HONDA BIGBIKE พาลุยนิวซีแลนด์ กับภารกิจ Riding Passion สุดขอบฟ้า
เอพี ฮอนด้า (AP HONDA) จัดกิจกรรม Riding Passion ส่งต่อให้ Honda Bigbike เชิญชวนลูกค้าที่ซื้อรถบิ๊กไบค์กับ ฮอนด้า บิ๊กวิงก์ ได้มีโอกาสลุ้นไปร่วมทริปขี่บิ๊กไบค์ต่างประเทศกับการเดินทางตามฝันสุดยิ่งใหญ่ ที่สุดท้ายได้ 4 ผู้โชคดีเดินทางไปกับทีมสื่อมวลชนรวมทั้งทีมงาน Motorbike GURU Thailand by CheckRaka.com ในทริป
THE NEW ZEALAND PASSION TRIP 2018 โดยใช้แอดเวนเจอร์ไบค์ 2 รุ่นยอดนิยม
CRF1000L "Africa Twin" และ
NC750X ขี่ตะลุยกันต่อเนื่อง 4 วัน เริ่มจากบินไปลงเมืองโอ๊คแลนด์แล้วต่อเครื่องไปลงเมือง Christchurch จากนั้นจึงขี่เดินทางลงไปสู่ Queenstown และกลับมาจบที่ Christchurch เส้นทางตลอด 4 วัน ผ่านความสวยงามของสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติสำคัญ และได้แวะเวียนพักเก็บบรรยากาศในเมืองต่างๆ เช่น Cromwell, Omarama, Lake wanaka, Navis road และ Mt. Cook และนี่คือเรื่องราวของ
New Zealand Riding Passion ตลอดการเดินทาง 2 1-24 เมษายน 2561
วันที่ 1 : "Bangkok - New Zealand"
หลังจากใช้เวลาร่วม 20 ชั่วโมง ออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสายการบินไทย "รักคุณเท่าฟ้า" ไปยัง เมืองโอ๊คแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ แล้วต่อสายการบินภายในประเทศ มาถึงไครสต์เชิร์ชเมืองที่ใหญ่ที่สุดของเกาะใต้ อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในสามเมืองที่ตั้งอยู่ชายฝั่งตะวันออกของเกาะใต้ สภาพอากาศเดือนเมษายนกำลังเย็นสบาย บรรยากาศเงียบสงบ ซึ่งเวลาที่นี่จะเร็วกว่าประเทศไทยราวๆ 5 ชั่วโมง
หลังจากกลุ่ม Riding Passion มาถึงเมืองไครสต์เชิร์ช เรานั่งรถบัสทัวร์เมืองก่อนเข้าไปพักเพื่อเตรียมขี่วันแรกในตอนเช้า วันแรกที่มาเยือนหลายคนสังเกตว่าบ้านเรือนส่วนใหญ่เป็นชั้นเดียวมีห้องใต้ดิน ไกด์บอกว่าเป็นเพราะที่นี่มักมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆ เนื่องจากอยู่บนวงแหวนแห่งไฟ (พื้นที่แนวภูเขาไฟ และบริเวณขอบแผ่นเปลือกโลกที่มีภูเขาไฟคุกรุ่นอยู่) เราแวะสวนชื่นชมบรรยากาศและความสงบเงียบของเมืองกันพักใหญ่ จากนั้นจึงเข้าที่พักรับประทานอาหารมื้อแรกในนิวซีแลนด์พร้อมฟังบรีฟรายละเอียดกิจกรรม ข้อปฎิบัติในการขับขี่ที่ถูกต้อง และรายละเอียดการเดินทางในแต่ละวัน อย่างไรก็ดีช่วงดึกเราได้มีโอกาสออกไปนั่งรถท่องเมืองโดยมีทีมงานของเช็คราคา.คอม ที่เดินทางมาเมืองไครสต์เชิร์ช แวะเข้ามารับเพื่อชมเมืองยามดึกและแวะซื้อเสบียงส่วนตัว สัญญาณแรกของความเข้มงวดกฎกติกาในการขับขี่รถที่นี่ เริ่มจากการโดนปรับข้อหาใช้ความเร็วเกินกำหนด ตัวเลขที่นี่ศักดิ์สิทธิ์มากและตำรวจที่ดูเหมือนไม่มีก็พร้อมออกมาทุกครั้งที่มีการทำผิด
มาถึง Chirstchurch เราก็มาแวะพักเดินเหยียดยืดกล้ามเนื้อที่สวนโบทานิค หลังจากนั่งบนเครื่องบินมากันยาวนาน ในช่วงค่ำทีมงานเช็คราคาที่มาก่อนล่วงหน้า ได้ขับรถมาแวะรับไปสำรวจเมืองยามค่ำคืน พร้อมกับประเดิมเจิมค่าปรับ วันที่ 2 : "Christchurch-Oxford Road-Lake Tekapo-Omarama" ระยะทาง 431.5 กม.
