เคทีเอ็ม 790 Adventure บิ๊กไบค์สายแอดเวนเจอร์ สมรรถนะสูง เด่นที่น้ำหนักเบาและขนาดกำลังดีเหมาะกับคนเอเชีย เหมาะกับไบค์เกอร์ที่ชอบการขี่ท่องเที่ยวทางไกลไปได้ทั้งถนนดำและฝุ่น หรือแม้แต่ใช้งานในเมือง ชื่อของ เคทีเอ็ม กับการผลิตรถแนวนี้เป็นเรื่องที่มั่นใจได้ และในไทยก็มี บริษัท วรูม จำกัด ผู้นำเข้าและผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์แบรนด์ KTM เป็นตัวแทนที่พร้อมเซอร์วิสแบบครบวงจร ครั้งนี้ทีมงาน MotorBikeGuru /Checkraka.com นำรุ่น 790 Adventure มาทดสอบขี่เพื่อเป็นข้อมูลประกอบในการตัดสินใจเลือกรุ่นบิ๊กไบค์ที่ชอบไม่มากก็น้อย
สเปคและจุดเด่น
เคทีเอ็ม 790 Adventure ใช้ขุมพลังเดียวกับ 790 Duke ที่ออกมาตอนปี 2018 ขนาด 799 ซีซี 2 สูบ DOHC แต่นำมา mapping ใหม่เน้นแรงบิดช่วงกลาง ได้กำลังสูงสุดอยู่ที่ 95 แรงม้าที่ 8,000 รอบต่อนาที แรงบิด 88 นิวตันเมตร ที่ 6,600 รอบต่อนาที แรงใกล้เคียงกับฮอนด้า CRF1100L ที่มี 99 แรงม้า แรงบิด 103 นิวตันเมตร รวมไปถึง BMW 850GS ที่มี 95 แรงม้า แรงบิด 92 นิวตันเมตร แต่ทั้งสองรุ่นน้ำหนักตัวเกินระดับ 200 กก. ไปพอควร ต่างจาก 790 Adventure ที่หนักเพียง 189 กก. ทำให้แรงม้าต่อน้ำหนักดีสุด ตอบสนองได้การเปิดคันเร่งได้ดีกว่า ถังน้ำมันจุ 20 ลิตร น้อยกว่าแอฟริกา ทวิน แต่มากกว่า 850 GS
ระบบอิเลคทรอนิคส์ของรุ่นนี้ใช้ BOSCH มีโหมดขี่ให้เลือก 3 แบบ ที่ใหม่เข้ามาคือ แรลลี่ โหมด และฟังก์ชันสำคัญมากสำหรับสายขี่่ทางไกลคือ คอร์เนอร์ริ่ง เอบีเอส แต่ถ้าเป็นออฟโร้ดเอบีเอสทำงานเฉพาะที่ล้อหน้า ล้อหลังปล่อยเบรกล็อค ภาพรวมด้านระบบช่วยเหลือ และความทันสมัยต่างๆ อาจเป็นรอง 2 รุ่นที่กล่าวมาอยู่ แต่ถ้าเน้นสมรรถนะล้วนๆ นี่นับว่าโดดเด่น
ช่วงล่างด้านหน้าโช้กอัพ WP แบบ USD 43 มม. ด้านหลังเป็น WP เช่นกัน เบรกหน้าจานคู่ขนาด 320 มม. คาลิเปอร์ 4 พอต จานหลังเดี่ยวขนาด 260 มม. คาลิเปอร์ 2 พอต ยางหน้าขนาด 90/90-21" หลังขนาด 150/70-18"
เรือนไมล์หน้าจอ TFT ไม่ต่างจากรุ่นน้องอย่าง 390 แค่มีฟังก์ชันเพิ่มเข้ามา ยังดูง่ายและเลือกปรับผ่านชิฟต์คอนโทรลด้านซ้าย ศึกษาไม่นานก็คุ้น ไม่รู้ว่าเรือนไมล์รุ่นนี้ยังมีปัญหาเรื่องฝุ่นกับไอน้ำเข้าอยู่เหมือน 390 ยุคก่อนหน้านี้หรือไม่
การเดินทางและสมรรถนะ
