10 แบรนด์มอเตอร์ไซค์สไตล์คลาสสิก ที่มีจำหน่ายในประเทศไทย
กระแสนิยมของรถมอเตอร์ไซค์แนวคลาสสิกมีมานานตั้งแต่จำความได้ ซึ่งถ้าเปรียบเสมือนสิ่งของก็เป็นสิ่งของที่มีคุณค่าทางจิตใจ เพราะทุกส่วน ทุกการออกแบบ คือความพิถีพิถันที่แต่ละแบนรด์ ต่างปลุกปั้นมันขึ้นมาใหม่ ให้มีเอกลักษณ์และความพิเศษ ซึ่งก็ไม่ต่างจากเจ้า 2 ล้อ ที่มีอยู่ในยุคปัจจุบัน หลายค่ายต่างจับความพิเศษของรถในยุคนั้น มารีโนเวท ปลุกชีพรถในตำนานให้มีชีวิตขึ้นมาใหม่ และผสมผสานความเป็นยุคปัจจุบันเข้าไป ให้รถดูมีชีวิตชีวามากขึ้น
ครั้งนี้เราเลยรวบรวมรถมอเตอร์ไซค์แนวคลาสสิก ที่มีจำหน่ายในประเทศไทย 10 แบรนด์หลัก ที่เรารู้จักกันดี โดยเรียงลำดับจากรถที่แพงที่สุดกับตัวเลข 7 หลัก จนไปถึงหลักหมื่น ที่ใครๆ ก็เอื้อมถึงได้
1. Harley Davidson - ฮาร์เล่ย์ เดวิดสัน
HERITAGE CLASSIC 114 ปี 2019 ราคา 1,129,000 บาท
ค่ายนี้ต่างรู้จักกันดีถึงความคลาสสิกและราคาที่แพงสุดๆ อยู่คร่ำหวอดในวงการสองล้อถึงความที่ไม่เหมือนใคร ตั้งแต่ยุคคุณปู่ (หรือผู้เขียนยังไม่เกิด) แต่ฮาร์เลย์ได้เปิดโรงงานผลิตในประเทศไทยก็จะมีราคารถรุ่นใหม่ๆ ที่มีราคาไม่สูง หรือบางคันราวๆ 3 - 4 แสนบาท แต่เรายก 1 รุ่นของฮาร์เลย์ที่โดนใจและยังคงความคลาสสิก แต่ผสมความเป็นเจเนอร์เรชั่นคนยุคใหม่เข้าไป กับ HERITAGE CLASSIC 114
มอเตอร์ไซค์รุ่น Heritage ที่มาในสไตล์โทนสีดาร์กทันสมัย ฟื้นคืนชีวิตอีกครั้งเพื่อพาประวัติศาสตร์เก่าแก่พุ่งทะยานเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ เฟรมรถแบบ Softail ที่คิดค้นขึ้นมาใหม่ ให้มีน้ำหนักเบาและแข็งแรง และการขับขี่ที่ตอบสนองได้ดีเยี่ยม เครื่องยนต์ Milwaukee-Eight Big Twin ทรงพลัง พร้อมตอบสนองต่อการเร่งยอดเยี่ยม มีให้เลือก 2 รุ่นกับความจุ เครื่องยนต์ 107 และ 114 ซีซี
ไฟหน้ารถเป็น LED พร้อมชิลด์บังลมแบบถอดได้ ระบบกันสะเทือนแบบโช๊คคาร์ททริดจ์สไตล์รถแข่ง ที่มีน้ำหนักเบาลง โช๊คหลัง โช๊คเดี่ยวสามารถปรับได้ง่าย ช่วยให้เข้าโค้งได้คล่องตัว ระดับความสูงเบาะ เมื่อไม่ได้บรรทุกน้ำหนัก 680 มม. สำหรับราคาที่จำหน่าย อยู่ที่ 1,129,000 บาท
2. Moto guzzi - โมโต กุซซี่
Moto guzzi V7 III Carbon ราคา 610,000 บาท
Moto Guzzi V7 III Stone สองล้อสัญชาติอิตาเลียนสุดคลาสสิก ฉลองครบรอบ 50 ปี ของตระกูล V7 บิ๊กไบค์สไตล์คลาสสิกที่ออกแบบมาให้มีความดุดันและทรงพลัง เท่ท้าทายกาลเวลา ตัวถังแบบท่อคู่เหล็กกล้า ALS พร้อมส่วนประกอบแบบแยกชิ้นส่วนได้ ไฟหน้าทรงกลม พร้อมไฟเลี้ยวแบบแยก