แผนการเดินทางวันนี้คือ เริ่มขี่จากเมืองไครสต์เชิร์ช มุ่งสู่จุดหมายแรกภูเขา Hutt แวะชื่นชมความสวยงามธรรมชาติที่แรกของการเดินทาง จากนั้นขบวนฯ จะไปต่อกันที่ Oxford Road เพื่อชมวิวกันอีกจนได้เวลาสมควร ก็เดินทางไปพักทานกลางวันกันที่ Geraldine ระยะทางผ่านมากว่า 200 กม.
เรามารับรถกันที่ Kiwi Motorcycles Rental ใน Amberly จากนั้นก็ลุย ! ออกทะยานสู่ความท้าทาย ท่ามกลางอากาศที่ค่อนข้างเย็น มื้อกลางวันเป็นเบอร์เกอร์ชิ้นโตกับเฟรนช์ฟรายส์ ที่ผ่านมาช่วงครึ่งวันเช้าก็ได้ทำความคุ้นเคยกับการขี่มอเตอร์ไซค์ท่ามกลางอากาศเย็นๆ และลมข้างทางที่แรงมากตลอดเส้นทาง วิวทิวทัศน์ที่ได้พบค่อนข้างเป็นอะไรที่แปลกใหม่ เช่นเดียวกับวิถีชีวิตของผู้คนที่นี่ ซึ่งมักพักผ่อนยามว่างด้วยกิจกรรมนอกบ้านอย่างแข่งเรือโต้กระแสน้ำ และมักมาทั้งครอบครัวดูอบอุ่นมาก
วางแผนกันก่อนเข้าสู่บททดสอบแรกของเส้นทางออฟโรด Hakataramea Valley Road
จาก Geraldine ต่อไปไปยังจุดหมายข้างหน้า Lake Tekapo ที่ขึ้นชื่อว่าสวยงามที่สุดของเกาะใต้ แต่ระหว่างทางมีช่วงพิเศษ Hakataramea Valley Road ให้สมาชิกได้ลุยทางออฟโรดกันแก้เบื่อ เสมือนเป็นการอุ่นเครื่องก่อนไปเผชิญไฮไลท์ที่ Nevis Road เส้นทางเป็นกรวดลอย มีธารน้ำเล็กๆ ให้ได้ลุยอยู่หลายจุด
Hakataramea Valley Road นับเป็นเส้นทางออฟโร้ดที่มีความสงบ สวยงาม มีอุปสรรคที่ไม่นับว่าโหดร้าย พอให้ลุยกันอย่างสนุกทั้ง
CRF1000L "Africa Twin" และ
NC750X เสมือนเป็นการทำความรู้จักกับธรรมชาติเส้นทางของที่นี่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นทางหินกรวดลอย
ขบวนฯ ทยอยออกจากเส้นทางทันแสงสุดท้ายลับขอบฟ้าพอดี แต่ต้องขี่บนทางดำกันอีกกว่า 80 กม. ผ่านช่วงเวลาโพล้เพล้ ระหว่างทางได้ชมวิวสวยงามของทะเลสาบ Aviemore ขบวนฯ มาถึงโรงแรมที่เมือง Omarama เกือบทุ่ม รวมระยะทางวันแรกของการขี่ 431.5 กม. โดยวันรุ่งขึ้นเส้นทางสุดท้าทายทั้งทางดำและฝุ่นสู่เมืองควีนทาวน์รออยู่
ช่วงท้ายฝนเทกระหน่ำลงมาแต่โชคดีที่ตกไม่นาน วันที่ 3 : "Omarama-Cromwell-Nevis road-Queentown" ระยะทาง 284 กม.
