รีวิว ซูซูกิ เบิร์กแมน 400 สกู๊ตเตอร์บิ๊กไบค์ กะทัดรัด ขี่ง่าย คุณภาพเมดอินแจแปน
ซูซูกิ Burgman 400 ใหม่ พัฒนาขึ้นด้วยแนวคิด The Elegant Athlete รูปทรงดูสปอร์ตโฉบเฉี่ยว คล่องแคล่ว ขนาดมิติกำลังดี ด้านสมรรถนะกําลังของเครื่องยนต์ ระบบเบรก และระบบกันสะเทือนได้รับการยอมรับว่ายอดเยี่ยม ฟังก์ชันการใช้งานก็ครบครัน ถือเป็นสกู๊ตเตอร์ระดับพรีเมียมที่จะมาตอบโจทย์การใช้งานและท่องเที่ยวได้ดีอีกรุ่น ทีมงานมอเตอร์ไบค์กูรู โดยเช็คราคา.คอม นำมาทดสอบให้เห็นความชัดเจนมากยิ่งขึ้น
การขี่ทดสอบใช้เส้นทางสู่ชั้นนอกเมือง ซึ่งมีทั้งย่านชุมชุนและถนนเปิดโล่ง โดยเริ่มออกเดินทางจากแยกหลักสี่ใช้ถนนวิภาวดี มุ่งสู่ถนนรังสิตนครนายก เสมือนการใช้งานจริง ทำให้ได้ลองอัตราเร่งอย่างเต็มที่ จุดหมายอยู่ที่ร้านกาแฟ Once Farm ในอำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก ใช้ระยะทางวิ่งไปโดยรวมร้อยกว่ากม. นอกจากนี้อีกวันได้ขี่เข้าเมืองชั้นในที่การจราจรพลุกพล่านอย่างสาทร สีลม เพื่อหาความคล่องตัวในช่วงการจราจรหนาแน่นตามแยกสัญญานไฟ การออกตัว การชะลอเบาเบรกในหลายจังหวะที่ต้องหยุด รวม 2 วัน ได้ระยะทางรวมไปกว่า 200 กม.
โครงสร้างของซูซูกิ Burgman 400 ถูกออกแบบให้เน้นความเบา เพรียวบาง และกะทัดรัด เพื่อความคล่องตัวสูงขณะขี่ในสภาพการจราจรหนาแน่น ช่วยให้ควบคุมได้อย่างมีเสถียรภาพ ด้วยความสมดุลที่ดีเยี่ยม
ด้านระบบกุญแจนิรภัยแบบแม่เหล็กพร้อมระบบกุญแจ Suzuki Advanced Immobilizer System ไม่สามารถปลอมแปลงรหัสได้
ระบบกันสะเทือนหน้า Telescopic ทำงานร่วมกับระบบกันสะเทือนหลังแบบ Link-Type Monoshock ปรับค่า Spring Preload ได้ถึง 7 ระดับ ตอบสนองการทรงตัวและการขับขี่แบบสปอร์ต และรองรับการสั่นสะเทือนได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งบนถนนทางเรียบและทางขุรขระ
ชิลด์หน้าดีไซน์ตามหลักสรีรศาสตร์ สามารถป้องกันลม, แมลง และสิ่งแปลกปลอมมาปะทะร่างกาย ทำให้ทัศนวิสัยในขณะขี่ดียิ่งขึ้น และลดแรงลมหมุนวน เพิ่มความคล่องตัว
ระบบเบรกหยุดอย่างมั่นใจด้วยหน้าแบบ Twin Disc Brake ขนาด 260 มม. พร้อมหลังดิสก์เบรกขนาด 210 มม. เสริมการทำงานด้วยระบบ ABS (Antilock Brake System) ให้ความรู้สึกตอบกลับที่นุ่มนวลและมั่นใจ
เบาะนั่งแบบ Dual Seat เดินด้ายแบบ Double Stitching สีน้ำเงิน ให้ความสะดวกสบายแก่ผู้ขี่และผู้โดยสาร วัสดุที่ใช้มีความหนานุ่มเหมาะสมกับสรีระในการขี่ และสามารถปรับเบาะเลื่อนขี้นมาข้างหน้าได้ 2 ระดับ ที่ระยะ 15 มม. และ 30 มม.
