รู้จัก ALL NEW Honda CBR1000RR-R Fireblade ตัวแรงล่าสุด คู่ใจคันใหม่ของสายซิ่งแทร็คเดย์
ALL NEW Honda CBR1000RR-R Fireblade คือ ซูเปอร์สปอร์ตไบค์ใหม่ล่าสุดจากฮอนด้า นับเป็นที่สุดของคลาสสายเรซซิ่งระดับโลก ที่ได้รับ
การถ่ายทอด ดีเอ็นเอ จากตัวแข่งโมโตจีพี RC213V เพื่อความสมบูรณ์แบบในทุกๆ ด้านของการขี่อันเร้าใจทั้งบนถนนและสนามแข่ง ด้วยรหัสที่ตอกย้ำความเป็นที่สุดในตระกูล CBR กับ ล่าสุดนำเข้ามาเปิดตัว พร้อมจำหน่ายในไทยกับราคาเริ่มต้นต่ำกว่าล้านบาท
จากตัวจริงที่เผยโฉมครั้งแรกในงาน Eicma 2019 ประเทศอิตาลี ล่าสุดสู่การเปิดตัวในประเทศไทยเมื่อ 25 พฤศจิกายน 2563 ที่ผ่านมา และเชิญสื่อมวลชนร่วมทดสอบสมรรถนะในวันที่ 27 ณ ช้าง อินเตอร์ เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อสัมผัสถึงความแตกต่างและก้าวล้ำทางเทคโนโลยีที่รุดหน้าแตกต่างไปจากรุ่น CBR1000RR และการเป็นตัวแรงสำหรับสายแทร็คเดย์ตอบรับกับคำนิยามใหม่ Made in the race
ความโดดเด่นและรายละเอียดที่น่าสนใจของ Honda CBR1000RR-R Fireblade เริ่มจากแฟริ่งดีไซน์ใหม่ มีค่าสัมประสิทธิแรงเสียดทาน CD (Coefficient of Drag ) ที่ 0.270 ช่วยให้รถมีความมั่นคงทั้งในช่วงความเร็วสูงและขณะเข้าโค้ง แฟริ่งล่างติดตั้งให้ใกล้กับล้อหลัง เพื่อช่วยลดแรงปะทะของอากาศที่ล้อหลัง ถ้าขี่ตอนแทร็คหรือถนนเปียก จะลดแรงปะทะจากน้ำที่ล้อหลังด้วย ช่วยให้อุณหภูมิยางคงที่และยึดเกาะได้ดีอย่างต่อเนื่อง ส่วนบังโคลนหน้าออกแบบให้อากาศไหลจากล้อหน้าไปสู่แฟริ่งข้างไหลลื่น เพิ่มการควบคุมรถดีขึ้น
จุดปรับใหม่ที่สายซิ่งแทร็คหลายคนน่าจะชอบก็คือ ถังน้ำมันด้านบนใกล้ตำแหน่งหมอบ ออกแบบให้เว้าต่ำลง 45 มม. ช่วยลดแรงปะทะจากลมขณะขี่หมอบ ด้านบังลมหน้าปรับองศาจาก 45° เป็น 35° ช่วยลดแรงปะทะจากลมโดยรวม และ Air Duct ขนาดใหญ่ก็ช่วยลดการส่ายของตัวรถ เพื่อการควบคุมที่ดียิ่งขึ้น
จุดเด่นภายนอกจริงๆ ของ ALL NEW Honda CBR1000RR-R Fireblade ที่เห็นชัดก็คือ วิงก์เลตใหม่แบบ 3 ชั้น แน่นอนว่าเป็นการนำเอาเทคโนโลยีจากโมโตจีพี เพื่อมาเพิ่มประสิทธิภาพของแรงกด ลดอาการยกตัวขณะเร่งออกตัวเฉียบพลัน และเพิ่มแรงยึดเกาะให้มีเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง และตอนทางตรงที่ใช้ความเร็วสูง
