รีวิว BMW F900R ตัวเต็ม เจ้าโรดสเตอร์แห่งคลาส
บีเอ็มดับเบิลยู F900 R เปิดตัวครั้งแรกพร้อม
900 XR ในงาน
EICMA 2019 เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีนั้น นับเวลาเกือบ 2 ปี สำหรับโรดสเตอร์ที่มาพลิกโฉมตลาดรถคลาสต่ำกว่าพันซีซีให้กับบีเอ็มดับเบิลยู ด้วยรูปลักษณ์ที่ อืม ... ที่ดูเรียบหรูดูพรีเมียม แต่เรียบไปหน่อยสำหรับผู้เขียนจำได้ว่าปีนั้น ดูคาติ StreetFighter V4S ในงานเด่นมากๆ ซึ่งเราก็ได้มีโอกาสขี่ทดสอบในสนามกันไปแล้วเมื่อปีที่แล้ว แต่สำหรับ F900 R รุ่นใหม่ ผู้เขียนเพิ่งมีโอกาสได้ขี่เป็นครั้งแรกก็ในรีวิวนี้ หลังจากเห็นตัวจริงที่มิลานมาก่อนเกือบ 2 ปี ... แม้เราอยู่ในช่วงที่ไปไหนได้อยากลำบากเพราะโควิด-19 ระบาดไปทั่วโลก กระทบทุกวงการและสังคมความเป็นอยู่ แต่มอเตอร์ไซค์ยังเป็นพาหนะที่จำเป็นทั้งการใช้งานและเดินทางที่ปลอดภัยสำหรับการรักษาระยะห่างและป้องกันตัวเองจากเชื้อไวรัสได้ดี บิ๊กไบค์แนวโรดสเตอร์ก็เป็นกลุ่มที่ได้รับความนิยมต่อเนื่องด้วยท่านั่งที่สบายและขี่ง่าย ตอบโจทย์สำหรับคนที่ชื่นชอบการขี่ทั้งในเมืองและไว้ขี่เที่ยวในช่วงวันหยุด สำหรับความเป็นที่สุดก็ต้องยกให้คลาส 900 ซีซี ที่ให้พลังความแรงเกือบ 100 แรงม้า สำหรับ
บีเอ็มดับเบิลยู F900 R ที่มีความแรง 99 แรงม้า จะเข้าทางคนที่มองหาบิ๊กไบค์โรดสเตอร์คลาสนี้แค่ไหนเรามาหาคำตอบกัน ทั้งในแง่การขี่ เทคโนโลยีที่โดดเด่นและราคา โดยทีมงาน
MotorBikeGuru /
Checkraka.com บีเอ็มดับเบิลยู F900R รุ่น High ขุมพลังเครื่องยนต์สองสูบแถวเรียง ขนาด 895 ซีซี เสียงการทำงานทรงพลังและเร้าใจยิ่งขึ้น
กำลังสูงสุด 99 แรงม้า ที่ 8,500 รอบต่อนาที และแรงบิด 88 นิวตันเมตรที่ 6,750 รอบต่อนาที เฟรมแบบ บริดจ์-ไทป์ ระบบกันสะเทือนหน้าเป็นโช้คแบบอัพไซด์ดาวน์ขนาด 43 มม. หลังเป็นโช้กเดี่ยวปรับพรีโหลดและรีบาวด์ได้ ระบบเบรกด้านหน้าจานคู่ขนาด 320 มม. หลังเดี่ยวขนาด 265 มม. ระบบเบรกเอบีเอสของบีเอ็มฯ ความจุถังน้ำมัน 13 ลิตร น้ำหนักตัวรถรวมอุปกรณ์เคลมไว้ที่ 219 กก. อุปกรณ์มาตรฐานหลักๆ เช่น จอแสดงผล TFT พร้อมระบบเชื่อมต่อบีเอ็มดับเบิลยู และมีฟังก์ชันมากมาย, ASC, riding modes "Rain กับ Road" ส่วนรุ่น High ที่นำมาขี่ทดสอบนั้นก็มีไฮไลท์ ไฟหน้า LED แบบ adaptive ที่เลี้ยวไปตามโค้ง ได้โหมดขี่ Pro เพิ่ม