ผู้เขียนรับรถวันแรกจาก บริษัท วรูม จำกัด ผู้นำเข้าและผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์แบรนด์ KTM ซอยลาดพร้าว 122 ตั้งใจขี่ทดสอบเต็มวัน ครั้งแรกที่ได้นั่งคร่อมตัวรถและขยับรถไปมาก็รู้สึกได้ถึงความเบาของตัวรถที่เกินคาดในคลาส 800 ซีซี อีกทั้งตำแหน่งเบาะนั่งยังสูงไม่มากเข้าใจว่าน่าจะปรับเป็น 830 มม. เพราะจากที่ผู้เขียนสูง 171 ซม. บวกรองเท้าอีกราว 3 ซม. แตะพื้นได้ครึ่งเท้า ก็ช่วยให้มั่นใจตอนขี่ฝ่ารถติดในเมืองมากขึ้น ช่วงแรกจากถนนลาดพร้าวมาถึงถนนแจ้งวัฒนะ ที่ต้องเลาะเลี้ยวผ่านช่องระหว่างรถยนต์ที่โดนบีบจากการทำแนวรางรถไฟฟ้า นอกจากนี้พื้นผิวถนนที่เสียหายหลายจุดก็ต้องระวัง อย่างไรก็ตาม 790 Adventure คันนี้ทำได้ดีเกินคาด สมดุลของรถดีทำให้จังหวะการเร่งชะลอง่าย อีกทั้งแรงบิดที่มาไวแต่ก็ช่วยให้การทะยานไปยังพื้นที่ว่างเป็นไปได้ดั่งใจคิด ตอบสนองได้ทันที ระบบช่วงล่าง WP ของแบรนด์นี้ขึ้นชื่อว่ายอดเยี่ยมการลุยทางขรุขระบนถนนในเมือง (ออนโร้ดที่เป็นออฟโร้ด) ทำได้อย่างมั่นใจ ผู้เขียนใช้เวลาไม่นานก็คุ้นกับน้ำหนักคันเร่ง เกียร์ และเบรก จนขี่มาถึงถนนแจ้งวัฒนะก็แวะเติมน้ำมัน จริงๆ ตัวรถนับว่าไม่มีอะไรซับซ้อนมากมาย การใชังานทั่วไปง่าย โหมดการขี่ตั้งไว้แบบ Street และ ABS เป็น Road ตั้งใจวันแรกขี่ออนโร้ดทางไกล (ช่วงต้นเดือน ก.ค. 2564) เพื่อสัมผัสการเป็นแอดเวนเจอร์ไบค์ที่เน้นทางดำ
ผู้เขียนเดินทางจากแจ้งวัฒนะสู่เขตจังหวัดนนทบุรีแวะบันทึกภาพตามเส้นทางแบบคนเดียว ไม่มีช่างภาพติดตาม จากนนทบุรีมุ่งสู่อำเภอลาดบัวหลวง ต่อด้วย จังหวัดปทุมธานี จังหวัดอยุธยา ยิงยาวไปอำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี กลับมาผ่านอำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม ทั้งหมด 5 จังหวัดภายในครึ่งวัน ระยะทางเกือบ 250 กม. ไม่เยอะมากเพราะเป็นแนวจังหวัดที่คาบเกี่ยวกันหมด ความเร็วเดินทางก็ 80-120 กม/ชม. ค่าน้ำมันเฉลี่ยบนหน้าจอบอกไว้ 4.1 ลิตร/100กม. ความรู้สึกคือ ขี่ได้ยาวๆ ไม่เมื่อย เป็นรถที่ขี่แล้วไม่เครียด ออกทริปคนเดียวก็สะดวก เพราะน้ำหนักเบา ไม่ต้องกังวลเรื่องจุดจอดหรือการควบคุมเหมือนรถหนักระดับ 200 กก. ขึ้นไป ถ้าใครถอยรุ่นนี้นำไปติดตั้งแร็คและถังหลังหรือข้างเพิ่มก็พร้อมเป็นรถท่องเที่ยวได้ทันที สำหรับการขี่ทางไกลนอกจากความสบายแล้ว ยังได้ลองอัตราเร่ง แซง ซึ่งให้ความประทับใจไม่น้อยด้วยแรงบิดที่ยอดเยี่ยมนี่คือ บิ๊กไบค์แอดเวนเจอร์ ที่ไว้ใจได้ในการเดินทางจริงๆ รวมทั้งการใช้เบรกชะลอจากความเร็วสูงก็ให้ความรู้สึกตอบกลับที่ดี จบวันผู้เขียนก็ล้าก็เพราะผจญอากาศร้อนสะสมตลอดบ่ายมากกว่าการขี่