เบาะนั่งแบบยาวนั่งได้สองคน มาตรวัดออกแบบเป็นสองวงแสดงผลข้อมูลการใช้งานอย่างชัดเจน เครื่องยนต์ขนาด 744 ซีซี สร้างกำลังแรงม้าสูงสุดได้ถึง 38 กิโลวัตต์ (52 แรงม้า) ที่ 6,200 รอบ/นาที
ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง 21 ลิตร ระบบกันสะเทือน ล้อหน้า เทเลสโคปิค 40 มม., ล้อหลัง สวิงอาร์ม โช๊คอัพคู่ระบบเบรก ล้อหน้า ดิสก์เบรก (ดิสก์เบรกขนาด 320 มม. แม่ปั๊ม 4 ลูกสูบ Brembo),ล้อหลัง ดิสก์เบรก (ดิสก์เบรกขนาด 260 มม. แม่ปั๊ม 2 ลูกสูบ) ขนาดยาง:ล้อหน้า 100/90-18, ล้อหลัง 130/80-17 สำหรับราคาจำหน่ายอยู่ที่ 610,000 บาท
3. TRIUMPH - ไทรอัมพ์
Triumph Bonneville T120 Ace ราคา 607,000 บาท
บอนเนวิลล์ ที120 เอซ (Bonneville T120 Ace) ผลิตขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองความเป็นคาเฟ่ เรเซอร์ รุ่นแรก และ เอซ คาเฟ่ (Ace Cafe') คาเฟ่อันเป็นตำนานแห่งกรุงลอนดอน บอนเนวิลล์ ที120 แบล็ค (Bonneville T120 Black) ที่มีสไตล์โดดเด่นเป็นพื้นฐาน จึงมาพร้อมเครื่องยนต์บอนเนวิลล์สองสูบแรงบิดสูง ขนาด 1,200 ซีซี
ส่งแรงบิดสุดเร้าใจสูงสุด 105 นิวตันเมตร ที่ 3,100 รอบต่อนาที ขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์ 6 สปีด รวมถึงนำเสนอชิ้นส่วนตกแต่งสุดพรีเมียมที่โดดเด่น อาทิ สี Matt Storm Grey สุดพิเศษ ตัดกับเส้นลายขวางกึ่งกลาง และการออกแบบสไตล์ Head Down - Hold on บนตัวถัง พร้อมโลโก้ Bonneville T120 Ace ไม่ซ้ำใครบนแผงด้านข้างตัวรถ และโลโก้ Ace Cafe' บนบังโคลนหน้า
นอกจากโครงเส้นสีสุดโดดเด่นอันเป็นหนึ่งเดียวแล้ว ยังนำเสนอคุณลักษณะรายละเอียดที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งทำให้รถรุ่นนี้เป็นรุ่นสุดพิเศษและมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นคือ ฝาครอบท่อไอดีสีดำ โลโก้สีดำบนเครื่องยนต์ เบาะนั่งสีดำ ชุดเปลือยบังโคลนหลังสไตล์มินิมอล
ไฟเลี้ยว LED ทรงกระสุน รวมถึงตราโลโก้ไทรอัมพ์สีดำแบบ 4 แถบติดข้างถังน้ำมัน ตลอดจนท่อไอเสียทรง peashooter สวยสง่างามที่เดินท่อเป็นเส้นตรง พร้อมด้วยฝาครอบท่อที่ออกแบบมาให้มีผิว 2 ชั้น เพื่อซ่อนการเชื่อมต่อ Cat box ได้อย่างแนบเนียนจึงให้เสียงที่แท้จริงของเครื่องยนต์สูบคู่สไตล์อังกฤษ และเสียงของท่อไอเสียที่เข้มข้นทรงพลัง