จาก Omarama เราขี่ฟันฝ่าอากาศหนาวมาตลอดช่วงเช้า ตอนออกมาดูอุณหภูมิ -1 องศาเซลเซียส ขบวนมุ่งหน้าไปเติมน้ำมันที่เมือง Cromwell เส้นทางออนโรด 90 กว่า กม. แต่สาหัสกับความเย็นที่ทำเอามือแข็งไปตามๆ กัน แม้แต่ความร้อนของเครื่องยนต์ก็แทบไม่ได้ช่วยอะไร ผู้เขียนที่ใช้ถุงมือแบบวินเตอร์และมีฮีทกริ๊ปก็ยังรู้สึกสะท้านกับอากาศไม่น้อย วันนี้ไฮไลท์อยู่ที่ Nevis road เส้นทางออฟโรดกรวดลอย ทางชันขึ้น-ลงมีอยู่เกือบตลอด มีธารน้ำที่มาจากหิมะละลายไหลผ่านเป็นช่วงๆ แต่ละจุดนี่ลึกและยาวกว่าอุปสรรคที่ Hakataramea Valley Road จากความกลัวกลายเป็นความเคยชิน ขบวนฯ ผ่านไปครึ่งทางด้วยดี เราแวะกินมื้อกลางวันกันแบบง่ายๆ นั่งกินแซนด์วิชที่ทีมงานซื้อเตรียมเอาไว้ รอเผชิญอุปสรรคในช่วงบ่ายที่โหดกว่า
เราจอดพักกันที่ Cromwell คลายความหนาวก่อนไปเจอความโหดของ Nevis road
เส้นทางช่วงแรกยังไปกันแบบสบายๆ แต่ทางเขาบางช่วงก็น่าหวาดเสียว ความโหดของ nevis road ช่วงบ่าย ทยอยออกมาทักทายเรา นอกจากธารน้ำที่มีให้ลุยนับไม่ถ้วน ยังต้องเจอทางโคลน ! ทำให้ผู้ขี่รุ่น NC750X ยางเดิมเจอโจทย์ยากมากขึ้น แต่ก็สามารถลุยผ่านได้จนจบ ส่วนหนึ่งก็เพราะได้คำแนะนำจาก มร.ราล์ฟ ดีกรีนักแข่งรายการ GS Rally ที่มาร่วมทริปเฉพาะกิจในวันนี้
แอ่งน้ำ บ่อโคลน อุปสรรคที่สลับกันมาทักทายเรา
แม้ว่าอยากเลี่ยงหาทางดีๆ แต่ดูจะไม่มีทางอื่นนอกจาก ลุย ! หลังออกจาก เนวิส โร้ด ขบวนฯ มาพักจิบกาแฟก่อนมุ่งหน้าไป Queentown แต่สเตจสุดท้ายคือ การขี่เลียบถนนทะเลสาบอันคดเคี้ยวและไต่ขึ้นเขาไปหาความหนาวที่สกีรีสอร์ตเป็นบทพิสูจน์ส่งท้ายของวัน เพราะถุงมือและรองเท้าที่เปียกจากน้ำลำธารมาเจอกับความเย็นบนทางเขาทำให้ทรมานอยู่ไม่น้อย เราขึ้นไปชมวิวสวยก่อนพระอาทิตย์ลับฟ้า จากนั้นจึงมุ่งหน้าไปที่พักใน Queentown พักร่างกันก่อนไปลุย Mt.COOK ในวันต่อไป
หลังจากออกจาก Nevis road ด้วยความสะบักสะบอมก็ยังต้องซิ่งมาต่อกันบนเขาสกี รีสอร์ต
ที่เย็นยะเยือกเล่นเอาถุงมือที่เปียกน้ำค่อยๆ แข็งตัว เพิ่มความทรมานยิ่งขึ้น
วันที่ 4 : "Queentown - Omarama - Aoraki - Mt.Cook" ระยะทาง 320.8 กม.
