ขี่มอเตอร์ไซค์ ผ่านแอ่งน้ำ ควรทำอย่างไรดี?
การขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ในช่วงหน้าฝน อุปสรรคที่พบเจออยู่บ่อยๆ และหลีกเลี่ยงได้ยากก็คือ ถนนที่มีน้ำท่วมขังหรือแอ่งน้ำเล็กๆ ซึ่งจริงๆ แล้วถือว่าเป็นจุดอันตรายมากสำหรับผู้ขับขี่ และบางครั้งก็หลีกเลี่ยงไม่ได้เลย
หากจำเป็นต้องขับขี่ผ่านแอ่งน้ำหรือช่วงที่มีน้ำท่วมขัง สิ่งแรกที่ต้องปฏิบัติคือ ลดความเร็ว มองหาช่องทางหรือทางหลีกเลี่ยงอื่นๆ เปลี่ยนเลนอย่างปลอดภัย แต่ในสภาพการจราจรที่หนาแน่นและอันตรายหากเปลี่ยนช่องทางเพื่อหลบน้ำอย่างกะทันหัน อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ นอกจากนี้เราไม่อาจทราบได้ว่าแอ่งน้ำนั้นมีความลึกมาก-น้อยเพียงใด จึงต้องระมัดระวังให้มากที่สุด
มาลองดูวิธีการขับขี่ผ่านแอ่งน้ำอย่างปลอดภัยว่าทำได้อย่างไรบ้าง
1. ลดความเร็ว
การขับขี่มอเตอร์ไซค์นั้น ผู้ขับขี่ต้องมองไกลเผื่อไว้ก่อน เพื่อให้เห็นสภาพการจราจรหรือผิวถนน เพื่อความปลอดภัย ซึ่งแน่นอนว่า เราควรต้องเห็นแอ่งน้ำตั้งแต่แรกๆ เพื่อลดความเร็วลงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยอาจจะให้สัญญาณไฟกะพริบหรือไฟเลี้ยว และยกมือทำสัญญาณให้รถคันหลังเห็นยิ่งดี
2. หลีกเลี่ยง
การ "หลีกเลี่ยง" นับเป็นวิธีที่ดี เพราะไม่ต้องวิ่งผ่านน้ำ ซึ่งจะทำได้ก็ต่อเมื่อถนนโล่งและไม่มีรถด้านข้าง ด้านหลังวิ่งตามมาด้วย เมื่อมองแล้วไม่มีรถที่ตามมา ก็เลี่ยงแอ่งน้ำนั้นไปเลยดีกว่า เป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดครับ
3. ไม่เบรกเมื่อผ่านน้ำ
ถ้าจำเป็นต้องขับผ่านน้ำจริงๆ ไม่ควรเบรกในขณะวิ่งผ่าน เพราะอาจเสียหลักลื่นไถลได้ เพราะในรถบางรุ่นไม่มีระบบ ABS ช่วยป้องกันล้อล็อค และถึงแม้จะมีระบบนี้ก็ตาม การเบรกเมื่อขับผ่านน้ำยิ่งทำให้หน้ายางเกิดการต้านแรงเสียดทาน และลดความยึดเกาะถนน ซึ่งปกติการวิ่งผ่านน้ำก็จะเกิด "ฟิล์มบางๆ" ระหว่างหน้ายางและผิวน้ำอยู่แล้ว ดังนั้น ให้ขับผ่านไปด้วยความระมัดระวังและจับแฮนด์ให้กระชับมากที่สุดครับ
4. ไม่หักเลี้ยว
ในขณะขับขี่ผ่านน้ำสิ่งที่อันตรายที่สุดคือ การหักเลี้ยวไปพร้อมๆ กัน ไม่ว่าจะเลี้ยวน้อยหรือมาก ย่อมมีโอกาสลื่นไถลได้ โดยเฉพาะหากเบรกและหักเลี้ยวด้วยยิ่งอันตรายมากที่สุด หากจำเป็นต้องขับผ่านและเป็นทางโค้ง ควรตั้งหลักรถให้เป็นแนวตรงที่สุดก่อนวิ่งผ่านน้ำ นับว่าพอช่วยลดการเลี้ยวโค้งของรถได้ระดับหนึ่ง
5. ไม่เร่งเครื่อง
ไม่ควรเร่งเครื่องออกตัวอย่างรวดเร็วในขณะขับขี่ผ่านแอ่งน้ำ เพราะอาจทำให้ล้อหลังลื่นไถลหรือแฉลบออกด้านข้าง และเสียการควบคุม รวมถึงเกิดการฟรีทิ้งและเป็นสาเหตุให้รถล้มได้ง่าย
แอ่งน้ำหรือพื้นที่น้ำท่วมขังที่เรามองเห็นไม่สามารถประเมินได้ว่าจะมีสิ่งใดซ่อนอยู่ใต้น้ำ เช่น หลุม, ฝาท่อระบายน้ำ, เศษวัสดุ, คราบน้ำมันเครื่อง เป็นต้น อีกทั้งยังไม่รู้ด้วยว่าแอ่งนั้นจะลึกเท่าไหร่ ดังนั้นผู้ขับขี่ จึงควรใช้ความเร็วต่ำและประคองรถให้ทรงตัวผ่านไปได้อย่างปลอดภัย
5 วิธีนี้เป็นการช่วยลดอาการเสียหลักของการขับขี่ผ่านแอ่งน้ำหรือพื้นผิวถนนที่เปียกลื่นได้ระดับหนึ่งเท่านั้น ขึ้นอยู่กับความเร็วที่ขับขี่มาด้วย ดังนั้นไม่ว่าจะระวังหรือมีทักษะมากเพียงใด หากเจอฝนตกหรือแอ่งน้ำท่วมขังก็ควรใช้ความเร็วต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้ หรือจอดรถในจุดปลอดภัยรอฝนหยุดน่าจะดีที่สุดครับ