โดยเจ้าของรถสุดพิเศษนี้จะได้รับใบรับรองที่มีหมายเลขระบุลำดับความเป็นเจ้าของลงลายมือชื่อรับรองโดย นิค บลอร์ (Nick Bloor) ประธานบริหาร ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ และ มาร์ค วิลส์มอร์ (Mark Wilsmore) กรรมการผู้จัดการ เอซ คาเฟ่ ลอนดอน (Ace Cafe' London) ราคา 607,000 บาท
4. Yamaha - ยามาฮ่า
Yamaha SCR 950 ราคา 439,000 บาท
แม้จะเป็นที่ทราบกันดีถึงการดีไซน์รถที่ดูล้ำสมัย และมีหลากหลายรุ่น หลากหลายขนาดให้เลือก แต่ยามาฮ่า ก็จับเจ้า SCR950 บิ๊กไบค์แนวสตรีทสแคมเบอร์ เก๋าแบบรุ่นใหญ่ มาจำหน่ายในตลาดบ้านเรา และดีไซน์ให้ดูย้อนอดีต ปรับแต่งให้คล้ายยามาฮ่า Bolt แต่ก็ทำให้เป็นรถทรงสแคมเบอร์ เพื่อกระตุ้นต่อมคนที่ชอบแนวคลาสสิกแบบย้อนยุค แต่แฝงลูกเล่นและความทันสมัย กับรูปทรงที่ดูบึกบึนทะมัดทะแมง
Yamaha SCR950 vintage scrambler styling มาพร้อมเครื่องยนต์ 942 ซีซี แบบ V-twin แบบ SOHC 8 วาล์ว single pin crankshaft ระบายความร้อนด้วยอากาศ กำลังสูงสุด 51.3 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที พื้นฐานเดียวกับรถตระกูล Bolt แรงบิดสูงสุด 79.5 นิวตันเมตร ที่รอบต่ำเพียง 3000 รอบต่อนาที อัตราส่วนกำลังอัด 9.0 : 1 ขนาดกระบอกสูบ x ช่วงชัก 85 X 83 มม. กระบอกสูบผลิตจากอะลูมิเนียมผสมเซรามิค Liner-less ลูกสูบอะลูมิเนียมฟอร์จ มีน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ
ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงหัวฉีดคู่อีเล็กทรอนิกส์ ลิ้นเร่ง 35 มม. มีเซ็นเซอร์จับอุณหภูมิ TPS เพื่อให้กล่อง ECU สามารถคำนวณอัตราส่วนผสมไอดี ทำให้การเผาไหม้สมบูรณ์ ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ 5 สปีด ระบบคลัทซ์แบบเปียก ขับเคลื่อนด้วยสายพาน ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง 12 ลิตร ระบบกันสะเทือน ล้อหน้า Telescopic fork, 4.7-in travel, ล้อหลัง Dual piggyback shocks, 2.8-in travel ระบบเบรก ล้อหน้า ดิสก์เบรก (Wave-type disc, 298mm), ล้อหลัง ดิสก์เบรก (Wave-type disc, 298mm) น้ำหนักตัวอยู่ที่ 248 กิโลกรัม กับราคาที่ 439,000 บาท
5. Kawasaki - คาวาซากิ
Kawasaki W 800 Street ราคา 396,000 บาท
