Kawasaki KR 150 R มอเตอร์ไซค์ 2 จังหวะตัวแรงในตำนาน
คาวาซากิ นับเป็นแบรนด์ที่เคยอยู่ระดับหัวแถวทั้งในเรื่องของมอเตอร์ไซค์ที่แรงและเป็นที่นิยมมากในอดีต หากย้อนหลังไปประมาณ 15 - 20 ปี ในประเทศไทยเคยมีการจำหน่ายรถมอเตอร์ไซค์ที่ใช้เครื่องยนต์ 2 จังหวะ สายแว้นยุค 80-90 คงคุ้นเคย และหนึ่งในรุ่นที่โด่งดังมากนั่นคือ Kawasaki KR 150 R
Kawasaki KR 150
เริ่มผลิตออกจำหน่ายในช่วงปี 1989 - 2004 โดยมีรุ่นย่อยอื่นๆ ตามมาในแต่ละปีคือ KR-150 R รุ่นแรก (1989) นับเป็นรุ่นที่สร้างความฮืออามาหมู่รถขนาด 150 ซีซี ฟูลแฟริ่งในยุคนั้น แถมยังมีรูปร่างทันสมัยและคล่องตัวอีกด้วย
รายละเอียดข้อมูลทางด้านเทคนิคคร่าวๆ
- ล้อซี่ลวด ดิสก์หน้าอยู่ฝั่งซ้าย กระบอกโช้คหน้า ขนาด 33 มม.
- จานดิสก์หน้ากว้าง 26 ซม. มีรูยึดน็อต 6 รู
- ยางหน้า 90/80-17 ยางหลัง 100/80-18
- กระทะล้อหน้ากว้าง 1.6x17 นิ้ว กระทะล้อหลังกว้าง 1.85x18 นิ้ว
- กระจกมองหลังติดอยู่กับแฮนด์ ไฟเลี้ยวหน้าหลังสีส้ม
- คาร์บูเรเตอร์ Keihin PWK 28 ( K เหลี่ยม )
- ฝาครอบเครื่องสีเทาเป็นรูปใบพัด (แต่ด้านในสีเงิน)
- เสื้อสูบสีเทา พร้อมระบบ ลิ้นไอเสีย Kips 33 แรงม้า
- ปลายท่อสามารถถอดฝาตรงปลายออกได้
- สเตอร์หน้า 15 ฟัน หลัง 42 ฟัน โซ่เบอร์ 428 โซ่ยาว 124 ข้อ
- มีสติกเกอร์ Cradle BOX Frame โครงจากญี่ปุ่น (ที่คอรถจะมีสลักไว้ว่า Made in Japan)
- สวิตช์กุญแจจะมี P (Lock Park) อยู่ หลังตำแหน่งล็อกคอรถ (ถ้าเราบิดกุญแจไปตรงนี้จะทำให้ไฟเบรกรถเราติด สำหรับกันรถหลังพุ่งมาชนตอนเราจอดข้างทางช่วงกลางคืน)
KR-150 SP TURBOMAG [B1] (1991)
รายละเอียดที่ปรับปรุงเพิ่มเติมเน้นกำลังแรงม้าเครื่องยนต์เพิ่มอีก 1 ตัวและสมรรถนะในแต่ละด้านในทิ้งห่างคู่แข่งไปอีกขั้น
- ล้อแม็คสีขาว แต่ถ้ารุ่นสีดำจะเป็นล้อสีแดง ติดคำว่า TURBOMAG ตรงล้อ
- ดิสก์หน้าหลังเปลี่ยนเป็น ลายกงจักร มีคำว่า TURBOMAG ติดอยู่ตรงไฟเลี้ยวหน้า กระจกมองข้างเปลี่ยนใหม่ย้ายมาติดตรงหน้ากากรถ
- จานดิสก์หน้ากว้าง 260 มม. รูยึดน็อตลดลงเหลือ 5 รู
- กระทะล้อหน้ากว้าง 1.6x17 นิ้ว กระทะล้อหลังกว้าง 1.85x18 นิ้ว เท่าเดิม
