เคล็ดลับวางแผนประกันสุขภาพให้ลูกน้อย

icon 23 พ.ค. 66 icon 4,892
เคล็ดลับวางแผนประกันสุขภาพให้ลูกน้อย
คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ คงวุ่นวายไม่น้อยกับการดูแลฟูมฟักลูกน้อยที่เพิ่งเกิดมา เรียกได้ว่า มดไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม รวมถึงการสรรหาสิ่งดีๆ ให้กับลูกรักในทุกๆ เรื่อง สิ่งที่สำคัญอีกเรื่องคือการหาประกันสุขภาพให้กับลูกน้อย ส่วนใหญ่จะมีความกังวลอยู่ไม่ใช่น้อยกับโรคที่มักเกิดกับเด็กเล็กๆ ในวัยที่เขามีภูมิคุ้มกันต่ำ ร่างกายบอบบาง เข่น โรคมือ เท้า ปาก อีสุกอีใส โรคหัด โรคไข้เลือดออก โรคท้องร่วง และอื่นๆ รวมถึงอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นได้ และตระหนักได้ว่าถ้าเด็กเล็กได้เข้าโรงพยาบาลแล้ว ค่ารักษาพยาบาลค่อนข้างสูง อาจจะหมดเงินหลายหมื่นบาท หลายๆ ครอบครัวจึงรีบค้นหาประกันสุขภาพให้เจ้าตัวน้อย เพื่อเป็นตัวปกป้องความเสี่ยงด้านค่าใช้จ่ายที่อาจะเกิดขึ้น แม้ว่าเบี้ยประกันเด็กที่อายุ 0-5 ขวบนั้น จะอยู่ในเรทที่ค่อนข้างสูง แต่ก็คุ้มและเต็มใจที่จะจ่าย เพื่อเพิ่มความอุ่นใจ 

ลองจับกลุ่มโรคฮิตที่มักเกิดขึ้นในแต่ละช่วงวัยของเด็ก

  • โรคมือเท้าปาก โรคหัด โรคปอดบวมในเด็ก (ปอดอักเสบ) RSV พบเด็กเล็กอายุ 1-3 ปี 

  • โรคอุจจาระร่วง พบมากในกลุ่มเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี

  • โรคไข้เลือดออก โรคไข้หวัดใหญ่ โรคอีสุกอีใส พบมากในช่วงอายุ 7-14 ปี

ทำไมต้องทำประกันให้ลูก

  1. เพิ่มโอกาสการรักษาที่ดีและบริการที่รวดเร็วสะดวกสบายให้กับลูก เมื่อมีวงเงินประกันที่เพียงพอจะสามารถช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ตัดสินใจเลือกการรักษาที่ดีที่สุดให้กับลูกได้

  2. เด็กมีโอกาสป่วยได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่ และมีโรคเฉพาะที่เกิดกับเด็ก เช่น RSV ชัก หอบหืด ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง เฉลี่ยเริ่มต้น 3-5 หมื่นบาทต่อครั้งที่เข้ารับการรักษา ถ้าป่วยบ่อยป่วยง่าย ต้องเตรียมค่าใช้จ่ายหลักแสนเลยทีเดียวค่ะ

  3. หากลูกเคยป่วยแล้ว มาสมัครอาจถูกเลื่อนการรับสมัครทำประกัน มีโรคหรือข้อยกเว้นในประกัน ถูกเพิ่มเบี้ย หรืออาจถูกปฏิเสธการทำประกันได้ ดังนั้นให้ดีที่สุดคือทำตั้งแต่แรกเกิดและยังไม่เคยป่วยนะคะ

  4. เด็กเล็กไม่สามารถพูดหรือสื่อสารได้ การมีประกันเด็ก จะทำให้คุณพ่อคุณแม่อุ่นใจและมั่นใจทุกครั้งที่ลูกรักต้องเจ็บป่วย สามารถเริ่มวางแผนและทำประกันได้ตั้งแต่ลูกอายุ 1 เดือนขึ้นไป