W800 Street ใหม่ คือวิวัฒนาการล่าสุดของรถในตระกูลที่มีประวัติความเป็นมายาวนานถึง 50 ปี เมื่อเทียบกับโมเดลเรโทร W800 มีรายละเอียดการอัปเดตชิ้นส่วนต่างๆ มากมาย ถูกเติมเต็มความทันสมัยให้ออกมาเป็นรถจักรยานยนต์ที่ตอบสนองได้เป็นมิตรต่อผู้ขับขี่จากการควบคุมที่ง่าย และเสถียรภาพที่ดีในการใช้งาน
ไม่ใช่แค่รูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น ความตั้งใจในการรักษาภาพลักษณ์และกลิ่นอายของ W1 รุ่นแรกยังสามารถเห็นได้จากเครื่องยนต์ Vertical Twin ระบายความร้อนด้วยอากาศที่ถูกปรับให้ผ่านมาตรฐานจำกัดไอเสียอันรัดกุมในปัจจุบัน, เฟรมเปลคู่แบบ Double- Cradle ซึ่งมีการปรับความแข็งแรงใหม่ด้วยผนังของท่อที่มีความหนาขึ้น และเสียงของท่อไอเสียที่ถูกบรรจงคราฟมาให้โดดเด่นสมกับเป็นท่วงทำนองจากเครื่องยนต์ Vertical Twin ที่มาพร้อมเพลาข้อเหวี่ยงแบบ 360 องศา
ไฟหน้า LED กลม ส่วนผสมของดีไซน์ระหว่างความเป็นเรโทรกับความทันสมัย ไฟหน้า LED ดวงกลมขนาด 170 มม. ให้แสงสีขาวที่สว่างชัดเจนและทัศนวิสัยอันเยี่ยมยอดสำหรับการขับขี่ในยามค่ำคืน ไฟหรี่รวมอยู่ในห้องของไฟสูงเพื่อให้ทุกส่วนของโคมส่องสว่างเหมือนกับโคมหน้าหลอดกลมสไตล์เรโทร สำหรับราคาคาวาซากิ W800 Street อยู่ที่ 396,000 บาท
6. Royal Enfield - รอยัล เอนฟิลด์
Royal Enfield Interceptor 650 ราคา 213,000 บาท
Royal Enfield Interceptor INT 650 Twin STD รอยัล เอนฟิลด์ ปี 2018 The new Royal Enfield Intercaptor INT 650 Twin Standard (รอยัล เอนฟิลด์ คอนติเนนทัล อินเตอร์เซปเตอร์ ไอเอ็นที 650 ทวิน สแตนดาร์ด) บิ๊กไบค์สไตล์คลาสสิก ต่อยอดจากรุ่น GT 250
โดดเด่นด้วยไฟหน้าทรงกลม ตัวถังสีดำ ถังน้ำมันทรงคลาสสิก เบาะนั่งแบบยาวซ้อนได้สะดวก เครื่องยนต์ 2 สูบ เรียงแบบตั้ง 4 จังหวะ SOHC หัวฉีด ระบบความร้อนด้วยอากาศ พร้อม Oil-cooler ความจุ 648 ซีซี 47 แรงม้า ที่ 7,250 รอบต่อนาที แรงบิด 52 นิวตันเมตร ที่ 5,250 รอบต่อนาที เกียร์ 6 จังหวะ เบรกจาก ByBre (Brembo) มาพร้อม 3 รุ่นให้เลือกคือ Standard 213,000 บาท custom 215,000 บาทและ chrome 218,000 บาท
Honda Rebel ราคา 145,000 บาท
ฮอนด้า รีเบล 300 (Honda Rebel 300) โดดเด่นด้วยรูปทรงคลาสสิกที่ย่อขนาดลงมาจาก Rebel 500 คงคอนเซ็ปต์ต่อยอดจากรุ่นเก๋า Rebel 250 ต้นแบบบ็อบเบอร์ร่างเล็กที่โด่งดังในอดีต และเป็นที่นิยมมากในยุคหนึ่ง