- เพิ่มแรงม้า จาก 33 เป็น 34 แรงม้า
KR-150 SP หินแตก [B2] (1992)
รายละเอียดปรับเล็กโดยเน้นความแม่นยำในการจ่ายน้ำมันมากขึ้น
- คาร์บูเรเตอร์ เปลี่ยนเป็น Keihin PE 28
- คำว่า TURBOMAG ตรงไฟเลี้ยวหน้าหายไป แต่ตรงล้อยังมีอยู่
- ล้อสีขาวทุกรุ่น กระจกมองข้างเปลี่ยนเป็นสีขาว แต่ถ้ารุ่นสีดำกระจกจะเป็นสีดำ
- เฟรมกลมเล็กที่ใช้รองเครื่องเป็นสีดำ
KR-150 SE หินแตก รุ่นพิเศษ (1992)
รายละเอียดถูกเพิ่มทั้งเปลี่ยนคาร์บูเรเตอร์ ปรับแต่งแฟริ่งและลดอุปกรณ์ที่ไม่จำเป็นออกไป
- คาร์บูเรเตอร์ ใช้ K เหลี่ยม
- กันตกไม่มี ขาตั้งคู่ไม่มี
- อกไก่สั้นลงนิดนึงเพื่อหลบคอท่อ
- เบาะโดนปาดออกเพื่อให้นั่งสบายขึ้น
- ล้อหน้าสีแดง ล้อหลังสีเหลือง เฟรมสีดำ
- มีกันสะบัด
- น้ำหนักรถจะเบากว่ารุ่นธรรมดา
KR-150 SSE [E1] (1994)
มีการเปลี่ยนคาร์บูเรเตอร์ใหม่อีกครั้ง และมีการปรับปรุงในหลายจุด เรียกว่าปรับครั้งใหญ่เลยก็ว่าได้
- คาร์บูเรเตอร์ เปลี่ยนเป็น Keihin PWL 28 ( K กลม )
- เป็นรุ่นเดียวที่มีระบบล้างวาล์วตอนสตาร์ทเครื่อง
- ล้อเปลี่ยนจาก 5 ก้าน เป็น 3 ก้าน สีขาว เพิ่มขนาดยางหน้าเป็น จาก 90/80-17 เป็น 90/90-17 ยางหลังเท่าเดิม
- กระทะล้อหน้ากว้าง 1.6x17 นิ้ว กระทะล้อหลังกว้าง 1.85x18 นิ้ว เท่าเดิม
- ทุกสีกระจกมองหลังสีขาว แต่ถ้ารุ่นสีดำกระจกมองหลังจะเป็นสีดำ
- ย้ายจานดิสก์หน้าจากด้านซ้ายมาไว้ด้านขวา ลายเดิมแต่จากวนซ้ายกลับด้านเป็นวนขวา
- เสื้อสูบเปลี่ยนใหม่ ระบบลิ้นไอเสียเปลี่ยนเป็น Super Kips เสื้อสูบสีเงิน
- เป็นรุ่นธรรมดารุ่นแรกที่มีกันสะบัด
- สวิตช์กุญแจ ตัว P ไม่มีแล้ว
- กันตกด้านหลังเปลี่ยนจากแบบเหลี่ยม เป็นกันตกแบบกลม
- เบาะถูกปาดให้สวยขึ้น นั่งง่ายขึ้น
- ขยายกล่องอากาศใหญ่ขึ้นเป็นกล่อง RIS
- ปลายท่อใหญ่ขึ้น แต่ถอดฝาตรงปลายออกไม่ได้
KRR-150 ตูดเป็ดตัวแรก [E2] (1996)
เพิ่มเติมทั้งแฟริ่งท้ายมีตูดเป็ดขึ้นมา และเป็นรุ่นที่จับเปลี่ยนชิ้นส่วนใหม่มากจนแทบจะใช้แทนกับรุ่นเดิมไม่ได้เลย
- เปลี่ยนแฟริ่งท้ายทั้งหมดมีปลายกระดกขึ้นเล็กน้อยคล้ายตูดเป็ด