หน้าปัดขนาดใหญ่แบบอนาล็อก เหลือบมองได้ชัดเจน ตรงกลางจอแอลซีดี แสดงข้อมูลการขี่พื้นฐาน เอกลักษณ์ของเบิร์กแมนคือ Rear Brake Lock System ไว้ช่วยจอดรถบนทางลาดชัน
เสมือนเบรกมือ แต่น้ำหนักรถยังเป็นปัญหา ไฟท้ายแอลอีดีเม็ดใหญ่รวมไฟเลี้ยวไว้ในโคมเดียวกันกลมกลืนไปกับรูปทรงท้ายรถ ที่เก็บของใต้เบาะดูเหมือนไม่ใหญ่ แต่จุสิ่งของได้มากถึง 42 ลิตร
ถ้าเป็นหมวกก็แบบเต็มใบกับโอเพ่นเฟซทรงมาตรฐานอีกใบ ช่องเก็บของอเนกประสงค์ซ้ายขวาใช้งานได้จริง ขวา 3.5 ลิตร ซ้าย 2.8 ลิตร และมีช่องจ่ายไฟสำรองให้ด้วย เบาะเปิดแล้วเด้งสิ่งที่คู่แข่งไม่มี เบาะแบบ DUAL SEAT งานดีใช้ได้ ตัดด้วยการเดินด้ายน้ำเงิน ที่พิงหลังตำแหน่งผู้ขี่ปรับเลื่อนระดับได้ ชุดสีแบบด้านยังคงเป็นที่นิยมของสกู๊ตเตอร์ ทีเด็ดของเบิร์กแมน 400 คือ ดิสก์เบรกหน้าคู่ที่หยุดได้อย่างนุ่มนวลและมั่นใจ แผงหน้าปัดขนาดใหญ่ เรียบง่าย ปุ่มกดเลือกไกลมือไปหน่อย ช่องจ่ายไฟสำรองสิ่งจำเป็นของไบค์เกอร์เช่นกัน ไฟหน้ามัลติรีเฟลกเตอร์ แต่ DRL เป็นแอลอีดี ให้การส่องสว่างที่ชัดเจนและปลอดภัยในเวลากลางวัน พลังของเครื่องยนต์ขนาด 399 ซีซี สูบเดียว ให้กำลังสูงสุด 31 แรงม้า ระบายความร้อนด้วยน้ำ พร้อมผสานการส่งกำลังเครื่องยนต์ผ่านระบบเกียร์แบบออโตเมติก CVT (Continuously Variable Transmission) ให้อัตราเร่งและกำลังใช้งานที่เพียงพอในทุกระดับความเร็ว การขี่ในเมืองที่ออกตัวสลับหยุดนิ่งบ่อยครั้ง การตอบสนองของคันเร่งทั้งตอนเปิดและปิดทำได้สมูธ ควบคุมง่าย เช่นเดียวกับระบบเบรกที่ย้ายความเร็วต่ำก็ทำงานได้ดี ในช่วงที่มีผู้โดยสารพร้อมสัมภาระเพิ่มน้ำหนักรวมให้กับตัวรถการเร่งออกตัวและชะลอหยุด การทำงานที่ผสานกับช่วงล่างยังให้การตอบสนองที่น่าพอใจ ไม่อืด ไม่ย้วย และเบรกอยู่มือ
ตัวรถที่ออกแบบได้เพรียวจนเหมือนขี่สกู๊ตเตอร์ขนาดเล็กในมุมมองของผมนั้น ในความคล่องตัวดีมาก ตำแหน่งเบาะที่สูงจากพื้นเพียง 755 มม. ผู้เขียนที่สูง 171 ซม. นั่งแล้ววางเท้าได้เต็มพื้น เพิ่มความมั่นใจการขี่ช่วงการจราจรช่วงหนาแน่นได้ดีมาก ตำแหน่งพื้นพักเท้าที่เว้าเข้ามาตามแนวคิด เพื่อให้วางขาแนบตัวรถได้มากขึ้น ไม่ต้องถ่างออก แต่เบาะที่ไม่สูงมากอยู่แล้ว ทำให้ไม่มีปัญหาในการวางเท้า กลายเป็นส่วนที่เว้าเข้ามา ทำให้พื้นที่วางเท้าจริงเหลือน้อยจนเหมือนล็อคไว้อยู่ในตำแหน่งเดียว ด้านหน้าปัดแสดงผลได้ชัดเจน แม้ดู tradition ไปหน่อยก็ตาม แต่ยังมีส่วนจอ LCD ที่แสดงข้อมูลการขี่เป็นดิจิตอล แต่ก็เหมือนแสดงค่าได้น้อยไปหน่อย และปุ่มกดเลือกที่วางไว้บนหน้าปัดก็ไกลมือ ปรับไม่ค่อยสะดวก แต่ตำแหน่งสรีระเมื่อนั่งคร่อมขี่แล้วให้ความสบาย ขี่นานได้โดยไม่เมื่อยล้าเหมือนบางรุ่นในตลาด อย่างไรก็ตามอาการสั่นสะท้านที่แฮนด์บาร์ค่อนข้างชัดเจนเกินไป ชิลด์บังลมด้านหน้านั้นทำงานได้ดีมากเมื่อขี่ทางไกลที่ต้องทำความเร็วปานกลาง-สูง ช่วยลดการปะทะลมและหมุนวนของลมได้ดี
