รีวิวลองขี่มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า นิว รุ่น "N1s" ขี่บนถนนจะไหวไหม?
"โปรดอยู่ในความเงียบค่ะ" เพราะครั้งนี้ทีมงานเช็คราคา.คอม จะพาทุกคนไปขี่สองล้อกันแบบไร้เสียงเครื่องยนต์ใดๆ เพราะนี่คือ "นิว" รุ่น N1s มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า 100% ที่ขี่บนถนนจริงและจดทะเบียนได้ และจะดีกว่าไหมถ้าเปลี่ยนจากเสียเงินเติมน้ำมันที่ขี่ได้ 3 วัน 100 บาท โดยประมาณ (รถเล็ก 125 ซีซี) มาชาร์จไฟแทนแค่ครั้งละ 8 บาท แบบไหนจะคุ้มค่าแก่การลงทุน
มาทำความรู้จัก NIU (นิว) N1s กันก่อนไหม?
หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าประเทศไทยได้มีการนำเข้ารถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า หรือมีการผลิตเพื่อจำหน่ายขี่ได้บนถนนจริง! แถมยังจดทะเบียนได้ในขนาดเดียวกับมอเตอร์ไซค์ทั่วไปขนาดเล็ก NIU (นิว) มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าล้วน 100% อีก 1 แบรนด์ทางเลือกให้กับผู้บริโภค ได้นำเข้ารถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่จะมาเติมเต็มความฝันของคนวัยทำงาน หรือคนที่ขี่มอเตอร์ไซค์ไม่เป็น แม้ราคาจำหน่ายอาจจะสูง (98,000 บาท) แต่คุณลองคำนวนค่าน้ำมันหากคุณเติมอาทิตย์นึง 3-4 ครั้ง/ 100 บาท แล้วเปลี่ยนมาเป็นการชาร์จไฟแทนแค่ครั้งละ 8 บาท (แต่ชาร์จทุกวัน) มันจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายให้กับเราได้มากขนาดไหน
นิว N1s คือ มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่จากแร่ลิเทียมไอออนเหมือนรถยนต์ ผลิตโดย Panasonic (ผู้เชี่ยวชาญเรื่องถ่านไฟฉายที่เรารู้จักกันดี) ออกแบบให้แบตมีน้ำหนักเพียง 10 กิโลกรัม ขนาด 60 ความจุ 1,740 Wh. (0-100% ชาร์จ 6 ชั่วโมง) ตัวแบตยกออกมาชาร์จนอกรถได้ หรือจะชาร์จผ่านตัวรถที่เสียบปลั๊กใต้เบาะก็ทำได้ทั้ง 2 แบบ โดยมีปลั๊กอะแดปเตอร์ หัวปลั๊กแบบโน๊ตบุ๊ค ที่สามารถเสียบชาร์จได้ทุกที่ 6 ชม./ 100% และการชาร์จเหมือนเราชาร์จมือถือ 1 เครื่อง ถ้าแบตเตอรี่ยังไม่หมด เราก็สามารถเสียบชาร์จได้เลยทันทีไม่ต้องรอ (โดยการชาร์จในแต่ละครั้งจะกินไฟอยู่ที่ประมาณ 8 บาท/ ครั้ง) บริษัทรับประกันแบตเตอรี่ 2 ปี ตัวรถให้ 1 ปี
ในกรณีจอดรถใกล้ๆ ปลั๊ก ก็เสียบชาร์จได้เลย
จะเปิดเอาแบตตรงที่พักเท้า ต้องเปิดใต้เบาะและไขกุญแจซะก่อน
แบตเตอรี่วางอยู่ที่พักเท้า สามารถยกออกมาชาร์จได้ น้ำหนักเบาๆ 10 กิโลกรัม
ตัวปลั๊กข้างๆ แบตดึงออก แล้วเสียบสายชาร์จอะแดปเตอร์เข้าไป และไปเสียบปลั๊กได้ตามปกติ
สายอะแดปเตอร์ชาร์จแบต เหมือนสายโน๊ตบุ๊คทั่วไป จะเสียบปลั๊กที่ไหนก็ได้
นิว N1s ใช้ระบบส่งกำลังโดยมอเตอร์จาก BOSCH ขนาด 2,400 W และมีกล่องควบคุมการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าร่วมกับคันเร่งแบบ Drive-By-Wire มีโหมดการขับขี่ให้เลือกบิด 3 โหมด (ไล่ตามกำลังเหมือนพัดลม) โดยปรับขึ้นลงที่ปลายแฮนด์ด้านขวา โดยแต่ละโหมดมีอัตราเร่งดังนี้
- Mode 1 อยู่ที่ 20 - 30 กม.