Rebel 300 ใหม่มาพร้อมไฟหน้าทรงกลม ไฟท้าย สี่เหลี่ยม ถังน้ำมันขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ เบาะนั่งลาดเอียงลงมาในระดับต่ำ ทำให้ขับขี่ง่าย ส่วนเบาะคนนั่งซ้อนถูกแยกออกอิสระ เพราะสามารถถอดออกและติดตั้งชุดแต่งเสริมต่างๆ ได้ เผื่อว่าใครต้องการเหลือที่นั่งเดี่ยว ขับชิลๆ กินลมคนเดียว
โดดเด่นสะดุดตาด้วยโครงสร้างแบบมินิมอล ขับเคลื่อนได้อย่างนุ่มนวลกับล้อและยางมีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ โดดเด่นด้วยชุดไฟหน้ากลมในโคมอลูมินั่มและไฟท้ายทรงสี่เหลี่ยมแบบคลาสสิก แผงมิเตอร์แบบแอลอีดีแบล็คไลท์สีฟ้า มาพร้อมขุมพลังจากเครื่องยนต์ 300ซีซี ระบบหัวฉีด PGM-FI พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ และติดตั้งระบบเบรก ABS
Honda Rebel 300 (ฮอนด้า รีเบล 300) คลาสสิกไบค์ขนาดกำลังดี ใช้งานได้สะดวก คล่องตัวขี่ง่ายในตัวเมือง และบิดมันที่รอบสูง ทรงตัวดี ควบคุมง่ายและนิ่งในความเร็วสูงนอกเมือง ตอบสนองการใช้งานที่ครอบคลุม สำหรับงบประมาณที่ไม่แพง มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีขาวด้าน สีเทาด้าน สีแดง และสีดำ ราคาเปิดตัวเพียง 145,000 บาท เท่านั้น นอกจากนี้ Honda Rebel 300 ยังมาพร้อมรุ่นแต่งพิเศษ Rebel Raw Edition Red ด้วยราคาแนะนำโดยประมาณที่ 154,200 บาท และ Honda Raw Edition Black ราคาแนะนำที่ 162,200 บาท ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 1,000 คัน
8. Stalions - สตาร์เลี่ยน
Stalions Makina 250 SP ราคา 85,900 บาท
มอเตอร์ไซค์แนวคลาสสิกแบรนด์ไทยแท้ ที่ผลิตออกมาหลายรุ่นจนเป็นที่ยอมรับของสายวินเทจว่าของดีของไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก ปล่อยโมเดลล่าสุดที่ได้ทีมวิศวะกรของไทยทั้งหมด มาออกแบบและสร้างสรรค์ผลงานที่เรียกว่าเป็นรุ่นเรือธงของค่ายกับ สตาร์เลี่ยน Makina 250 SP
Stallions Makina 250 SP มอเตอร์ไซค์ คาเฟ่ เรเซอร์ จากฝีมือคนไทย โดยมีการออกแบบงานที่ปราณีตโดยบริษัทวิศวกรรมชั้นนำของไทย มาพร้อมโช๊คหน้าแบบอัพไซค์ดาวน์ขนาด 41 มม. ปรับระดับได้ 25 ระดับ กันสะเทือนหลังแบบคลอย์สปริง เครื่องยนต์ 1 สูบ 4 จังหวะ SOHC 2 วาล์ว Oil Cooled ขนาด 223 ซีซี แบบคาบูเรเตอร์
ระบายความร้อนด้วย Oil Cooler ระบบเกียร์ 6 สปีด มีดิสก์เบรคคู่หน้าขนาด 300 มม. และดิสเบรคหลัง 240 มม.มีความจุถังน้ำมันได้ 12 ลิตร และมี 4 สีให้เลือก คือ แดง, ดำ, ขาว, เทา ในราคา 85,900 บาท
GPX Legend 2019 ราคา 69,800 บาท