ในวันถัดมาได้โอกาสลองเส้นทางออฟโร้ดที่เป็นพื้นดินสลับโคลนและหญ้า ซึ่งยางที่ติดรถมาให้อาจไม่เหมาะกับพื้นผิวแบบนี้มากนัก แต่เพื่อจับอาการของตัวรถและได้ลองโหมด Offroad รวมทั้งเบรกด้วย ก็แทบไม่เห็นผลอะไรมากนักเพราะเป็นช่วงสั้นๆ แต่ข้อดีที่สัมผัสได้ตอนลุยอุปสรรคคือ แรงบิดที่ดีของรถและน้ำหนักที่เบา โดยรวมแล้วประทับใจในสมรรถนะของ 790 adventure ที่ขี่มาทั้งหมด 331 กม. 2 วัน คิดว่าในงบประมาณไม่เกิน 5 แสนบาทแลกกับบิ๊กไบค์แอดเวนเจอร์ขนาดกลางรุ่นนี้ก็นับว่าน่าจะให้ความคุ้มค่าและโดนใจในแง่การใช้งานจริง เพราะสามารถใช้ในชีวิตประจำวันแบบเช้าไปเย็นกลับได้ (ไม่ใช่วิ่งในเมืองตลอดวัน) และไว้ขี่เที่ยวช่วงสุดสัปดาห์จะบินเดี่ยวหรือทริปกลุ่มก็ไม่มีปัญหา แต่ข้อเดียวที่ต้องชั่งใจคือ เคทีเอ็ม มักเป็นรถที่เลือกคนใช้มากกว่าใครก็ได้
บทสรุปและความคุ้มค่า
เคทีเอ็ม 790 Adventure รุ่นสแตนดาร์ดที่นำมาทดสอบคันนี้ขี่สนุกทั้งทางดำและทางฝุ่นแบบฮาร์ดแพค ท่านั่งสบาย สมรรถนะดีด้วยแรงบิดที่มาไวและหนักหน่วงแต่คุมง่าย ขี่ท่องเที่ยวได้ทั้งวัน ตัวรถมีน้ำหนักเบาทำให้ไม่เป็นภาระ หน้าจอเหมือนรุ่น 390 ด้วยราคา 529,8000 บาท
(ราคา ณ วันที่ 17 พ.ค. 2565)
ซึ่งราคากลุ่มนี้มีตัวเลือกสำหรับบิ๊กไบค์ดีๆ หลากหลายแบรนด์และรุ่นมาก แต่ถ้าชอบกลุ่มแอดเวนเจอร์ ขี่ท่องเที่ยวทางไกล ไปได้ทั้งถนนดำและฝุ่นก็จะมีไม่กี่ตัวเลือก
790 adventure คือ รุ่นเด่นที่ตอบโจทย์ไบค์เกอร์สายเดินทางได้ครบ ทั้งถนนและออฟโร้ด โดยเฉพาะการใช้ล้อหน้า 21 หลัง 18 มั่นใจกับชื่อชั้น เคทีเอ็ม ที่ช่ำชองในการผลิตรถสายแอดเวนเจอร์ ส่วนการเซอร์วิสในไทยตอนนี้ก็มีศูนย์ บริการแบบครบวงจรแล้ว แต่ถ้าใครที่เน้นลุยฮาร์ดคอร์ เข้าทางวิบากเยอะหน่อย ก็บวกอีก 4 หมื่นบาทถอยรุ่น
790 Adventure R ที่ต่างกันตรงช่วงล่างทั้งหน้า-หลัง ตลอดจนระยะเคลียร์แลนซ์ใต้พื้นที่สูงกว่าไว้ขี่ข้ามอุปสรรคได้ง่ายขึ้น การเลือกรุ่นที่เหมาะก็ต้องหาข้อสรุปให้ตัวเองว่าน้ำหนักการขี่ ถ้าแบ่งเปอร์เซนต์ไปทางดำและฝุ่นแบ่งสัดส่วนประมาณเท่าไหร่
สำหรับใครที่สนใจอยากได้ KTM 790 Adventure ตอนนี้ KTM เขาก็มีโปรโมชันสุดพิเศษ KTM Ready to Care ฟรี! ประกันภัยชั้น 1 Warranty 2 ปี หรือ 30,000 กม. ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึง 30 มิถุนายน 2566 ที่โชว์รูม KTM ทั่วประเทศไทย