การขี่ทางไกลนอกจากเพลิดเพลินไปกับขุมพลังที่ให้ความมั่นใจในการเร่งแซง กับการทรงตัวและสมดุลของตัวรถก็ดีเยี่ยมด้วย แม้ขี่บนถนนที่มีพื้นผิวมัน เป็นลอนคลื่น การทำความเร็วสูงสุดในการขี่ครั้งนี้ผู้เขียนบิดไปจนถึง 142 กม./ชม. ก็ลดความเร็วลงมา การเร่งช่วง 80-120 ที่สำคัญต่อการเร่งแซงเครื่องยนต์สามารถตอบสนองได้ดี เข็มความเร็วกวาดขึ้นได้อย่างไม่มีรีรอ นอกจากนี้ยังได้ลองขี่บนทางขรุขระ ด้วยความกังวลที่ตัวรถไม่มีระบบแทรคชัน คอนโทรล แต่หลังจากได้ลองวิ่งแล้ว การเปิดคันเร่งแบบฉับพลันทั้งในทางตรงและทางโค้ง พบว่าตัวรถไม่เสียอาการจนเกินควบคุมอย่างที่คาด ทั้งยังให้ความสนุกในการขี่ด้วยซ้ำ โดยรวม เบิร์กแมน 400 เป็นสกู๊ตเตอร์ที่ให้สมรรถนะดีรอบด้านแบบคันเดียวจบไม่ต้องอัปเกรดหรือโมดิฟายอะไรก็ขี่ได้อย่างมั่นใจ หลังจากจบการขี่ทดสอบผมมองว่ามีสองจุดที่เสมือนจุดสังเกตสำคัญคือ น้ำหนักตัว 215 กก. ที่หนักพอๆ กับยามาฮ่า TMAX560 และคุณภาพการประกอบเมดอินแจแปนที่ดูไม่ถึงมาตรฐานงานญี่ปุ่นเท่าไหร่
ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา
ซูซูกิ Burgman 400 ใหม่ เมมเบอร์สกู๊ตเตอร์คลาส 300-400 ซีซี อีกรุ่นยอดนิยมของตลาดที่กวาดยอดจองในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2019 ไปแบบท่วมท้นจนส่งมอบไม่ทัน ด้วยสเปคที่เหนือกว่า และงานผลิตจากญี่ปุ่น แม้ราคาแพงกว่าคู่แข่ง 3-4 หมื่นบาท แต่ก็ยังทำให้หลายคนจองได้โดยไม่ลังเล แม้ไม่เคยขี่มาก่อนด้วยซ้ำ ล่าสุดรถเริ่มทยอยส่งมอบได้เรื่อยๆ สำหรับผู้เขียนที่ได้สัมผัส เบิร์กแมน 400 มากว่า 800 กม. มองว่าเหมาะกับผู้ที่อยากได้สกู๊ตเตอร์ขนาด 300-400 ซีซี ไว้ใช้งานดีทั้งในเมืองและเดินทางไกล เบิร์กแมน 400 ตอบโจทย์ตรงนี้ได้เป็นอย่างดีแน่นอน ด้วยตัวรถที่ไม่เทอะทะ ให้ความคล่องตัวเกินคาด มีพลังในการขี่ทางไกลได้สบายๆ ไม่เหนื่อย สเปคและพาร์ตที่ให้มาก็แทบไม่ต้องปรับเปลี่ยนอะไรเพิ่ม ถ้าเป็นผูัเขียนก็แค่ติดกล่องหลังเพิ่มใส่สัมภาระอีกรายการเดียวอยู่ เบิร์กแมน 400 เป็นสกู๊ตเตอร์ที่เพียบพร้อมใช้งานดีเหนือกว่าคู่แข่งในตลาดถ้าเทียบกันแบบสแตนดาร์ด เช่นเดียวกับราคา