นอกจากดีไซน์ภายนอกอันโดดเด่นและส่งผลด้านสมรรถนะการขี่แล้ว ยังมีกลุ่มอุปกรณ์ติดตั้งที่น่าสนใจ เช่น หน้าจอแสดงผล TFT ขนาด 5 นิ้ว แสดงข้อมูลและค่าต่างๆ ได้ชัดเจนทั้งขณะขี่และปรับตั้ง, ไฟหน้าคู่ LED มองเห็นชัดเจนจากกระจกมองข้างทั้งบนถนนและในแทร็ค, ไฟท้าย และ Winker LED พร้อมระบบปิดไฟเลี้ยวอัตโนมัติ ช่วยลดการเสียสมาธิและลืมปิดเวลาขี่บนถนน, ระบบกุญแจอัจฉริยะ สตาร์ท-สต็อปเครื่องยนต์เพียงกดปุ่ม โดยไม่ต้องบิดกุญแจ, ESS ระบบแจ้งเตือนอัตโนมัติเมื่อพบว่ามีการเบรกกระทันหัน จะกระพริบรัวผ่านไฟเลี้ยว-หลัง และควิกชิฟต์ ทั้งอัพและดาวน์ ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์รวดเร็วและต่อเนื่อง ทั้งยังปรับแรงกดได้ 3 ระดับ แต่ชิ้นนี้ติดตั้งให้เฉพาะในรุ่น SP
กลุ่มเทคโนโลยีที่ติดตั้งใน ALL NEW Honda CBR1000RR-R Fireblade มีทั้งอัปเดตและเพิ่มเติมใหม่เริ่มจาก
- TBW - ระบบ Throttle by Wire เทคโนโลยีคันเร่งไฟฟ้ารุ่นใหม่ ให้การเปิดคันเร่งนุ่มนวลขึ้น
- NEW HSTC - ระบบควบคุมแรงบิดใหม่ ตรวจจับความเร็วของล้อหน้าและหลัง เทคโนโลยีระดับรถแข่ง RC213V
- IMU - ระบบ 6-Axis IMU รุ่นใหม่ของ Bosch ช่วยควบคุมความสมดุลของตัวรถเวลาเข้าโค้ง พร้อมตรวจจับอาการรถอย่างแม่นยำ
- HESD (Honda Electronics Steering Damper) - ระบบกันสะบัดไฟฟ้า ทำงานร่วมกับ IMU เพื่อการควบคุมตัวรถที่ดียิ่งขึ้น ปรับได้ 3 ระดับ รองรับการขี่ได้หลากหลายสถานการณ์โดยเฉพาะบนถนนที่มักเจอเหตุการณ์ไม่คาดคิด
- ABS - ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ควบคุมการทำงานของล้อหลังโดยเฉพาะ เลือกปรับได้ 2 แบบ สำหรับขี่บนถนนทั่วไปหรือในสนามแข่ง
- RIDING MODE - โหมดการขี่ แบ่งเป็น “Start Control Mode” ใหม่! สำหรับใช้ในการออกตัวในสนามแข่ง คอยควบคุมรอบเครื่องให้คงที่ แม้ว่าบิดคันเร่งเต็มแรง ช่วยให้ผู้ขี่มีสมาธิในการควบคุมคลัชเต็มที่ และ Riding mode 3 รูปแบบ นอกจากนี้ยังสามารถแยกปรับฟังก์ชันการทำงานของ Power Selector (P), HSTC (T), Engine Brake( EB), Wheelie Control (W) เพื่อรองรับการขี่ได้ตรงความต้องการมากยิ่งขึ้นด้วย พิเศษ! สำหรับรุ่น CBR1000RR-R SP เพิ่มฟังก์ชัน ระบบควบคุมรถด้วยโช้กไฟฟ้า (S)