วันนี้เริ่มออกจากเมือง Queentown ยังเหลือเส้นทางที่ต้องเดินทางกันต่ออีกไม่น้อยเหมือนกัน น่าเสียดายที่ไม่ค่อยได้มีเวลาขื่นชมตัวเมืองมากนัก นอกจากตอนกลางคืนที่ออกมาเดินเล่นริมทะเลสาบกัน สำหรับเส้นทางในวันนี้ขี่กันออนโรดยาวๆ เป็นเส้นทางข้ามเขาต่อเนื่อง
เรามาถึง Lake Wanaka ทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของนิวซีแลนด์ ด้วยพื้นที่กว้างขวางกว่า 193 ตารางกิโลเมตร สวยงามจนได้ชื่อว่าเป็น "โมนาลิซ่าของนิวซีแลนด์" ก่อนออกเดินทางกลับไปแวะ Omarama เพื่อรับประทานอาหารกลางวันจากนั้นออกเดินทางต่อกันยาวๆ ในช่วงบ่ายที่เส้นทางค่อนข้างเรียบ ตรงยาว ดีที่ได้เสียงเพลงจากบลูทูธฟังเป็นเพื่อน นับเป็นไอเท็มสำคัญสำหรับไบค์เกอร์ที่ชอบเดินทางไกล
ในช่วงเย็นทีมจอดแวะกันที่ Lake Pukaki ที่ชาวนิวซีแลนด์ให้ชื่อว่า Million Dollar View จากความสวยงามราวกับภาพวาด ก็ได้พักถ่ายรูปสวยๆ รับวันเบาๆ ก่อนไปเจอไฮไลท์กับเส้นทางสวยอลังการสู่ Aoraki
Lake Pukaki สวยงามดั่งภาพวาดจริงๆ ความสวยงามเบื้องหน้า ทำให้ความเหนื่อยหายไป เป็นความคุ้มค่าของการเดินทางจริงๆ ช่วงสุดท้ายของการเดินทาง เป็นฟรีรันกันแบบไม่ได้นัดหมาย เพราะเป็นถนนทางเดียวสู่ที่พัก ภูเขาหิมะด้านหน้าสวยงามจนแทบไม่อยากกระพริบตา หลายคนต่างหาจุดจอดถ่ายเก็บภาพแห่งความทรงจำกัน สมาชิกทยอยไปเช็คอินที่โรงแรมเดอะเฮอร์มิเทจในช่วงเย็น เราเดินทางกันในวันนี้ทั้งหมด 320.8 กม. ช่วงค่ำเราได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศของ Mt.cook ที่รายล้อมด้วยภูเขาหิมะ หลายคนยอมทนหนาวออกมาเก็บภาพทางช้างเผือกในช่วงดึก นี่คือ อีกช่วงเวลาแห่งความทรงจำที่น่าประทับใจของ Riding Passion
วันที่ 5 : "Mt.Cook - Geraldine - Christchurch" ระยะทาง 410.2 กม.
