รีวิว ฮอนด้า แอฟริกาทวิน ใหม่ ในกิจกรรม X-Venture Travel and Share ตะลุยเมืองกาญฯ

เอ.พี. ฮอนด้า ประเดิมกิจกรรมแรกหลังปลดล็อคโควิด-19 ในส่วนของ ฮอนด้า บิ๊กไบค์ กับทริป X-VENTURE travel and share เพื่อตอบรับความต้องการของลูกค้ากลุ่มแอดเวนเจอร์ที่รอคอยกิจกรรมดีๆ กันมาตลอด และทริปนี้ยังคงเหนี่ยวแน่นมีสมาชิกให้ความสนใจและสมัครเข้ามาอย่างล้นหลาม นับเป็นการเดินทางลุยร่วมกันครั้งแรกของปีนี้ ส่วนผู้เขียนได้เป็นหนึ่งในสื่อมวลชนที่ร่วมเดินทางกับทริปนี้ ก็ได้โอกาสครั้งแรกกับการขี่ทดสอบ ฮอนด้า แอฟริกา ทวิน แอดเวนเจอร์ สปอร์ต เกียร์ดีซีที ใหม่ล่าสุด บนเส้นทางออน-ออฟโรดของจังหวัดกาญจนบุรี ในส่วนที่ไม่เคยขี่มาก่อน นับเป็นความท้าทายไม่น้อย

วันแรก จุดนัดพบนักเดินทางอยู่ที่ ฮอนด้า บิ๊กวิงก์ กาญจนบุรี กลุ่มผู้ใช้ฮอนด้า บิ๊กไบค์ มารวมตัวกันงานนี้หลากหลายรุ่นส่วนใหญ่เป็น ฮอนด้า แอฟริกา ทวิน กับ เอ็กซ์-เอดีวี ส่วนผมได้ขี่รุ่น ฮอนด้า แอฟริกา ทวิน แอดเวนเจอร์ สปอร์ต เกียร์ดีซีที ปี 2020 ที่เป็นเกียร์ดีซีที ช่วงเช้ารับฟังการบริฟเส้นทางของวันและเรียนรู้การใช้งานหน้าจอ TFT ทัชสกรีนใหม่ขนาด 6.5 นิ้ว ที่รองรับระบบ Apple car play และการเชื่อมต่อบลูทูธ แสดงข้อมูลการขี่ต่างๆ โดยเฉพาะการใช้โหมดต่างๆ ที่มีให้เลือก 6 รูปแบบ เมื่อถึงเวลาเดินทางราว 9.00 น ขบวนฮอนด้า บิ๊กไบค์ ทริป X-VENTURE travel and share ก็แทบไม่ได้วิ่งถนนดำ เพราะใช้เส้นรองกับเส้นทางชาวบ้านที่เป็นออฟโรดส่วนใหญ่ โดยจุดหมายแรกอยู่ที่ สภ.อ.แม่แฉลบ เพื่อมอบอุปกรณ์จำเป็นต่อการปฎิบัติหน้าที่ให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากนั้นขี่ไปข้ามแพขนานยนต์ เพื่อไปพักทานอาหารกลางวันก่อนเดินทางต่อไปยังเหมือง ดร.ผล กลีบบัว โดยจุดนี้ได้พักคอฟฟี่เบรก เซอร์วิสรถกันก่อนไปทัวร์ถ้ำในเหมือง และมีโอกาสขี่รอดถ้ำในบางจุดที่ไม่ยาวมากนัก นับเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ ที่มีให้กับลูกค้าฮอนด้า บิ๊กไบค์ นอกจากไม่เหงากับกิจกรรมที่มีให้ร่วมสนุกกันตลอดมา แล้วยังได้ผจญภัยกับเส้นทางธรรมชาติ และสถานที่ท่องเที่ยวแตกต่างไม่เหมือนใคร 

ช่วงเย็นก็ขี่ต่อไปจบวันแรกที่โรงแรมริเวอร์แคว รีโซเทล สำหรับผมที่ขี่ตลอดทั้งวันกับเส้นทางออนออฟโรดนั้น เน้นการทำความคุ้นชินกับตัวรถ ตลอดจนการปรับเปลี่ยนโหมดและค่าต่างๆ ให้เหมาะสม อย่างไรก็ตามการได้ขี่แอฟริกา ทวิน แอดเวนเจอร์ สปอร์ต ครั้งแรก ก็รู้สึกได้ถึงความง่ายของตัวรถที่เอื้อให้กับผู้ใช้งาน เบาะได้ปรับให้เตี้ยที่สุด ผู้เขียนสูง 171 ซม. ใส่บูธอัลไพน์สตาร์ เทค10 นั่งแล้วสามารถวางเท้าได้เกือบเต็ม ช่วยให้การขี่ลุยมั่นใจมากขึ้น การควบคุมทั้งตอนนั่งและยืนขี่รู้สึกง่ายเหมือนขี่รถเล็กด้วยซ้ำ เกียร์ดีซีทีใหม่ทำงานได้เนียน ราบรื่นมากขึ้น ระบบเบรกบนถนนดำและชะลอบนทางออฟโรด ให้ความรู้สึกตอบกลับที่ดี ให้น้ำหนักเบรกได้ง่าย หน่วงได้ดั่งใจ และเบรกฉุกเฉินแบบดีเยี่ยม (เกือบชนรถยนต์ที่เบรกกระทันหันด้านหน้า) อย่างไรก็ตามผมคิดว่าถ้าเปลี่ยนเป็นรุ่นชิลด์สั้นจะดีกว่านี้กับเส้นทางออฟโรด เพราะเวลายืนขี่ชิลด์สูงมักกระแทกกับคางหมวกกันน็อกในจังหวะที่ยุบยึดมากๆ โดยรวมการขี่วันแรกกับระยะทางกว่า 300 กม. ก็รู้สึกประทับใจกับสมรรถนะของ แอฟริกา ทวิน แอดเวนเจอร์ สปอร์ต ใหม่ มากๆ