- Mode 2 อยู่ที่ 35 - 45 กม.
- Mode 3 อยู่ที่ 45 - 65 กม. (สูงสุด)
หน้าจอแสดงผลมีบอกไฟเลี้ยวแยกซ้าย-ขวา เวลาเราเปิดเสร็จ ระบบปิดให้ออโต้ หลังจากล้อตั้งตรง มีไฟฉุกเฉินให้ในกรณีจะจอดฉุกเฉิน แถมหน้าจอยังบอกปริมาณแบตเตอรี่ นาฬิกา โหมดการทำงาน และอัตราความเร็ว รถล๊อคและปลดล๊อครถด้วยรีโมทเล็กๆ น่ารักจับถนัดมือ
สัญลักษณ์+ - ปรับโหมดขึ้นลงเร่งเครื่อง ตรงกลางปรับเลื่อนเปิดไฟฉุกเฉิน ปุ่มเขียว Start
ขับเคลื่อนด้วยระบบมอเตอร์จาก BOSCH ที่ติดตั้งอยู่ล้อหลัง
ไฟหน้า ไฟเลี้ยว ไฟท้าย เป็นแบบ LED ทั้งหมด มีช่องชาร์จโทรศัพท์แบบ USB ให้เสียบ มีที่ห้อยของด้านหน้า และช่องเก็บของใต้เบาะที่ใหญ่ใช้ได้ (ใส่หมวกกันน็อคได้ครึ่งใบ) จุของได้ 18.9 ลิตร
ซ้ายสุดคือ ช่องเก็บของ ถ้าชาร์จมือถือก็เสียบตรงช่องด้านบน
และวางโทรศัพท์ได้สบายๆ ด้านล่างเป็นที่ห้อยของพับเก็บได้
ระบบเบรกเห็นเป็นไฟฟ้าคันเล็ก แต่เบรกก็เป็นดิสก์สูบคู่ ทั้งหน้า-หลัง โช๊คอัพหน้าแบบเทเลสโคปิค หลังแบบยูนิตสวิง ยางแบบจุ๊บเลสไม่มียางในด้านหน้าขนาด 90/90-12 ส่วนด้านหลัง 120/90-12
ผู้เขียนมีขนาดความสูง 155 ซม. ระหว่างความสูงของรถเท้าแตะถึงพื้นขี่สบาย ด้วยรถมีขนาดเล็ก คล่องตัว ในขณะที่ขี่เข้าซอยก็ใช้ Mode 1 ขับสบายๆ ตอนออกตัวค่อยๆ เร่งคันเร่งไปอย่างนิ่มนวล เมื่อถึงเวลาต้องปรับโหมดก็กดที่ปลายแฮนด์ + - ด้านบน ปรับได้เลย อย่างที่กล่าวมาแล้วว่ารถสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 65 กม./ชม. รวมน้ำหนักตัวผู้เขียน ก็บิดได้ราวๆ 63 กม. ซึ่งถ้าขี่ในเมืองถือว่ากำลังดี อยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัย แต่ตอนเร่งแซงต้องอาศัยจังหวะดีๆ มองรถด้านหลังให้พ้นระยะไปสักหน่อย
สำหรับผู้หญิงที่เพิ่งฝึกหัดถือว่าเป็นตัวเริ่มต้นได้ดีทีเดียวค่ะ เพราะรถไม่กระชากถ้าค่อยๆ ออกตัว หรือออกตัวด้วยโหมด 1 แต่พอชินมือเริ่มปรับโหมดไปโหมด 3 ก็เร่งมาได้ทันใจทีเดียว
จากระยะที่ขี่ในวันนั้นเป็นระยะทางราวๆ 23 กิโลเมตร โดยเริ่มต้นจากแบตเตอรี่ 100% ในระยะทาง 23 กิโลเมตร ซึ่งใช้ความเร็วสูงสุดแทบจะตลอดทาง ก็ยังเหลือแบตเตอรี่ราวๆ 67% ถือว่ายังเหลือแบตเตอรี่ที่ค่อนข้างเยอะพอสมควร ถ้าหากระยะทางไปกลับที่ทำงานคุณราวๆ 20-40 กิโลเมตร ก็ยังเหลือให้กลับมาชาร์จไฟต่อได้สบายๆ หรือถ้าหากใครกังวลก็ยกออกมาชาร์จที่ทำงานเพิ่มก็ทำได้ เพราะแบตเตอรี่สามารถชาร์จต่อได้เลยไม่ต้องรอหมด