THE NEW ZEALAND PASSION TRIP 2018 ตื่นเช้ามาก็พบกับวิวภูเขาน้ำแข็งที่มองเห็นได้จากหน้าต่างห้องนอน วันสุดท้ายนี้ผู้ร่วมทริปทุกคนดูจะตื่นตาตื่นใจกับทัศนียภาพรอบๆ ที่สวยงามแปลกตา แต่เหลือระยะทางอีก 410.2 กม. เป็นการขี่บนถนนดำล้วน นับเป็นช่วงสุดท้ายที่ทุกคนได้ดื่มด่ำกับ Passion ของการมาขี่ที่ประเทศนิวซีแลนด์
มุมมองจากหน้าต่างห้องพักของโรงแรม Hermitage ที่น่าหลงใหล Hooker Valley เส้นทางสู่แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ Kea point ขบวนแวะถ่ายรูปไม่ไกลจากที่พักก่อนเดินทางกันยาวๆ เพื่อเก็บภาพแห่งความทรงจำร่วมกัน จากนั้นมุ่งหน้าไป Lake Tekapo แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของเกาะใต้ สวยงามดุจภาพวาด และยังได้เข้าไปชมโบสถ์เก่าแก่ที่เล็กที่สุดในโลก The Church of the Good Shepherd
บริเวณทะเลสาบ Tekapo นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่มีทัวร์มาลงตลอด The Church of the Good Shepherd เด่นอยู่ทางด้านขวา โบสถ์เล็กๆ ที่พร้อมต้อนรับผู้มาเยือน หลังจากเสร็จมื้อกลางวัน เส้นทาง On Road เป็นทางตรงยาวส่วนใหญ่ ทำเอาหลายคนเริ่มง่วง ทำให้เราต้องพักขบวนกันที่ Staveley Store เป็นร้านที่ได้บรรยากาศการพักของนักเดินทางมากๆ มีลานจอดหน้าร้าน กาแฟ ของว่าง และไอศรีมพร้อมบริการ
ขบวนแวะพักกันที่ Staveley Store อันเป็นร้านท้องถิ่นที่มีเครื่องดื่มหลากหลายพร้อมบริการ ฮอนด้า แอฟริกา ทวิน โดดเด่น จนครอบครัวนี้ต้องเดินเข้ามาดูและให้เด็กๆ ลองคร่อมกันเลย เส้นทางตรงยาวเป็นส่วนใหญ่ การขี่ก็ต้องปรับอิริยาบถเป็นพักๆ หลังพักกันเสร็จก็ขี่เพื่อนำรถมาคืนกันที่ร้าน Kiwi motorcycle rental ใน Amberly ในเวลาประมาณ 18.00 น. ถือเป็นอันจบทริป THE NEW ZEALAND PASSION TRIP 2018 ลงอย่างสมบูรณ์แบบ ระยะทางทั้งหมดที่ฝ่าฝันกันมา 1,446.5 กม.
มร.อลัน นิสัยดี ขยันเซอร์วิสทันทีที่รถจอด และเริ่มงานก่อนพวกเราทุกครั้ง ขอขอบคุณ บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด ที่สร้างสรรค์ กิจกรรมดีๆ Riding Passion ให้กับลูกค้า Honda Bigbike รวมถึงให้โอกาสสื่อมวลชน รวมทั้งทีมงาน MotorBike Guru Thailand by CheckRaka.com ได้มีโอกาสร่วมเดินทางมาสัมผัสประสบการณ์ดีๆ ในการเดินทางครั้งนี้
กิจกรรม THE NEW ZEALAND PASSION TRIP 2018 จบลงอย่างสวยงาม ท่ามกลางความประทับใจของสมาชิกทุกคน เวลาแห่งความสุขเดินเร็วเสมอ พระเอกของงานอย่าง ฮอนด้า
CRF1000L "Africa Twin" และ NC750X ทำให้การเข้าถึงความสวยงามของธรรมชาติเป็นไปได้ง่ายกว่าที่จินตนาการ ด้วยสมรรถนะรถที่ตอบสนองได้อย่างสมบูรณ์แบบครบถ้วน โดยเฉพาะ แอฟริกา ทวิน ลุยได้จนทำให้หลายคนมั่นใจว่านี่คือ แอดเวนเจอร์ ไบค์ ตัวจริงอย่างไม่ต้องสงสัย สำหรับ
Riding Passion ปี 2 ในปี 2019 - 2020 จะกลับมามอบความท้าทายให้กับผู้ใช้รถมอเตอร์ไซค์ฮอนด้าอีกครั้งอย่างแน่นอน ติดตามได้จากเพจ
Honda Bigbike และติดตามความเคลื่อนไหวทางเพจ
Motorbike Guru Thailand by Checkraka.com