รีวิว The Ultimate X-Venture Press Trip ประสบการณ์สุดขีดกับฮอนด้า บิ๊กไบค์
นี่คือสุดยอดทริปตะลุยทางฝุ่น ด้วยรถฮอนด้าบิ๊กไบค์ แนวแอดเวนเจอร์ ที่มีทั้ง
Honda CB500X ใหม่ ปี 2019,
NC750X และ
CRF1000L Africa Twin บนเส้นทางสุดท้าทายสตาร์ทจาก ฮอนด้า บิ๊กวิงก์ เลียบด่วนรามอินทรา สู่ ป่าเมืองจันทบุรี งานนี้เป็นทริปรวมสื่อมวลชนสายลุยไปเปิดประสบการณ์สุดขีดกับเส้นทางใหม่ที่โหดและท้าทาย ซึ่งจะได้เรียนรู้เทคนิคการขี่และเอาตัวรอดจากสถานการณ์จริงโดยโค้ชพี่เล่ นอกจากนี้ยังได้เรียนรู้ระบบช่วยเหลือต่างๆ ของตัวรถไปพร้อมกับการใช้งานจริงเช่น ระบบ
Traction Control ใหม่ ของ AfricaTwin Adventure Sports และ
ระบบ Assist & Slipper Clutch ในรุ่น CB500X 2019
ทริปนี้ปลายคือ จังหวัดจันทบุรี เส้นทางไม่ไกลแต่ก็มีทั้งออนและออฟโร้ด ดำเนินการจัดเส้นทางโดยโค้ชพี่เล่ Bikelane พัทยา ที่ขึ้นชื่อเรื่อง ลับ ลวง พลาง กับเส้นทางที่ดูเหมือนสบายๆ สำหรับผู้ร่วมทริปเกือบทั้งหมดสื่อมวลชนสายลุยที่คุ้นเคยและผ่านประสบการณ์กับกิจกรรม X-venture ของทางฮอนด้ามาหลายครั้ง
ทริปนี้ใช้เวลาเดินทาง 2 วัน 1 คืน เริ่มต้นกันที่ ฮอนด้า บิ๊กวิงก์ สาขาเลียบด่วนรามอินทรา พาหนะทั้งหมดแบ่งเป็นรุ่น
Honda CB500X ใหม่ ปี 2019,
NC750X และ
CRF1000L Africa Twin ผสมกัน โดยเราได้เลือกขี่รุ่น CB500X ที่เพิ่งนำมารีวิวก่อนหน้านี้ แต่อยากพิสูจน์ให้ชัดเจนถึงสมรรถนะการใช้งานจริงจังอีกครั้ง กับการออกทริปทางไกลและขี่ลุยเส้นทางออฟโร้ดอย่างเต็มที่
เราเดินทางกันในสายใช้ถนนรามอินทรามุ่งไปทางมีนบุรี ฝ่าการจราจรอันคับคั่งในช่วงตัวเมือง ซึ่ง 500X ก็ตอบสนองการขี่ผ่านช่องทางต่างๆ บนถนนได้เป็นอย่างดี พร้อมให้อัตราเร่งและชะลอเบรกได้อย่างน่าพอใจ เมื่อมาถึงช่วงสุวินทวงศ์ที่ถนนอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง การจราจรติดขัดจากการถูกบีบเหลือเลนเดียวหลายช่วง และด้านข้างมักเป็นทางดินมีทรายลงไว้รอเทคอนกรีต ก็เลยเลือกลงไปวิ่งประหยัดเวลา นับเป็นข้อดีของแอดเวนเจอร์ไบค์ โดยเฉพาะจากฮอนด้า บิ๊กไบค์ ที่มีราคาเข้าถึงง่าย
