการขี่รถบนแทร็คของสนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนลแบบนี้ก็คือ อย่าให้หลุดไปจนถึงขอบเคิร์บเพราะสีที่ทาไว้จะทำให้ยางสลิปได้ง่ายมาก และรถรุ่นนี้ไม่มีระบบแทร็คชันคอนโทรลทำให้ต้องเน้นเรื่องการเปิดคันเร่งออกจากโค้งให้มากขึ้นด้วย ผู้เขียนเพิ่งขี่ยามาฮ่า R7 เป็นครั้งแรกก็เจอความท้าทายเลย เรียกว่าไปทำความรู้จักกันในสนาม ช่วงแรกก็มีผู้ฝึกสอนนำไลน์ขี่เหมือนรอบวอร์มอัพ ผู้เขียนพยายามวอร์มหน้ายางตั้งแต่ขี่ออกจากพิท รวมไปทั้งวอร์มผ้าเบรกหน้าให้ถึงอุณหภูมิที่พร้อมทำงาน ช่วง 2 รอบแรกรู้สึกได้ถึงท่านั่ง โพซิชั่น ไรด์ดิ้ง ยังให้ความเป็นซูเปอร์สปอร์ตคล้ายกับรุ่นพี่ R6 ด้วยข้อมูลที่ได้จากทีมงานบริฟก่อนลงทดสอบ คือ ตำแหน่งแฮนด์ของ R7 นั้นอยู่สูงกว่า R6 นิดเดียว และไม่สูงเหมือน R3 ที่เป็นสปอร์ตทัวร์ริ่งมากกว่า นั่นทำให้เข้าใจได้ชัดเจนว่า R7 ถูกวางตำแหน่งการใช้งานไว้ทั้งบนถนนและแทร็คแบบสมดุล เริ่มจากทดสอบขี่ไปได้ลองจับอาการตอนเข้าโค้ง เร่ง และชะลอเบาเบรกตลอดจนการลดเกียร์แบบทีละจังหวะ ทั้งหมดให้การตอบสนองที่ดีและเกิดความคุ้นชินได้ไว รู้สึกได้ว่า R7 เป็นรถที่ขี่ในแทร็คง่ายตั้งแต่แรก ยิ่งใช้ยางมัลติคอมปาวด์รุ่นท็อป และสลิปเปอร์คลัตช์ทำให้การขี่ก่อนและขณะเข้าโค้งทำได้มั่นใจมากขึ้นตามรอบที่ขี่ ผู้เขียนใช้เวลาขี่ในเซสชั่นแรกเพื่อทำความเข้าใจการใช้เกียร์ คันเร่ง ในโค้งต่างๆ และจับอาการที่ต้องระวัง พอสรุปช่วงแรกได้ว่าด้วยกำลังของ R7 ระดับ 73 แรงม้าที่รอบ 8,750 รอบต่อนาที ให้อัตราเร่งที่ดีควบคุมง่าย เหมาะสำหรับการขี่แทร็คเดย์เพื่อประสบการณ์และความสนุก การไม่มีแทร็คชันไม่ใช่ประเด็นที่ต้องกังวลสำหรับพลังระดับนี้ เพราะผู้เขียนยังเร่งออกจากโค้งได้ปกติ ไม่มีอาการสลิปแม้พื้นเปียก ส่วนหนึ่งยกความดีให้กับยางติดรถแบบมัลติคอมปาวด์ แม้มีลายดอกแบบสปอร์ตซึ่งดูน่ากังวลในการขี่แบบเวทเทส แต่กลับทำหน้าที่ได้ดีอย่างน่าประหลาดใจ เกาะหนึบในทุกโค้งได้ดีเยี่ยม แต่ก็เจออาการท้ายสไลด์บ้างเมื่อผู้เขียนเผลอรวบเกียร์อย่างรวดเร็วก่อนเข้าโค้งเอง
หลักจากขี่ครบ 5 กลุ่ม ก็เป็นช่วงพักรับประทานอาหารกลางวัน ผู้เขียนคาดหวังว่าช่วงบ่ายฝนจะหยุดและมีแดดมาสลับให้ขี่แบบแห้งบ้าง แต่สุดท้ายฝนก็ไม่หยุดกลับลงหนักสลับเบา ทำให้การขี่ทดสอบช่วงบ่ายต้องดีเลย์อีกครั้ง หลังทีมงานได้ลงไปขี่ตรวจสภาพสนามจนมั่นใจว่าพร้อมทดสอบได้อย่างปลอดภัย กลุ่มแรกก็ทยอยนำรถลงสู่สนาม ทดสอบวนจนมาถึงกลุ่ม 2 ได้ยินว่าระหว่างการทดสอบผู้ขี่บางคนประสบปัญหาเรื่องฝ้าขึ้นชิลด์ทำให้ขี่ได้ไม่เต็มที่ ผู้เขียนที่ใช้หมวกสกอร์เปี้ยน (ซื้อใช้เองไม่มีค่าโฆษณา) ตอนแรกก็กังวลเพราะไม่ได้ใส่พินล็อคแต่ปรากฎว่าไม่มีฝ้ามารบกวนชิลด์หน้าเลย ส่วนตัวเปิดแค่ช่องระบายลมตรงปากไว้เท่านั้น นอกจากนี้ชิลด์ที่ใช้เป็นแบบดำสนิท ก็ยังให้ทัศนวิสัยการมองเห็นชัดเจนเป็นหมวกที่ใช้ขี่ในแทร็คได้ดีจริงๆ (แต่ใส่ขี่อออกทริปนานๆ ไม่ค่อยสบายนัก) เซสชั่นที่ 2 ผู้เขียนที่เริ่มคุ้นกับตัวรถมากขึ้นสามารถขี่ได้ดั่งใจมากขึ้น แต่ก็ยังเผื่อทั้งจุดเบรกและความเร็วในโค้งไว้เพื่อความปลอดภัย ความเร็วสูงสุดเท่าที่ทำได้ก่อนเข้าโค้ง 3 อยู่ที่ 200 กม./ชม. กับเกียร์ 5 ซึ่งน่าจะไปได้อีกหน่อยถ้าไม่เผื่อจุดเบรกเร็วขึ้น การเร่งออกจากโค้งในเซสชั่นนี้ก็ยังไม่เจออาการสลิปแต่อย่างใด ทำให้มั่นใจว่า R7 จะเป็นซูเปอร์สปอร์ตบิ๊กไบค์รุ่นเริ่มต้นที่ได้รับการตอบรับดีมากๆ รุ่นหนึ่ง ด้วยสเปคที่มีให้นับว่าพอดีกับสมรรถนะที่ขี่สนุก ราคาเข้าถึงง่าย และที่สำคัญตัวรถได้คุณภาพการผลิตและนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งผู้เขียนก็อยากมีไว้ขี่เองสักคัน จากนี้คงรอพิสูจน์การขี่บนถนนจริงกับการออกทริปทางไกลรวมทั้งการใช้งานในเมืองว่า R7 จะเป็นซูเปอร์สปอร์ตบิ๊กไบค์ที่เฟรนด์ลี่ย์กับการขี่บนถนนมากระดับไหน
 