วันที่สอง ขบวนฮอนด้าบิ๊กไบค์ ทยอยออกเดินทางจากโรงแรมริเวอร์แคว รีโซเทล กันตั้งแต่เช้า แต่เส้นทางขาออกจากโรงแรมเหมือนไปไม่ถึงถนนด้านหน้าทางเข้าก็โดนพาตัดเข้าเส้นทางออฟโรดที่โหดกว่าวันแรก ด้วยสภาพเส้นทางธรรมชาติที่แคบและเต็มไปด้วยหินหลากหลายขนาด การเลือกไลน์ และเดินคันเร่งให้แน่นอน เป็นเรื่องสำคัญ แต่สำหรับแอฟริกา ทวิน แอดเวนเจอร์ สปอร์ต ผมแค่ปรับโหมดเป็นออฟโรด และ HSTC หรือแทร็คชันคอนโทรลให้เหลือหนึ่ง ก็ใช้งานเกียร์ดีซีที เดินหน้าลุยได้แบบสบาย แรงบิดจากเครื่องยนต์ขนาด 1084 ซีซี ช่วยให้การดันผ่านอุปสรรคทำได้ง่ายขึ้น สภาพเส้นทางที่ไม่คิดว่าจะผ่านไปได้ก็สามารถยืนเลี้ยงคันเร่งไปได้เรื่อยๆ ยังน่าประหลาดใจ หน้าจอที่มองได้ชัดเจนและทัชสกรีนได้ช่วยให้การปรับระหว่างขี่หรือตอนหยุดพักสะดวกมากขึ้น จริงๆ แอฟริกา ทวิน แอดเวนเจอร์ สปอร์ต ที่ดูใหญ่ด้วยถังน้ำมันขนาด 24.8 ลิตร กลับให้การควบคุม ทรงตัว และยืนขี่ได้ง่ายเกิดคาด ทั้งสองวันที่ขี่ผสมผสานทั้งออนและออฟโรดกับระยะทางรวม 471 กม. น้ำมันถังเดียวที่เริ่มออกตัวจากฮอนด้า บิ๊กวิงก์ กาญจนบุรี จนเดินทางกลับมาจุดเริ่มต้นนั้นเพียงพออย่างน่าประทับใจด้วยอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยราว 21 กม./ลิตร

จบทริป X-VENTURE travel and share กิจกรรมดีๆ จากฮอนด้า บิ๊กไบค์ รายการแรกของปีที่จังหวัดกาญจนบุรี ผมได้เห็นความสุขของผู้ใช้ฮอนด้า บิ๊กไบค์ ที่ได้ปลดล็อคออกมาสัมผัสการเดินทาง ท้าทายกับเส้นทางธรรมชาติ และพบปะมิตรสหายกันอีกครั้งก็นับเป็นเรื่องน่ายินดี ในส่วนของผู้เขียนที่ได้สัมผัส ฮอนด้า แอฟริกา ทวิน แอดเวนเจอร์ สปอร์ต เกียร์ดีซีที เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เปิดตัวในไทยไปเมื่อช่วงต้นปี งานนี้ได้ขี่ครบทั้งออนและออฟโรด ซึ่งให้ความประทับใจมาก จนคิดว่านี่คือ สุดยอดแอดเวนเจอร์ที่ตอบโจทย์ไบค์เกอร์สายลุยบ้านเราได้อย่างครบถ้วนรอบด้าน ทั้งสมรรถนะ ราคา เซอร์วิส และกิจกรรมรองรับ ถ้าให้เลือกเป็นรถคู่ใจจริงๆ คงชี้ไปที่รุ่น CRF1100L AFRICA TWIN (MT) ราคา 559,000 บาท เกียร์ธรรมดา 6 สปีด ชิลด์หน้าสั้น ใช้ยางใน เน้นความคล่องตัวมากขึ้นบนเส้นทางออฟโรด