- ฝาครอบไฟท้ายเปลี่ยน ตูดแบน เป็นตูดเป็ด จุดยึดไม่ตรงกัน ถ้าจะเปลี่ยนตูดต้องแปลง
- เปลี่ยนเบาะใหม่ ใส่แทนกับของเดิมไม่ได้ จุดยึดคนละแบบ
- เปลี่ยนกระเป๋าข้างให้เข้ารูปกับฝาครอบไฟท้าย
- เปลี่ยนไฟเบรกท้ายให้ใหญ่ขึ้น
- ก้านไฟเลี้ยวหลัง เปลี่ยนจาก 6 เหลี่ยมเป็นก้านไฟเลี้ยว แบบออกแนวกลมๆ หน่อย
- ไฟเลี้ยวหน้าหลัง รมดำทั้งหมด
- กันตกเปลี่ยนใหม่ให้เข้ากับรูปทรงแฟริ่งท้าย เป็นแบบกลมเหมือนเดิม แต่ทำให้คนซ้อนจับยากขึ้น
- ขยายจานดิสก์หน้าเป็น 290 มม. รูยึดน็อตลดลงเหลือ 4 รู
- จานดิสก์ทั้งหน้าหลังจากสีดำเปลี่ยนเป็นสีทอง ลายกงจักรแต่ต่างจากเดิมนิดนึง
- ยางหลังขยายจาก 100/80-18 เป็น 100/90-18
- ระบบล้างวาล์วตอนสตาร์ทเครื่องไม่มีอีกแล้ว
- ระบบลิ้นไอเสียเป็น Hi Kips
- ความกว้างกระทะล้อขยายมากขึ้น กระทะล้อหน้ากว้าง 1.85x17 นิ้ว กระทะล้อหลังกว้าง 2.15x18 นิ้ว
- บังโคลนตัวในเปลี่ยนให้เล็กลงจุดยึดต่างจากของเดิมใส่แทนกันไม่ได้ แยกส่วนกันกับบังโซ่
- สวิงอาร์มจุดยึดถูกปรับให้ตรงกันกับจุดยึดบังโคลนตัวใน
- ปั๊มเบรกหน้าถูกปรับตำแหน่ง เพื่อให้จับกับจานดิสก์หน้า 290 มม.
- กระจกมองข้างถูกเปลี่ยนใหม่ให้ใหญ่ขึ้น และเป็นสีดำทุกรุ่น
KRR-150 SE รุ่นพิเศษ ปี 97 [E3 - E4] (1997)
รายละเอียดของรุ่นนี้ปรับกำลังเครื่องยนต์เพิ่มเป็น 40 แรงม้า ให้แรงขึ้นไปอีก จากการเปลี่ยนคาร์บูเรเตอร์ (อีกแล้ว) และระบบคายไอเสียใหม่ด้วย
- เฉพาะรุ่นนี้กับ SE 98 ใช้คาร์บูเรเตอร์ Keihin PWL 30
- เพิ่มแรงม้าจาก 34 แรงม้า เป็น 40 แรงม้า วิ่งได้เร็วกว่ารุ่นธรรมดาทั่วไป
- โครงสีดำ สวิงอาร์มสีทองดามล่าง เสื้อสูบสีทอง แม็กแดงอมส้ม
- ฝาครอบเครื่องเหมือน KRR 150 แต่เป็นสีดำ
- ท่อ PDK คนละแบบกับ SE 92 ปลาย Tsukigi
- อกไก่โดนตัดนิดนึงเพื่อหลบท่อและสั้นกว่า SE 92
- สเตอร์หน้า 14 ฟัน สเตอร์หลัง 39 ฟัน
- ไม่มีขาตั้งคู่
- รายละเอียดทราบเพียงเท่านี้
KRR-150 SE รุ่นพิเศษ ปี 98 (1998)
รายละเอียดของรุ่นนี้ เน้นสีสันและความสดใส เพราะจุดอื่นๆ ได้ถูกจัดเต็มไปก่อนหน้านี้ โดยมีเพียงบางชิ้นส่วนคือกล่องไฟใหญ่ขึ้นและถอดขาตั้งคู่ทิ้งไป