GPX Legend Gentleman 200 โฉมใหม่ ปี 2019 รถมอเตอร์ไซค์สไตล์โมเดิร์น คาเฟ่ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมือง มาใน Mood & Tone ที่ดุดันมากขึ้นจากตัวก่อน โดยเพิ่มความพิเศษในเรื่องของสี ที่ครีเอทขึ้นมาใหม่รอบคันเฉพาะสายโมเดิร์นคาเฟ่อย่างแท้ทรู มีให้เลือกถึง 2 สี คือ สีดำ (Black Burn) และ สีเทาอมฟ้า (Blue Gravity) กับการวาดลวดลายบนตัวถังใหม่ ที่ตอบโจทย์ความเป็น Gentleman
มาพร้อมกับขุมกำลังในพิกัด 200 ซีซี 4 จังหวะ เกียร์ 6 สปีด ที่โดดเด่นด้วยไฟหน้า Daytime Running Light ดีไซน์กลม หรือ LED Ring Light ไฟท้ายและไฟเลี้ยวแบบ LED พร้อมติดตั้งไฟฉุกเฉิน หรือไฟผ่าหมากมาให้จากโรงงาน สามารถปรับสีสันหน้าจอเรือนไมล์แบบดิจิตอลได้ตามสไตล์ มีให้เลือกมากถึง 7 เฉดสี ปรับลุคให้โฉบเฉี่ยวมากขึ้น กับชุดครอบท้ายแบบตูดมดดีไซน์ใหม่ ซึ่งสามารถถอดชุดครอบท้ายออก ให้เป็นเบาะนั่งซ้อนท้ายได้ สะดวกสบายกับการใช้งาน
พร้อมออฟชั่นแบบจัดเต็มทั้งโช๊คอัพหน้าแบบ Up Side Down และโช๊คอัพหลังจากแบรนด์ดัง YSS สามารถปรับระดับได้ เพิ่มความมั่นใจทุกการขับขี่ด้วยดิสก์เบรกหน้าแบบคู่ และดิสก์เบรกหลัง สั่งการได้ดั่งใจ พร้อมติด Oil Cooler มาให้ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยนต์ให้เต็มสูบมากยิ่งขึ้น สำหรับราคาจำหน่ายอยู่ที่ ราคา 69,800 บาท
10. Zongshen Ryuka จงเซิน ริวก้า
Zongshen Ryuka Infinity RK250 ราคา 59,900 บาท
Zongshen Infinity 250 รถมอเตอร์ไซค์สไตล์ "Cafe" จากประเทศจีน ให้ความสวยแบบดิบๆ เครื่องยนต์ 250 ซีซี 5 เกียร์ แรงขึ้นเดินทางได้ทุกสภาพถนน มาพร้อมลวดลายกราฟิกย้อนยุค เบาะนั่งทรงเท่ ผสานกลิ่นอายความคลาสสิกและดุดันในคันเดียว เด่นด้วยโช๊คหน้าหัวกลับสีดำ เรือนไมล์กลมแบบดิจิทัล
ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง คาบูเรเตอร์ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง 14 ลิตร ระบบกันสะเทือน ล้อหน้า เทเลสโคปิคแบบหัวกลับ, ล้อหลัง โช๊คอัพคู่ระบบเบรก ล้อหน้า ดิสก์เบรก (ลูกสูบคู่), ล้อหลัง ดิสก์เบรก (ลูกสูบคู่) ขนาดยาง ล้อหน้า 100/80-17, ล้อหลัง 130/70-17ขนาด (ยาวxกว้างxสูง มม.) 1,960 x 770 x 1,025 มม.น้ำหนัก 140.00 กก. กับราคาสบายกระเป๋าอยู่ที่ 59,900 บาท
ทั้งหมดเป็นเพียงการรวบรวมรถมอเตอร์ไซค์แนวคลาสสิกจากทีมงาน เช็คราคา.คอม เป็นการรวบรวมรถสไตล์นี้ที่มีขายในประเทศไทยเท่านั้น ไม่ได้ทำการจัดอันดับ หรือเปรียบเทียบแต่อย่างใด