เคล็ดลับเลือกประกันสุขภาพให้ลูกรัก

1. เลือกประกันที่คุ้มครองการรักษาที่ครอบคลุมผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน (IPD + OPD) 

ความคุ้มครองแบบครั้งต่อครั้ง อธิบายอย่างง่าย ๆ คือ คุณจะต้องรับภาระค่าใช้จ่ายและค่ารักษาพยาบาลส่วนเกินเอง ในกรณีที่ค่ารักษาเกินวงเงินที่บริษัทประกันภัยกำหนด

เบี้ยเด็กอายุ 1 เดือน ค่าห้อง 1,500 บาท เบี้ยเริ่มต้นได้ตั้งแต่ 23,000 บาทขึ้นไป ซึ่งครอบคลุมค่าห้อง ค่าแพทย์ ค่ารักษา ค่าผ่าตัดต่างๆ ทั้งผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัทประกันว่าจะมีเงื่อนไขรายละเอียดในแต่ละความคุ้มครองอย่างไรบ้าง

ยกตัวอย่าง ของ AIA ที่มี OPD ผู้ป่วยนอกเข้ามาอยู่ในแผนด้วย และรับประกันทารกตั้งแต่ 30 วันขึ้นไป ถ้าไม่เคลม มีเงินคืนพิเศษให้ในปีถัดไป

"คลิก" เพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม

ความคุ้มครองแบบเหมาจ่าย คือ บริษัทประกันจะเป็นผู้กำหนดวงเงินความคุ้มครองใน 1 ปีให้คุณ ดังนั้น คุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลรายครั้งเลยว่าจะเกินวงเงินหรือไม่

เบี้ยเด็กอายุ 1 เดือน  คุ้มครองเหมาจ่าย 1 ล้านบาท เบี้ยเริ่มต้นได้ตั้งแต่ 56,000 บาทขึ้นไป จนถึงหลักแสนต้นๆ

ยกตัวอย่าง ของ AZAY ที่คุ้มครองแบบเหมาจ่ายค่ารักษาสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 11 ปี 

"คลิก" เพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันอีกรูปแบบที่สามารถเลือกได้ คือ เลือกที่จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนแรกเอง ที่เหลือให้ประกันจ่ายให้ รูปแบบนี้ก็จะสามารถลดค่าเบี้ยประกันลงได้ค่อนข้างมาก ข้อดีคือทำให้ได้ประกันที่ถูกลง ข้อเสียคือคุณพ่อคุณแม่ ก็จะต้องจ่ายค่ารักษาเองก่อนในแต่ละครั้ง ถ้าเกินวงเงินความรับผิดชอบส่วนแรก ก็จะเป็นทางประกันจ่ายต่อให้ค่ะ ยกตัวอย่างของเมืองไทย

"คลิก" เพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม

2. ศึกษาเรื่องระยะเวลารอคอย คือ ระยะเวลาที่ผู้เอาประกันยังไม่สามารถเรียกร้องเงินชดเชยได้ บางคนมีโรคมาก่อนทำประกัน จึงต้องมีข้อกำหนดที่เรียกว่า “ระยะเวลารอคอย (Waiting Period)” เพื่อป้องกันการเรียกค่าสินไหมเกินจากสภาพที่เป็นมาก่อนเอาประกันภัย แต่ละบริษัทจะกำหนดระยะเวลารอคอยแตกต่างกัน ตั้งแต่ 30 - 120 วัน ขึ้นอยู่กับแผนประกันภัย

3. เปรียบเทียบแบบประกันหลายๆบริษัท อย่างน้อย 2-3 บริษัท เพื่อคัดสรรสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกรัก และให้เหมาะสมกับค่าใช้จ่ายที่ต้องการวางแผน