เรามุ่งหน้าไปทางฉะเชิงเทรา มีแวะทานอาหารกลางวันที่ร้านหมูกรอบขึ้นชื่อ แล้วเคลื่อนขบวนฯ มาถึงบ้านโพธิ์ ตัดเข้าสู่ถนนสายรองยังเป็นถนนดำขี่กันยาว จนใกล้เข้าเส้นทางสู่ช่วงออฟโร้ด เราแวะพักคลายร้อนที่ร้านกาแฟกันก่อน ช่วงนี้ผู้เขียนสลับมาขี่ฮอนด้า แอฟริกา ทวิน เกียร์ DCT รุ่นล่าสุด
สมาชิกสนุกสนานกับการขี่บนทางฝุ่นพื้นแข็งตลอดทาง ข้อดีของการขี่ในช่วงหน้าร้อน แต่ก็แลกกับอากาศที่ร้อนจัด รีดเหงื่อกันตลอดทางเช่นกัน ขี่กันมาจนเจอแนวกั้นช้างป่าที่ต้องระวังในการขี่ เพราะเป็นการขุดดินขึ้นมาทำแนว ลักษณะพื้นค่อนข้างร่วนซุย ด่านแรกก็เจอกับเนินสูงขึ้นไปแล้วหักศอก ถ้าขึ้นไปเร็วเกินแล้วเลี้ยวไม่ทันก็อาจล่วงลงมาหลังเนินอีกฝั่ง นับเป็นความท้าทายแรกที่เจอ ผู้เขียนที่ขี่
CRF1000L Africa Twin ก่อนขึ้นได้ปิดระบบแทร็คชันคอนโทรล แล้วเดินคันเร่งเรียบๆ ขึ้นไปจนถึงยอดเนินแล้วหักขวาจอดได้อย่างปลอดภัย ความน่ากลัวคือ ช่วงที่พื้นผิวเป็นดินร่วนซุยผสมกรวด และพื้นที่ไม่เท่ากัน อย่างที่รู้กันว่าการขี่แอดเวนเจอร์บิ๊กไบค์ที่เบาะสูงแล้วจอดไม่ถูกจังหวะบนพื้นเรียบไม่เท่ากัน อาจส่งผลให้ลงไปวัดพื้นเล่นง่ายๆ
นอกจากนี้ความท้าทายของเส้นทางช่วงที่ต้องขี่บนแนวดินกั้นช้างคือ ไม่มีแนวกั้นใดๆ ถ้าหลุดหรือพลาดไปก็ตกเนินลงข้างทางที่ค่อนข้างสูง และต้องต่อสู้กับอากาศที่ร้อนระอุตลอดช่วงบ่าย ผู้เขียนพบว่าบางช่วงระดับชีพจรเต้นสูงถึง 140 ยิ่งถ้าต้องออกแรงมากเป็นพิเศษ ด่านที่สองเป็นสุดยอดความท้าทายของทริปคือ การไต่เนินชันแล้วต้องหักเลี้ยวขวากลางเนินที่พื้นร่วนซุยสุดๆ ก่อนเข้าไต่โค้งซ้ายขึ้นยอดเนินต่อ จุดนี้ดักไปได้หลายคันที่ต้องยอมสยบให้ ผู้เขียนก็เช่นกันต้องลงแล้วอาศัยเพื่อนร่วมทริปช่วยกันดันรถขึ้น หลังจากนั้นก็ไม่ง่าย เพราะเป็นเนินเล็กขึ้นลง เลี้ยวซ้ายขวาเต็มไปด้วยกรวดลอย อากาศร้อนยังคงเล่นงานเราตลอดทาง เป้น้ำเป็นของจำเป็นสำหรับทริปแบบนี้ แต่การได้น้ำดื่มเย็นๆ จากร้านขายของชำชาวบ้านระหว่างทางนี่เหมือนสวรรค์ชัดๆ ไม่นานเราก็มาถึงด่านสาม ที่แม้เป็นทางขึ้นเนินสูงยาว แต่ท้าทายด้วยความชันแบบต้องแหงนหน้ามอง การทำความเร็วอย่างเหมาะสมก่อนขึ้นเนินเป็นเรื่องจำเป็น และการเลี้ยงรอบใช้เกียร์ให้พอดีจนถึงก็เช่นกัน ถ้าส่งมาเบาไป รถก็อาจหมดแรง ต้องเติมช่วงกลางเนินก็มีสิทธิตะกุยดินฟรีทิ้ง แน่นอนว่าต้องปิดแทร็คชันก่อน ผู้เขียนที่สลับมาขี่
