รีไฟแนนซ์บ้านเป็นวิธีขอลดดอกเบี้ย ลดภาระการผ่อนที่คนซื้อบ้านซื้อคอนโดทราบดีอยู่แล้วนะคะ แต่ว่าหากมีแผนจะรีไฟแนนซ์บ้านก็ไม่ใช่ว่าจะทำตอนไหนก็ได้นะคะ เช่น สัญญาส่วนใหญ่มักกำหนดว่ารีไฟแนนซ์บ้านได้เมื่อผ่อนชำระ 3 ปีขึ้นไป ทำก่อนจะมีค่าปรับ เป็นต้น ใครที่ผ่อนบ้านมานานแล้ว และอยากรีไฟแนนซ์บ้าน เพื่อลดดอกเบี้ย จะได้ตัดเงินต้นมากขึ้น วันนี้ไปเช็กเบื้องต้นกันทีละข้อแบบง่ายๆ ค่ะ ว่าหากคิด
รีไฟแนนซ์บ้าน จะเริ่มยังไงดี
✅ 1. รีไฟแนนซ์บ้านทำได้ทุก 3 ปี แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องทำทุกๆ 3 ปี
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า รีไฟแนนซ์สามารถทำได้เมื่อผ่อนชำระตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไปนะคะ อย่าลืมดูจังหวะดอกเบี้ยว่าอยู่ในช่วงขาขึ้นหรือขา และความเหมาะสมอื่นๆ ประกอบด้วยนะคะ แต่หากต้องการรีไฟแนนซ์ก่อนสัญญาที่กำหนด ต้องเสียค่าปรับประมาณ 3% ของยอดหนี้คงเหลือ
✅ 2. เช็กยอดคงเหลือว่ารีไฟแนนซ์บ้านได้หรือไม่
ส่วนใหญ่แล้วหากยอดคงเหลือมากกว่า 1 ล้านบาท ก็แนะนำให้รีไฟแนนซ์บ้านนะคะ แต่ถ้าหากยอดเหลือน้อยแล้ว ลองขอลดดอกเบี้ยจากธนาคารเดิมน่าจะช่วยประหยัดเวลา ไม่ต้องวุ่นวายกับการเตรียมเอกสาร
✅ 3. รีไฟแนนซ์บ้านไม่ได้ทำให้ดอกเบี้ยหายไป
รีไฟแนนซ์คือการกู้สินเชื่อใหม่ ในอัตราดอกเบี้ยใหม่ที่ถูกลง เพื่อช่วยลดภาระในระยะยาว
✅ 4. รีไฟแนนซ์บ้านไม่ใช่การพักชำระหนี้
หลังจากรีไฟแนนซ์บ้าน ก็ยังผ่อนชำระตามปกตินะคะ และต้องผ่อนชำระคืนให้ตรงตามเวลาเหมือนเดิม
✅ 5. ค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์บ้าน
อย่างที่ทราบกันนะคะว่ารีไฟแนนซ์บ้านคือการขอสินเชื่อใหม่ กับสถาบันการเงินแห่งใหม่ ดังนั้นก็จะมีค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่ต้องเสีย เช่น ค่าประเมินราคาสินทรัพย์, ค่าจดจำนอง ค่าภาษี, ค่าอากรแสตมป์ เป็นต้น
สรุปแล้ว ก่อนรีไฟแนนซ์บ้านต้องหาข้อมูลต่างๆ ให้ดีนะคะ ไม่ใช่แค่เรื่องดอกเบี้ย แต่การรีไฟแนนซ์ยังมีเงื่อนไขและค่าใช้จ่ายต่างๆ ไม่น้อยเลย สำหรับใครที่ไม่อยากวุ่นวายเรื่องเอกสารก็สามารถใช้
วิธีขอลดดอกเบี้ยจากธนาคารเดิม หรือ รีเทนชั่น ได้เช่นกันค่ะ แต่อัตราดอกเบี้ยใหม่ที่ได้รับอาจไม่ถูกลงมากเหมือนกับรีไฟแนนซ์ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่ความสะดวกของตัวผู้กู้อย่างเรานะคะ
ขอบคุณข้อมูล : กรุงเทพธุรกิจ, Lumpsum