ที่สำคัญคือ ไดนามิค ESA (ระบบช่วงล่างไฟฟ้าเลือกปรับได้) เลือกให้เหมาะกับโหลดทั้งผู้ซ้อนและสัมภาระ และระบบคีย์เลสที่ให้ความสะดวกสุดๆ
บีเอ็มดับเบิลยู F900R รุ่น High ผู้เขียนรับรถกันที่โชว์รูมพระราม 3 ทันทีที่รถพร้อมก็ดูความเรียบร้อยแล้วขี่ออกไปสัมผัสสมรถนะกันเลย จริงๆ ระบบหน้าจอและสวิทช์ควบคุมต่างๆ บนแฮนด์บาร์ นับเป็นความคุ้นเคยจากที่ได้ขี่ในหลายๆ รุ่นใหม่ก่อนหน้านี้ แทบไม่ต้องปรับตัวอะไรมาก นอกจากเซ็ต Riding Mode แบบ Road และไดนามิค ESA เป็นแบบผู้ขี่คนเดียว
บีเอ็มดับเบิลยู F900 R เปิดตัวครั้งแรกพร้อม
900 XR ในงาน
EICMA 2019 เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีนั้น นับเวลาเกือบ 2 ปี สำหรับโรดสเตอร์ที่มาพลิกโฉมตลาดรถคลาสต่ำกว่าพันซีซีให้กับบีเอ็มดับเบิลยู ด้วยรูปลักษณ์ที่ อืม ... ที่ดูเรียบหรูดูพรีเมียม แต่เรียบไปหน่อยสำหรับผู้เขียนจำได้ว่าปีนั้น ดูคาติ StreetFighter V4S ในงานเด่นมากๆ ซึ่งเราก็ได้มีโอกาสขี่ทดสอบในสนามกันไปแล้วเมื่อปีที่แล้ว แต่สำหรับ F900 R รุ่นใหม่ ผู้เขียนเพิ่งมีโอกาสได้ขี่เป็นครั้งแรกก็ในรีวิวนี้ หลังจากเห็นตัวจริงที่มิลานมาก่อนเกือบ 2 ปี ... แม้เราอยู่ในช่วงที่ไปไหนได้อยากลำบากเพราะโควิด-19 ระบาดไปทั่วโลก กระทบทุกวงการและสังคมความเป็นอยู่ แต่มอเตอร์ไซค์ยังเป็นพาหนะที่จำเป็นทั้งการใช้งานและเดินทางที่ปลอดภัยสำหรับการรักษาระยะห่างและป้องกันตัวเองจากเชื้อไวรัสได้ดี
บิ๊กไบค์แนวโรดสเตอร์ก็เป็นกลุ่มที่ได้รับความนิยมต่อเนื่องด้วยท่านั่งที่สบายและขี่ง่าย ตอบโจทย์สำหรับคนที่ชื่นชอบการขี่ทั้งในเมืองและไว้ขี่เที่ยวในช่วงวันหยุด สำหรับความเป็นที่สุดก็ต้องยกให้คลาส 900 ซีซี ที่ให้พลังความแรงเกือบ 100 แรงม้า สำหรับ
บีเอ็มดับเบิลยู F900 R ที่มีความแรง 99 แรงม้า จะเข้าทางคนที่มองหาบิ๊กไบค์โรดสเตอร์คลาสนี้แค่ไหนเรามาหาคำตอบกัน ทั้งในแง่การขี่ เทคโนโลยีที่โดดเด่นและราคา