กลุ่มสมรรถนะเริ่มจาก ขุมพลังขนาด 1,000 ซีซี 4 สูบเรียง ที่พัฒนาใหม่ทั้งระบบ ด้านไอดีออกแบบใหม่เพิ่มประสิทธิภาพการส่งไอดี ส่วนพาร์ตภายในเครื่องยนต์อย่าง ลูกสูบอลูมิเนียม ก้านสูบไทเทเนี่ยม และข้อเหวี่ยงใช้เทคโนโลยีเดียวกับ RC213V-S นอกจากนี้ระบบระบายความร้อนก็ใหม่เป็นแบบ Built-in bottom bypass cooling รวมทั้งระบบหล่อลื่น ระบบไอเสียปรับใหม่หมด ท่อไอเสียเป็นไทเทเนียมน้ำหนักเบา ซึ่งพัฒนาร่วมกับทาง AKRAPOVIC ทั้งหมดช่วยให้เครื่องยนต์มีสมรรถนะเพิ่มขึ้นอีก 25% เทียบกับ Honda CBR1000RR รุ่นปัจจุบัน เมื่อผสานกับเฟรมแบบ Diamond พร้อมสวิงอาร์มอลูมิเนียมแบบเดียวกับ RC213V-S น้ำหนักเบาแข็งแรง และปรับท่านั่งและที่พักเท้าใหม่ ก็ยิ่งช่วยเพิ่มศักยภาพในการขี่ได้ดีสุดๆ
ด้านความแตกต่างระหว่างรุ่น ALL NEW Honda CBR1000RR-R Fireblade สแตนดาร์ด สีดำด้าน ราคา 999,000 บาท กับ SP สีแดงกรังด์ปรีซ์ 1,119,000 บาท นอกจากสีเฉพาะรุ่น และราคาที่ต่างกันอยู่ 120,000 บาท ก็มีระบบเบรกกับระบบกันสะเทือน ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
ระบบเบรก ด้านหน้า ติดตั้งจานเบรกหน้าขนาด 330 มม. คาลิปเปอร์ Nissin 4 Pot ด้านหลัง จานเบรกขนาด 220 มม. คาลิเปอร์ BREMBO 2 Pot วางตรงข้ามกัน แบบเดียวกับ RC213V-S ช่วงล่างใช้แบรนด์ SHOWA โดยโช้กอัพหน้าเป็นรุ่น BPF หลังเป็นรุ่น BFRC-lite
ระบบเบรก ด้านหน้า ติดตั้งจานเบรกขนาด 330 มม. คาลิปเปอร์ Brembo ถอดแบบจาก RC213V-S ด้านหลัง จานเบรกขนาด 220 มม. คาลิเปอร์ BREMBO 2 Pot วางตรงข้ามกัน แบบเดียวกับ RC213V-S ช่วงล่างใช้แบรนด์ OHLINS โช้กอัพหน้าเป็นรุ่น NPX หลังเป็นรุ่น TTX36 ของ OHLINS พร้อม OHLINS Smart EC system generation 2 ที่ผู้ขับขี่สามารถปรับตั้งค่าระบบกันสะเทือนผ่านแผงหน้าจอข้อมูลรถ
การเลือกเป็นเจ้าของ
ALL NEW Honda CBR1000RR-R Fireblade สักคัน
เพื่อเป็นรถสุดเลิฟ คู่ใจสำหรับซิ่งแทร็คเดย์หรือขี่สนุกบนถนน งบประมาณระดับหนึ่งล้านบาทบวกลบ คงไม่ใช่ข้อกังวลถ้าคิดจะจบกับความเป็นที่สุดของสายซูเปอร์สปอร์ต ด้วยความสดใหม่ รูปลักษณ์ เทคโนโลยี และกิจกรรมรองรับมากมายจากทาง ฮอนด้า บิ๊กไบค์ เอาเป็นว่าซื้อก่อนขี่ก่อน ปีหน้า (2564) ก็เตรียมซิ่งแทร็คเดย์ฟรีทั้งปี ส่วนจะเลือกรุ่น สแตนดาร์ด หรือ SP ขึ้นอยู่กับว่าคุณอยากได้ฟีลแบบไหน เพราะหลักๆ ต่างกันที่ระบบเบรกกับกันสะเทือน ถ้าใครชอบการตกแต่งหรืออัปเกรดพาร์ตเอง ประกอบกับชอบสีดำก็คงต้องเลือกสแตนดาร์ด แต่ถ้าเอาสวย ครบ จบแบบไม่ต้องทำอะไรแล้ว (เว้นแต่เพิ่มแรงม้า) ก็ต้องเลือก SP