บทสรุปและความคุ้มค่า
เนื่องจากเป็นการทดสอบในแทร็คอย่างเดียวภายใต้คอนดิชั่นพิเศษคือ ฝนตกทั้งก่อนและระหว่างทดสอบ ด้านตัวรถไม่ได้มีการปรับแต่งอย่างใดขี่ทดสอบด้วยสเปคเดิม แต่ผลที่ออกมานับว่าน่าพอใจมาก โดยเฉพาะยางติดรถแบบมัลติคอมพาวด์ นับเป็นรุ่นท็อปของยางสปอร์ตสำหรับถนน การไม่มีแทร็คชันคอนโทรล มีแต่สลิปเปอร์คลัตช์อาจดูเหมือนน่ากังวล แต่จากการเทสกลางฝนแล้วก็ผ่านไปได้แบบไม่มีข้อผิดพลาดจึงรู้สึกเชื่อมั่นว่าไม่จำเป็นนัก ส่วนตัวมองว่า R7 ว่าจะเป็นสปอร์ตบิ๊กไบค์รุ่นใหม่ไฟแรงที่พร้อมเปิดรับทุกระดับฝีมือของการขี่แบบแทร็คเดย์ โดยเฉพาะมือใหม่ที่อยากเข้าถึงประสบการณ์ขับขี่แบบเรซซิ่งเซอร์กิต การเริ่มต้นกับ R7 ที่ค่าตัว 339,000 บาท นับเป็นราคาที่เข้าถึงได้ง่ายที่สุดเท่ามีของตลาดซูเปอร์สปอร์ตบิ๊กไบค์ ส่วนด้านการขับขี่บนถนนทั่วไปคงหาโอกาสทดสอบแล้วนำมารายงานให้ได้ทราบกันอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ยามาฮ่า YZF-R7 เออกแบบมาเพื่อขี่ได้ดีสนุกทั้งบนถนนและในแทร็ค ผู้เขียนก็เชื่อว่าเป็นเช่นนั้นจากการได้สัมผัสสมรรถนะและคาแรคเตอร์ของตัวรถในครั้งนี้ เหลือแต่ลองของจริงในเร็วๆ นี้
แท็กที่เกี่ยวข้อง r-series yamaha yzf-r7 yamaha bigbike YZF-R7
Motorbike Guru
เขียนโดย ชลัคร ช่วยชู Motorbike Guru

พูดคุยกับกูรูได้ที่




เว็บไซต์นี้มีการเก็บคุกกี้เพื่อเพิ่มความพึงพอใจในการใช้งานเว็บไซต์ และช่วยให้เราปรับปรุง และนำเสนอเนื้อหาตรงตามความสนใจของท่าน ท่านสามารถดู Privacy Notice และ ดู Cookies Policy ของเราได้ ที่นี่ ทั้งนี้ ท่านจะยินยอมให้เราเก็บคุกกี้ทั้งหมด หรือให้เก็บแค่บางส่วนโดยการคลิกเลือก ตั้งค่า

ท่านสามารถเลือกให้ความยินยอมการเก็บคุกกี้เป็นเรื่องๆ ได้ที่นี่

เมื่อคุณเข้าชมเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่น checkraka เราอาจจัดเก็บ หรือดึงข้อมูลจากเบราว์เซอร์ของคุณในรูปแบบของคุกกี้ และเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายคลึง เช่น tag และ pixel (เรียกรวมกันว่า “คุกกี้”) ซึ่งมักเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้โดยตรง แต่ช่วยให้คุณใช้งานเว็บไซต์ได้ปลอดภัย และตรงตามความต้องการมากขึ้น คุณอาจไม่ยินยอมให้เราเก็บคุกกี้บางประเภทได้ โดยการคลิกตามหัวข้อข้างล่างนี้

ประเภทคุกกี้
อ่านเพิ่มเติม ที่นี่
ยินยอม / ไม่ยินยอม
คุกกี้ที่จำเป็นต้องมีเสมอ
(Strictly Necessary)
คุกกี้สำหรับการใช้งานเว็บไซต์
(Functionality)
คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและวิเคราะห์
(Performance & Analytics)
คุกกี้เพื่อการตลาด
(Marketing)