รีวิวทดลองขี่รถมอเตอร์ไซค์ BAJAJ ครบ 4 รุ่น ครั้งแรกในไทย กรุงเทพฯ-กาญจนบุรี สูบเดียวก็เที่ยวได้!!
วรูม เชิญสื่อมวลชนทดลองขี่
BAJAJ (บาจาจ) รถมอเตอร์ไซค์สัญชาติอินเดีย สัมผัสขุมพลังสูบเดียวก็เที่ยวได้ เส้นทางกรุงเทพฯ-กาญจนบุรี ในแบบ One Day Trips เริ่มด้วย
Pulsar NS160, Pulsar NS200, Pulsar RS200 และ
Dominar 400 ในแต่ละรุ่นมีจุดเด่นแตกต่างกันและวางกลุ่มผู้ซื้อที่ต่างออกไปค่อนข้างชัดเจน
การทดสอบครั้งนี้ได้สัมผัสครบทุกรุ่นในสภาพการจราจรและเส้นทางที่แตกต่างกันออกไป พอรับรู้ถึงสมรรถนะและการใช้งานได้แบบคร่าวๆ โดยแต่ละช่วงจะมีการสลับหมุนเวียนกับขี่จนครบทุกรุ่น
โดยเริ่มออกสตาร์ทจากโชว์รูมบาจาจลาดพร้าว 122 ผ่านเส้นทางในตัวเมือง นครปฐม - ราชบุรี - มุ่งหน้าสู่จังหวัดกาญจนบุรี สิ้นสุดการเดินทางที่เขื่อนศรีนครินทร์ แวะรับประทานอาหาร รวมระยะทางไปและกลับกว่า 400 กม.
น้องเล็กสุด
NS160 มาพร้อมเครื่องยนต์ DTSI 1 สูบ หัวฉีด ขนาด 160 ซีซี ระบบสองหัวเทียนระบายความร้อนด้วยอากาศ 15.4 แรงม้า 13.99 นิวตันเมตร 5 เกียร์ ดิสก์เบรกหน้าและหลัง เฟรมแบบ Perimeter ราคาจำหน่ายพิเศษช่วงแนะนำ 69,800 บาท
นับเป็นรุ่นที่เน้นการใช้งานแบบ อึด ทึก ทน ใช้เชิงพาณิชย์ก็ได้ ขี่รับเอกสารพัสดุก็ดี หรือเน้นขี่ในเมืองเป็นหลักยิ่งคล่องตัว อัตราเร่งออกตัวดีรอบจัด เน้นตีนต้นและกลาง ส่วนปลายนั้นจะไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงนัก Top speed ราวๆ 125 - 130 กม./ชม. และเมื่อขี่ไปนานๆ ระดับความสะสมมากขึ้นจะมีอากาศ "กำลังดร็อบลงเล็กน้อย" นับเป็นเรื่องปกติของการขับขี่รอบสูงๆ เป็นเวลานาน เพราะทริปนี้ต้องตามกลุ่มพี่ๆ เครื่องใหญ่กว่าในคาราวานให้ทัน รอบสูงสุดอยู่ที่ 9,500 รอบ/นาที
ส่วนช่วงล่างนั้นจะออกนุ่มๆ เหมาะกับการใช้งานในเมืองที่ต้องการความนุ่มนวลและเจอสภาพถนนพังๆ ได้ดี และเน้นการขับขี่ที่ความเร็วต่ำถึงกลางบ่อยๆ เพราะกำลังของเครื่องยนต์รุ่นนี้ดีในรอบต่ำถึงกลาง แต่ถ้าจะขับความเร็วที่สูงอาจจะย้วยเกินไปครับ
NS200 เครื่องยนต์ DTSI 1 สูบ ระบบหัวฉีด จุดระเบิดแบบ Triple Spark Plug ขนาด 199.5 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ 24.5 แรงม้า 18.6 นิวตันเมตร 6 เกียร์ ระบบดิกส์เบรกหน้าพร้อม ABS และดิกส์เบรกหลัง เฟรมแบบ Perimeter ราคาจำหน่ายพิเศษช่วงแนะนำ 79,800 บาท
เนคเก็ตคันนี้มีกำลังใช้งานตีนต้นและกลางกวางขึ้น ขี่สนุก โดยเฉพาะช่วงเกียร์ 1 - 4 จัดจ้านในย่าน 200 ซีซี. ขณะที่ปลายไหลได้ดีกว่าน้องเล็ก NS160 โดยถูกล็อคไว้ที่ราวๆ 148 กม./ชม. ซึ่งรอบสุงสุดอยู่ที่ประมาณ 9,500 รอบ/นาที
ช่วงล่างนับว่ามีความแข็งพอสมควร ขับผ่านถนนคอนกรีตจะมีอาการ "เด้ง" มากหน่อย แต่เมื่อใช้ความเร็วสูงๆ และเข้าโค้งมั่นใจกว่ารุ่น NS 160 มาก และอาจเน้นการนั่งซ้อนได้ดี โช๊คไม่ยุบตัวมากนัก ซึ่งรุ่นนี้เหมาะกับผู้ใช้งานในเมืองมากกว่าเดินทางไกล เพราะความเบาของฉอนด์และระยะช่วงตัวสั้นคล่องตัวกว่า มุดง่ายไม่ต้องระวังกระจกมองข้างจะโดนรถคันอื่น
RS200 เครื่องยนต์ DTSI 1 สูบ ระบบหัวฉีด จุดระเบิดแบบ Triple Spark Plug ขนาด 200 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ 24.5 แรงม้า 18.6 นิวตันเมตร 6 เกียร์ ระบบดิกส์เบรกหน้าพร้อม ABS และดิกส์เบรกหลัง เฟรมแบบ Perimeter ราคาจำหน่ายพิเศษช่วงแนะนำ 89,800 บาท
รถแนว sport แบบฟูลแฟริ่ง เครื่อง 200 ซีซีเท่ากับ NS200 อัตราเร่งกำลังพอกัน แต่ท่านั่งการขับขี่การบาลานซ์ ช่วงแฮนด์ที่ไม่ต่ำจนต้องก้มมากเกินไป และน้ำหนักถ่ายเทมาที่ลำตัวได้ดี ทำให้ไม่เจ็บฝามือเมื่อขับเวลานานๆ สมรรถนะใกล้เคียงกับ NS 200 แต่ได้ฟิวลิ่งสนุกกว่า โดยเฉพาะเมื่อความเร็วสูงและเล่นโค้งที่พลิ้วคล่องตัวกว่ารุ่น และน้ำหนักของแฮนด์ไม่เบาจนหน้าไวเกินไป โดยความเร็วล็อคไว้ที่ 145 กม./ชม.