4. แนะนำให้เลือกจากบริษัทประกันที่มีความน่าเชื่อถือ และตรวจสอบให้มั่นใจว่าเป็นแบบประกันที่จะไม่เท หรือยกเลิกหากมีการเคลมประกันตามเงื่อนไขที่ถูกต้องแล้ว เพราะหลายครั้งจะพบว่า บริษัทประกันยกเลิกประกันของลูกค้าเพราะเคลมมากไป (คล้ายๆการทำประกันวินาศภัย เช่น ประกันรถยนต์)

เงื่อนไขเบื้องต้นอะไรบ้างที่ใช้ในการพิจารณาสำหรับเคสประกันเด็กแรกเกิดที่พ่อแม่ควรรู้ 
(ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเกณฑ์การพิจารณาของแต่ละบริษัทที่อาจแตกต่างกันออกไปนะคะ)

  1. น้ำหนักแรกเกิดต้องไม่ต่ำกว่า 2,500 กรัม และไม่คลอดก่อนกำหนด

  2. เตรียมสมุดสุขภาพเด็กให้ครบทุกหน้า เอกสารสูติบัตรและสมุดฉีดวัคซีน

  3. ยื่นทำประกันหลังอายุครบ 30 วัน

  4. ถ้าป่วยเป็น RSV ต้องเว้นไปก่อน 1 ปี ถึงจะทำประกันได้

กรณีคุณพ่อคุณแม่ทำประกันให้กับลูกแล้ว จะมีสิทธิ์เป็นเจ้าของกรมธรรม์ ซึ่งเป็นคนรับผิดชอบและสามารถตัดสินใจทั้งหมดบนประกันฉบับนั้นๆ เช่น จ่ายเบี้ย ยกเลิก เป็นต้น

สุดท้ายนี้ การเจ็บป่วยและอุบัติเหตุเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิด ดังนั้น ถ้าเรามีการวางแผนที่ดี มีการทำประกันสุขภาพไว้ อย่างน้อย คุณพ่อคุณแม่จะอุ่นใจมากขึ้น และสามารถบริหารความเสี่ยงได้ดียิ่งขึ้นค่ะ

แท็กที่เกี่ยวข้อง ประกันสุขภาพ วางแผนประกันสุขภาพ ประกันสำหรับเด็ก ประกันสุขภาพสำหรับเด็ก
Money Guru
เขียนโดย คุณป้อ (ประกันเข้าใจง่าย) Money Guru

พูดคุยกับกูรูได้ที่



เว็บไซต์นี้มีการเก็บคุกกี้เพื่อเพิ่มความพึงพอใจในการใช้งานเว็บไซต์ และช่วยให้เราปรับปรุง และนำเสนอเนื้อหาตรงตามความสนใจของท่าน ท่านสามารถดู Privacy Notice และ ดู Cookies Policy ของเราได้ ที่นี่ ทั้งนี้ ท่านจะยินยอมให้เราเก็บคุกกี้ทั้งหมด หรือให้เก็บแค่บางส่วนโดยการคลิกเลือก ตั้งค่า

ท่านสามารถเลือกให้ความยินยอมการเก็บคุกกี้เป็นเรื่องๆ ได้ที่นี่

เมื่อคุณเข้าชมเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่น checkraka เราอาจจัดเก็บ หรือดึงข้อมูลจากเบราว์เซอร์ของคุณในรูปแบบของคุกกี้ และเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายคลึง เช่น tag และ pixel (เรียกรวมกันว่า “คุกกี้”) ซึ่งมักเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้โดยตรง แต่ช่วยให้คุณใช้งานเว็บไซต์ได้ปลอดภัย และตรงตามความต้องการมากขึ้น คุณอาจไม่ยินยอมให้เราเก็บคุกกี้บางประเภทได้ โดยการคลิกตามหัวข้อข้างล่างนี้

ประเภทคุกกี้
อ่านเพิ่มเติม ที่นี่
ยินยอม / ไม่ยินยอม
คุกกี้ที่จำเป็นต้องมีเสมอ
(Strictly Necessary)
คุกกี้สำหรับการใช้งานเว็บไซต์
(Functionality)
คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและวิเคราะห์
(Performance & Analytics)
คุกกี้เพื่อการตลาด
(Marketing)