CB500X ใหม่อีกครั้ง ใช้เกียร์ 2 ในการขึ้นเนินด่านนี้ ดันขึ้นไปจนเกือบถึงยอด เจอพื้นดินร่วนจนทำให้ล้อฟรี แต่รักษารอบจนไต่ผ่านขึ้นไปได้ ส่วนหนึ่งชอบ
Honda CB500X ใหม่ ปี 2019 ที่เบากว่า
CRF1000L ควบคุมง่ายกว่าถ้าเทียบกับ DCT
ไม่นานเราก็ออกมาถึงถนนดำขี่ผ่านเขาคิชฌกูฏสู่ท่าหลวงเข้าที่พักกันด้วยความเหนื่อยล้า แต่ประทับใจการประสบการณ์สุดขีดที่เก็บเกี่ยวได้ในทริปนี้
วันรุ่งขึ้นเรายังมีภารกิจให้ได้ลุยทางฝุ่นกันอีก แต่ไม่มีเนินดินชันให้ได้ลองกันเหมือนเมื่อวาน เราเจอทางกว้างที่เต็มไปด้วยฝุ่นฟุ้งและกรวดลอย การเข้าโค้งไม่เหมือนถนนดินเมื่อวาน เพราะทุกโค้งพร้อมที่จะให้เราเจอทั้งอาการอันเดอร์สเตียร์และโอเวอร์สเตียร์ขึ้นอยู่กับความเร็วกับเบรกที่ใช้ นอกจากนี้ฝุ่นที่ฟุ้งจากรถคันหน้าทำให้ยากต่อการมองไลน์นับเป็นอีกความท้าทายของทริปวันที่สอง หลุดจากทางฝุ่น เราเข้าสู่พื้นที่ป่าทางดินแน่น เปรียบเสมือนซิงเกิ้ลแทร็ค ช่วงนี้ทีมเก็บภาพจาก Over Ride ขอแอคชันสวยๆ โดยให้วิ่งเป็นคู่ ผ่านสภาพเส้นทางที่เป็นเนินขึ้นลง และมีร่องดินมากมาย เราต้องยืนหนีบถังน้ำมันขี่ไปตลอดเส้นทางนี้ นับเป็นความประทับใจในตัวรถ
Honda CB500X ใหม่ ปี 2019 ที่ให้สมดุลและควบคุมได้ดีเยี่ยม หลังจากหมดเส้นทางดินก็กลับเข้าสู่ทางดำอันคดเคี้ยวทดสอบการเข้า-ออกโค้งของตัวรถ ที่พบว่าให้การตอบสนองและบังคับได้ดั่งใจ ยางเดิมติดรถยังทำหน้าที่ได้ดีทั้งทางออฟและออนโร้ด ขบวนฯ ยิงยาวสู่แปดริ้วแวะพักทานอาหารเย็น พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่ผ่านมากัน จนพระอาทิตย์ใกล้ลับก็ฟรีรันกลับสู่ฮอนด้า บิ๊กวิงก์กันโดยสวัสดิภาพ ปิดทริป
The Ultimate X-Venture Press Trip Episode 2 อย่างสมบูรณ์แบบ สำหรับทริปนี้ไม่มีรถคันไหนมีปัญหาใดๆ ให้กวนใจเลยแม้แต่น้อย นับเป็นความไว้วางใจในผลิตภัณฑ์ฮอนด้าที่ใช้งานได้ดีอย่างสม่ำเสมอจริงๆ