KRR-150 SSR [E5] (1998)
สำหรับรุ่นนี้ ดับฝันของใครหลายคน โดนตอนแรงม้าลงไปเหลือ 30 ตัว เพื่อเหตุผลด้านมลภาวะ แต่ที่จริงน่าจะมาจากความแรงที่เกินตัวมากไป (หรือเปล่า) หรืออาจเป็นเพราะความห่วงใยจากผู้ผลิตเอง
- แรงม้าถูกตอนลงให้เหลือ 30 แรงม้า
- ฝาครอบเครื่องด้านซ้ายเหมือนของ SE 98 แต่เป็นสีเงิน
- ฝาครอบเครื่องด้านขวาเหมือนของ SE 98 แต่เป็นสีเงิน
- เครื่องสีเงิน เสื้อสูบสีเงิน
- ใกล้ๆ ปลายท่อมีแผ่นรองสีดำ
KRR-150 SSR [E6 - E7] (2001)
สำหรับรุ่นนี้ ปรับภายนอกโดยรวม และเน้นเรื่องสีสันให้ยิ่งสะดุดตาเข้าไปอีก
- ปลายท่อเป็นสองชั้น มีโครเมียมเสริม ตรงช่วงรอยต่อตัวท่อกับปลายท่อ
- เป็นรุ่นธรรมดารุ่นเดียวที่เฟรมสีดำ ฝาครอบเครื่องสีดำ เหมือน SE 98 เสื้อสูบสีทอง
- รุ่นสีเขียว ล้อแม็ก จะเป็นสีแดงอมส้ม รุ่นสีเงิน ล้อแม็กจะเป็นสีเงิน
- สวิงอาร์มสีทองไม่มีดามล่าง
KRR-150 SSR [E8] (2003)
รุ่นนี้เปลี่ยนแปลงส่วนรอบๆ เท่านั้น ปรับเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
- เครื่องเปลี่ยนกลับมาเป็นสีเงิน ฝาครอบเหมือน KR SSR E5 เสื้อสูบยังคงเป็นสีทอง
- โคมไฟเลี้ยวหน้าหลัง ถูกเปลี่ยนเป็นสีขาว
- เป็นรุ่นเดียวที่เบรกเท้า คันเกียร์ คันสตาร์ทเป็นโครเมียม
- กันตกเป็นโครเมียม อันเดียวกันกับวิกเตอร์ตูดเป็ด
- โช้กหน้าเปลี่ยนจากสีดำเป็นสีเงิน
- ล้อแม็ก มือเบรก มือคลัตช์ สีเงิน
KRR-150 SSR ตัวสุดท้าย [E10] (2004)
จุดเด่นคือกล่องดำใหญ่ๆ ตรงข้างเสื้อสูบฝั่งซ้าย แทนที่บำบัดไอเสีย
เป็นอย่างไรบ้างครับกับเจ้า KS ตัวแสบจี๊ดจ๊าด เจ้าของเสียง "แว้น" ตัวจริง แม้ความจุแค่ 150 ซีซี แต่มีความจัดจ้าน จากเครื่องยนต์ 2 จังหวะ ที่สามารถทำงานได้ครบในการหมุนแค่ 2 รอบ แต่ก็มีจุดด้อยในเรื่องมลพิษจากการใช้น้ำมันออโตลูปเติมลงไปหล่อลื่นที่เข้าไปผลสมกับการเผาไหม้ จึงปล่อยควันค่อนข้างเยอะ ด้วยเหตุนี้ รถแบบ 2 จังหวะจึงถูกระงับการจำหน่ายทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกไปโดยปริยาย
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก
www.2strokeclub.com