ช่างล่างแทบจะเหมือนกันกับรุ่น
NS 200 ต่างที่เวลาเข้าโค้ง หรือท่านั่งขี่จะมอบลงต่ำ ทำให้ลดการปะทะของตัวได้ดีกว่า ขี่ทางไกลสบายและไม่เมื่อยล้า เหมาะกับคนที่เน้นการใช้งานในและนอกเมืองบ่อยๆ
Dominar 400 ราคา 115,000 บาท
มาถึงพระเอกของทริป
Dominar 400 เด่นด้วยไฟหน้าแบบ Full LED Headlamp เครื่องยนต์ DTSI ระบบหัวฉีด แบบ Dual Overhead Camshaft จุดระเบิดแบบ Triple Spark Plug ขนาด 373 ซีซี 39.4 แรงม้า 35 นิวตันเมตร ทำความเร็ว 0 ถึง 100 ก.ม. ในเวลา 7.1 วินาที เกียร์ 6 สปีด พร้อมด้วย Slipper Clutch โช๊คหน้า Upside Down ขนาด 43 มิลลิเมตร โช๊คหลังแบบ Mono Shock ระบบเบรกมาพร้อม ABS จาก Bosch แบบ Dual Channel ดิสก์เบรกคู่ขนาด 320 มิลลิเมตร ท่อไอเสียแบบคู่ สไตล์รถแข่ง เทคโนโลยีหน้าจอ LCD คู่ เฟรมแบบ Solid Stamp Perimeter Frame ราคาจำหน่ายพิเศษช่วงแนะนำ 115,000 บาท
นับเป็นรถที่ขับสนุก กำลังเครื่องอัตราเร่งดีเกินคาด แรงบิดดีในรอบต่ำขี่ง่าย สมกับเป็น 1 สูบ 3 หัวเทียน ท่านั่งขี่สบาย ขนาดกำลังเหมาะ และไม่หนักเกินไป ช่วงล่างนุ่มพอใช้ได้ มีบางจังหวะแข็งไปบ้าง ขับทางไกลสบายเจอคอสะพานไม่ถึงกับดีดจนตัวลอย และเข้าโค้งได้ดี ท่านั่งกำลังลงตัวระยะแฮนด์อยู่ในระดับพอดี ไม่ต้องยกหรือลดมือลงมากนัก ส่วนถังน้ำมันรูปทรงรับกับช่วงขาได้พอดีเช่นกัน ไม่ต้องกางคร่อมมาก และความสูงเบาะที่ยืนเต็มเท้า ทำให้ขยับรถเดินหน้าถอยหลังง่าย แต่ในเรื่องของระบบมีความเบรกแข็ง ต้องกดลึกและใช้น้ำหนักมากหน่อย แต่โดยรวมแล้วในคลาส 400 ซีซีกับค่าตัวแสนนิดๆ ช่างคุ้มเกินคุ้มจริงๆ
BAJAJ รถอินเดีย ขี่ดี นิ่งไว้ใจได้
BAJAJ นับเป็นค่ารถมอเตอร์ไซค์ใหม่ในไทยแต่เก่าแก่ในอินเดีย ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องสภาพภูมิประเทศที่สุดหิน มีอากาศใกล้เคียงไทยเราคือ ร้อนมาก จึงเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าอย่างเรื่องความ อึด-ถึก-ทน ไม่น่าต้องกังวัลนัก นอกจากนี้รถที่นำเข้ามาจำหน่ายก็มีจุดเด่นการใช้งานที่แตกต่างกันชัดเจน ตามความต้องการของผู้ซื้อ เหลือเพียงเรื่องเดียว "บริการ" หลังการขายและความมั่นใจให้กับลูกค้าว่า "บาจาจ" จะดำเนินธุรกิจต่อไปอีกยาวนานแค่ไหน และจะมีการพัฒนาด้านการผลิต ส่งเสริมการขายหรือกิจกรรมต่างๆ ที่ให้ลูกค้าได้ร่วมสนุกกันมากน้อยเพียงใด
สำหรับความคิดเห็นส่วนตัวมองว่า ตัวรถเองมีสมรรถนะที่เหมาะสมกับราคาโดยเฉพาะรุ่นน้องเล็ก NS 160 ค่าตัวที่ต่ำจนใกล้เคียงกับรถทรงโมเพดค่ายอื่นๆ ส่วนรุ่น
Dominar400 ก็กลับทำราคาต่ำจนเกินหน้าค่ายอื่นๆ ในพิกัดเดียวกัน
ใครชอบรุ่นไหน ใช้งานรูปแบบใดต้องไปทดลองขี่ได้ที่โชว์รูมบาจาจลาดพร้าว 122 ครับ