หลังจากขี่ออกมาจากโชว์รูมพระราม 3 ก็ได้โอกาสลองขี่ในเมืองหาร้านกาแฟ (ช่วงที่ยังไม่ล็อคดาวน์) เก๋ๆ นั่ง ในระหว่างที่ขี่ในเมืองเน้นเบาชะลอหยุดและเร่งออกตัวบ่อยครั้งก็นับว่าประทับใจในความนุ่มนวลแต่แน่นหนึบขอบช่วงล่างที่เวลาผ่านพื้นผิวถนนกรุงเทพฯ ที่เต็มไปด้วยการขุดเจาะ แผ่นเหล็ก ฝาท่อสารพัดรูปแบบ ล้วนเป็นอุปสรรคที่เหมือนสนามเทรลจำลอง การเร่งทะยานแซงรถช้าและเปลี่ยนเลนพุ่งไปตามช่องว่างทำได้ตามมือที่เปิดคันเร่ง เสียงการทำงานของเครื่องยนต์และท่อไอเสียมีเอกลักษณ์และชวนให้อยากใช้รอบกลาง-สูงอยู่ตลอด ยิ่งถ้าได้ปรับหน้าจอเป็นโหมดสปอร์ตที่เน้นวัดรอบและมีการบอกองศาลีนรถทั้งซ้าย-ขวา ยิ่งสนุกแต่อีกมุมก็เหมือนชวนให้เราหาโค้งลีนให้ได้องศาเยอะสุดไปเรื่อยๆ อันนี้ไม่ปลอดภัยเท่าไหร่ ถ้าเป็นในแทร็คก็คงสนุกเต็มที่กว่านี้ สิ่งที่ประทับใจสุดๆ ในช่วงแรกที่ได้ขี่ก็คือ เบรก ! ระบบเบรกของ F900 R ให้ความรู้สึกตอบกลับที่ดีมากๆ หน่วงชะลอได้ตามน้ำหนักที่ให้ได้เที่ยงตรงและนุ่มนวล ฉุกเฉินก็อยู่แน่ๆ หรือเบรกเยอะในโค้งก็มีระบบช่วยเลืออย่าง ABS PRO แต่คงไม่มีใครตั้งใจลองใช้ถ้าไม่จำเป็นหรือเหตุการณ์บังคับ ส่วนจุดที่ไม่ชอบก็มี นั่นคือไอความร้อนจากหม้อน้ำ ถ้าไม่ใส่กางเกงการ์ดสำหรับขี่มอเตอร์ไซด์ที่มีความหนาหรือส่วนกันความร้อนผสมก็นับว่าเอาเรื่องอยู่ โดยเฉพาะเวลาจอดติดสัญญานไฟ
ผู้เขียนได้ขี่มาพักจิบกาแฟพร้อมกับให้ช่างภาพบันทึกภาพ ก็ได้พิจารณาตัวรถถึงดีไซน์ ส่วนตัวยอมรับว่าภาพจำของมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยูมักเป็น R1250GS หรือ S1000RR มากกว่า ยิ่งโรดสเตอร์นี่นึกไม่ออก สำหรับ F900 R ใหม่ จริงๆ ภาพรวมตัวรถก็รู้สึกเฉยๆ ยิ่งด้านข้างถ้าไม่เห็นโลโก้ใบพัดสีฟ้านี่ก็ไม่รู้เลยว่ารถแบรนด์ไหน ที่ชอบคือ ไฟหน้าโคมดำตัดด้วยลายเส้นของหลอด LED ดูดุดันพรีเมียมดี เวลาคร่อมขยับรถก็รู้สึกหนักอยู่กับ 219 กก.ของตัวรถ ดังนั้นเวลาจอดก็ต้องหาทำเลให้ดีถ้าขี่คนเดียวเข็นเอาหลังเข้าไว้ก่อน ในวันที่สองได้ขี่เข้าเมืองอีกครั้งเลือกพื้นที่รถหนาแน่น แต่ก็ไม่แน่นเหมือนตอนเหตุการณ์ปกติ ดูความคล่องตัว ได้แวะจอดหาของอร่อยแบบสตรีทฟู๊ดทาน และขี่ไปโซนรอบเกาะรัตนโกสินทร์ รถให้ความคล่องตัวดีแม้เป็นคลาส 900 ซีซี การเลาะเลี้ยวเข้า-ออก ตรอก ซอย วงเวียน ถนนแคบ ให้สมดุลดี คุมง่าย มีแค่รอบเกียร์ต่ำที่ต้องเลี้ยงคลัตช์ช่วยเป็นบางจังหวะ แต่การขี่ในเมืองที่ชะลอหยุด จอดบ่อยทำให้รู้ว่ารถที่หนักระดับ 200 กก. ขึ้นไป ทำให้ผู้ขี่เปลืองพลังในการไถขยับรถพอสมควร การปรับช่วงล่างไดนามิค ESA ทำได้ง่ายและรวดเร็ว