ลองขยับมาซ้อน 2 ดูบ้าง (น้ำหนักตัว 2 คนวันนั้นน่าจะราวๆ เกือบ 200 กิโล 555+) นิว N1s สามารถบรรทุกหนักได้ถึง 200 กิโลกรัม หรือราวๆ 3 คนซ้อน เราขี่ในระยะที่ไม่ไกลมาก รถเล็กๆ คันนี้ก็ยังคล่องตัว วิ่งไหลลื่น จากที่ความเร็วสูงสุดเมื่อขับคนเดียวราว 63 กิโลเตร พอซ้อน 2 ความเร็วที่ได้สูงสุด ก็ถือว่าเกือบๆ 60 กิโล (ราว 58-59 กิโลเมตร) ที่สำคัญในช่วงที่เราเบรคแบตเตอรี่ยังมีการปั่นไฟมาเก็บไว้ให้เราด้วยนะ
นิว N1s สามารถขึ้นทะเบียนเป็นรถขนาดเล็ก และทำพรบ. หรือต่อภาษีได้ โดยครั้งต่อไปต่อภาษีปีละ 50 บาท หรือจะทำประกันก็ทำได้ในขนาดรถไซส์เล็ก ถ้าเราซื้อรถกับทางโชว์รูมก็จะจัดทำให้ครบทุกขั้นตอน หมดกังวลเรื่องจ่าจะกวักมือเรียกค่ะ
ปลอดภัยไม่ต้องกลัวหาย เพราะ NIU ทุกคันติดตั้ง GPS
ด้วยระบบความล้ำและรถที่มาในราคาแอบแพง NIU เลยทำการติดตั้งระบบ GPS ในรถทุกคันเพื่อติดตามตำแหน่งรถบนมือถือ โดยเช็คทุกอย่างผ่าน NIU Cloud หรือ NIU E-Scooter Application หาก NIU Smart Electric Scooter มีการใช้งานโดยไม่ได้รับอนุญาตระบบจะส่งสัญญาณและตำแหน่งให้เจ้าของรถทราบทันที
NIU Smart Electric Scooter ทุกคันมีระบบ Smart Check ใช้ตรวจสอบความผิดปกติของตัวรถ โดยเช็คระบบหลัก 4 ระบบได้แก่ ระบบขับเคลื่อนตัวรถ, ระบบการทำงานของแบตเตอรี่, ระบบการสื่อสารระหว่างตัวรถกับระบบคลาวด์ และระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ และ NIU Smart Electric Scooter ยังมีกล่องควบคุมเหมือนกล่องดำ ที่สามารถบันทึกข้อมูลการขับขี่ของเจ้าของรถได้
นิว รุ่น N1s คือ มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าล้วนๆ ชาร์จไฟบ้าน ผู้หญิงขี่ได้ ผู้ชายขี่ดี ท๊อปสปีดใน Mode3 (มีความแรงปรับเหมือนปุ่มพัดลม 1-3 ) สูงสุดได้ 65 กม./ชม. รองรับน้ำหนักได้ 3 คนซ้อน หรือ 200 กก.
นิว N1s มีให้เลือกทั้งหมด 5 สี ราคา 98,000 บาท รับประกันตัวรถ 1 ปี แบตเตอรี่ 2 ปี (แบตเตอรี่ลิเทียม) ต่อภาษี ทำพรบ.ได้สบายหายห่วง และสามารถผ่อนผ่านกรุงศรีออโต้ หรือรูดบัตรเครดิตได้เช่นกัน ผู้นำเข้าคือ ดูคาติ ใครสนใจไปดูตัวจริงได้ที่ โชว์รูม NIU หรือ ดูคาติ วิภาวดี
niuthailand.com ขอบคุณ NIU (นิว) วิภาวดี สำหรับรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าในการรีวิวครั้งนี้