มนุษย์เงินเดือนทุกคนจะมีสิทธิคุ้มครองเรื่องการรักษาพยาบาลจากประกันสังคมหรือประกันกลุ่มจากออฟฟิศกันอยู่แล้วใช่มั้ยคะ แต่หลายคนก็ต้องการความคุ้มครองที่เพิ่มมากขึ้น การเลือกซื้อประกันสุขภาพด้วยตัวเองก็ถือเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ความต้องการค่ะ แต่ว่ามนุษย์เงินเดือนควรเลือกประกันสุขภาพแบบไหนดีล่ะ ถึงจะไม่ทับซ้อนกับสิทธิที่มีอยู่แล้ว แบบไหนคุ้มที่สุดกันแน่... วันนี้ไปดูวิธีเลือกประกันสุขภาพแบบง่าย ๆ ก่อนตัดสินใจซื้อกันค่ะ
เรื่องต้องประเมินก่อนซื้อประกันสุขภาพ
ประเมินความเสี่ยงด้านสุขภาพของตนเอง
ดูประวัติสุขภาพและความเจ็บป่วยของตนเอง รวมถึงบุคคลในครอบครัวและญาติพี่น้อง เพราะโรคบางกลุ่มสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ และควรพิจารณาเรื่องโรงพยาบาลที่เรามีแนวโน้มจะได้ใช้หรือที่ใช้บริการอยู่เป็นประจำประกอบด้วย
เปรียบเทียบวงเงินการรักษาที่จะได้รับ กับวงเงินการรักษาจากสวัสดิการที่มีอยู่
ทั้งนี้ก็เพื่อหาความคุ้มครองที่ต้องการเพิ่มเติม อย่าลืมคิดครอบคลุมเมื่อลาออกจากงาน หรือในวันที่ไม่มีสวัสดิการประกันกลุ่มอีกต่อไป ก็เป็นอีกแนวทางเพื่อนำไปเลือกแบบประกันสุขภาพที่จะซื้อเพิ่มเติมได้
เกณฑ์การเลือกซื้อประกันสุขภาพ
หลักเกณฑ์เบื้องต้นในการเลือกซื้อประกันสุขภาพ ควรพิจารณาจาก "รูปแบบความคุ้มครอง" แบ่งเป็น 2 รูปแบบ คือ
1. ประกันสุขภาพแบบแยกค่ารักษา จะระบุรายการค่ารักษาพยาบาลต่าง ๆ กับวงเงินคุ้มครองสูงสุดเฉพาะรายการนั้นๆ ไว้อย่างชัดเจน เช่น ค่าห้องผ่าตัดและอุปกรณ์ในห้องผ่าตัด 7,000 บาทต่อครั้ง, ค่าตรวจวินิจฉัยทางรังสีวิทยา 5,000 บาทต่อครั้ง เป็นต้น
2. ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายตามจริง ซึ่งเราสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ตามที่จ่ายจริงภายใต้วงเงินคุ้มครองสูงสุดต่อปี เช่น วงเงินเหมาจ่าย 10 ล้านบาท แต่ไม่เกินผลประโยชน์สูงสุดต่อปี ผู้เอาประกันต้องพิจารณาว่าวงเงินคุ้มครองเหล่านี้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายต่อครั้งในการเข้ารับการรักษาพยาบาลของเราหรือไม่
และอีกประเด็นที่ต้องคำนึงก็คือ เบี้ยประกันสุขภาพจะปรับขึ้นตามอายุ โดยเฉพาะหากเป็นช่วงอายุหลังเกษียณ เบี้ยประกันค่อนข้างจะสูงมากเลยทีเดียว อัตราส่วนเบี้ยประกันเทียบกับรายได้ควรจะอยู่ที่ประมาณ 10 - 15% ของรายได้ จะได้ไม่จ่ายเบี้ยหนักจนเกินไปนะคะ
ลดหย่อนภาษีด้วยประกันสุขภาพ
ในส่วนเบี้ยประกันสุขภาพของตัวเราเองนั้น ลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริงสูงสุดไม่เกิน 25,000 บาทต่อปี และเมื่อรวมกับเบี้ยประกันชีวิตแล้วต้องไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี ส่วนเบี้ยประกันสุขภาพที่ซื้อให้พ่อแม่ ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง รวมกันสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาทต่อปี โดยมีเงื่อนไขเพิ่มเติมว่าพ่อแม่ต้องมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี จึงจะใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้นะคะ
การซื้อประกันสุขภาพเพิ่มเติมไม่ใช่เรื่องยากค่ะ แต่ก่อนตัดสินใจก็ต้องคำนึงถึงสวัสดิการที่เรามีอยู่แล้วว่าคุ้มครองพอแล้วหรือเปล่า หากซื้อเพิ่มแล้วเราสามารถรับผิดชอบค่าเบี้ยประกันที่จะต้องจ่ายได้มากน้อยแค่ไหน จะได้ไม่เสียเงินเสียเวลาไปฟรี ๆ นะคะ ไปดูข้อมูลก่อนตัดสินใจซื้อประกันสักกรมธรรม์เพิ่มเติม
คลิกเลย
ขอบคุณข้อมูล : SET, Tiscowealth