รวมทั้งการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ส่วนตัวผู้เขียนชอบหน้าจอ TFT 6.5 นิ้วของบีเอ็มดับเบิลยูมาก เพราะดูง่ายชัดเจน ใช้งานคล่องมือด้วยคอนโทรลเลอร์ที่แฮนด์บาร์ ทั้งยังมีลูกเล่นให้ปรับเปลี่ยนได้ตามโหมด ในช่วงเย็นได้มีโอกาสขี่ออกมารอบนอกใช้ความเร็วกลาง-สูงได้มากขึ้น สลับขี่ในโหมด Road และ PRO ด้วยความเร็วที่ไม่เกิน 120 กม./ชม. หรือเกินบ้างในบางจังหวะ ก็รู้สึกเฉพาะด้านอัตราเร่งที่ตอบสนองได้ดีและต่อเนื่อง เสียดายที่ไม่มีโอกาสขี่ทางไกลด้วยข้อจำกัดในด้านการเดินทางและสถานการณ์ที่ยังมีความเสี่ยง แต่ถ้ามีโอกาสได้ไปขี่ทางไกลคิดว่า 900 XR ที่ใช้พื้นฐานเดียวกัน น่าจะตอบโจทย์ได้ดีกว่า อย่างไรก็ตามพอสรุปได้ว่า F900 R เป็นบิ๊กไบค์โรดสเตอร์ ระดับพรีเมียมที่ขี่สนุก มีพลังและแรงบิดเหลือเฟือ เครื่องยนต์ 2 สูบขนาด 895 ซีซี ยังให้เสียงที่เร้าใจ ชวนให้อยากขี่เสมอ และที่สำคัญที่เหนือกว่าแบรนด์อื่นในคลาสเดียวกันคือ เทคโนโลยีอันทันสมัย ซึ่งเป็นจุดชี้วัดถึงราคาที่แตกต่าง แค่กุญแจคีย์เลสนี่ก็ตอบโจทย์ไบค์เกอร์ทั้งหลายได้ดีมากๆ ไม่ต้องมานั่งล้วง ควัก เสียบทุกครั้งที่จอดแล้วไปต่อ ... F900 R ไม่ได้ให้แค่ความสนุกในการขี่และพลังที่เร้าใจ แต่เต็มเปี่ยมด้วยเทคโนโลยีเฉพาะตัว
บีเอ็มดับเบิลยู F900R รุ่น High ที่นำมาทดสอบคันนี้ขี่สนุกและได้ความไฮเทคทุกอย่างครบครัน เช่น โหมดการขี่ที่หลากหลายขึ้น ครูซคอนโทรลสำหรับขี่ทางไกล และไดนามิค ESA ไว้รองรับโหลดที่แตกต่างกัน ดังนั้นการจ่ายเพิ่ม 3 หมื่นบาทจากตัวเริ่มต้น แล้วได้เทคโนโลยีหลายอย่างเพิ่ม มองผ่านค่าเช่าซื้อรายเดือนแล้วอย่างไรก็ดีกว่า เว้นแต่ใครไม่ชอบระบบเหล่านี้แต่ยังอยากขี่บีเอ็มดับเบิลยู ? อย่างไรก็ตามด้วยเพดานราคาระดับครึ่งล้านกับโรดสเตอร์บิ๊กไบค์พรีเมียม เทียบกับรุ่นที่ใกล้เคียงกันอย่าง Z900 (443,100) และ MT-09 (399,000) และมีส่วนลดเงินสดอีก 5 หมื่นบาท แน่นอนว่ามีความต่างกันในแต่ละแบรนด์ เอาความคุ้มค่าก็ต้อง MT-09 หรือกลางๆ สวย สด ก็ Z900 แต่ใครที่ชอบรถยุโรปอย่าง BMW และเน้นเทคโนโลยีอันสมัย ก็แนะนำ
F900R รุ่น High แม้แพงกว่า แต่มีเหตุผลที่เหมาะสมรองรับ การเลือกรุ่นที่ชอบ ราคาไหน ถ้าได้มาแล้วก็มีความสุขเสมอ บิ๊กไบค์เป็นเรื่องของแพสชั่นส่วนใหญ่ ราคาที่ต่างกันมักไม่ใช่ประเด็นสำคัญเกินกว่าความชอบ