"เรื่องเงินเรื่องใหญ่" ประโยคที่ใครๆ ก็ต้องเคยได้ยิน ไม่ว่าจะเพศไหน หรืออายุเท่าไหร่ แต่จริงๆ แล้วต้องขอบอกก่อนว่าเรื่องเงินนั้นเป็นอะไรที่จำเป็นสำหรับคนทุกวัยอยู่แล้ว เพราะเราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทุกวันนี้อะไรๆ ก็ต้องใช้เงิน จนแทบจะกลายเป็นปัจจัยที่ 5 เลยก็ว่าได้ แต่ในวันนี้เราจะขอโฟกัสไปที่กลุ่มคนที่เพิ่งจะเริ่มทำงาน หรือที่เราเรียกกันว่า First Jobber ก่อนนะคะ เนื่องจากเป็นช่วงที่หลายคนเริ่มมีรายได้จากการทำงาน และกำลังวางแผนจัดสรรรายได้บางส่วนให้กลายมาเป็นเงินเก็บเอาไว้ใช้ในยามฉุกเฉินนั่นเองค่ะ
แม้ "เงินสำรองฉุกเฉิน" จะเป็นเงินที่เราเก็บเอาไว้ ไม่ได้นำออกมาใช้ในทันที แต่การเลือกวิธีการเก็บออมที่เราถูกใจนั้น นอกจากจะมีเงินก้อนไว้ใช้ในอนาคตแล้ว ยังทำให้เราได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสมกลับมาอีกด้วยค่ะ ดังนั้นในวันนี้เราจึงมี "5 ที่เก็บเงินสำรองฉุกเฉิน" มาให้ผู้อ่านได้เลือกกันตามความสะดวกของแต่ละคน หากไม่รู้จะนำเงินเก็บไปไว้ที่ไหน ลองแวะดูที่นี่ก่อนได้เลยค่ะ
1. บัญชีเงินฝากออมทรัพย์
ถ้าเราพูดถึงการฝากเงิน แน่นอนว่าตัวเลือกแรกที่ทุกคนจะต้องนึกถึงคือ "บัญชีเงินฝากออมทรัพย์" เพราะเป็นบัญชีที่เรานิยมใช้กันมากที่สุด ด้วยการใช้งานที่ง่าย สะดวกสบาย ถอนเงินมาใช้ได้ตลอดเวลา และยังเป็นช่องทางที่ทำให้เราสามารถทำธุรกรรมทางการเงินผ่านช่องทางออนไลน์ได้อีกด้วย
(ปักหมุดไว้ ชอบบัญชีไหนให้เอาปากกามาวง "บัญชีเงินฝากออนไลน์" เปิดบัญชีง่าย ให้ดอกเบี้ยสูง!) บัญชีเงินฝากออมทรัพย์จึงเป็นทางเลือกที่เซฟที่สุด แม้ว่าดอกเบี้ยที่ได้รับอาจจะไม่เยอะมาก แต่ก็ยังคงได้ดอกเบี้ยอย่างสม่ำเสมอ
2. บัญชีเงินฝากประจำ
การฝากเงินไว้ในบัญชีเงินฝากประจำถือว่าเป็นวิธีที่ดี มีผลตอบแทนสูงกว่าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์เล็กน้อย ด้วยลักษณะของบัญชีที่มีการกำหนดให้เราต้องฝากเงินตามระยะเวลาที่เลือกโดยไม่สามารถถอนออกมาใช้ได้ (หากถอนก่อนกำหนด ได้ดอกเบี้ยน้อยลงไม่รู้ด้วยนะ) จึงเปรียบเสมือนการฝึกนิสัยการออมเงินอย่างสม่ำเสมอทุกเดือน โดยในปัจจุบันนี้ก็มีบัญชีเงินฝากประจำจากหลายธนาคารให้เลือกตามความต้องการของแต่ละคน แถมบางธนาคารยังมีบัญชีเงินฝากประจำปลอดภาษีให้เราได้เลือกฝากเงินเก็บแบบไม่เสียภาษีดอกเบี้ยอีกด้วย
(เงินฝากปลอดภาษี (24 เดือน) ที่ไหน...ดอกเบี้ยสูง ดูได้ที่นี่)
3. สลากออมทรัพย์
สำหรับสายลุ้นรางวัล หากออมเงินผ่านสลากออมทรัพย์ นอกจากเราจะได้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ยแล้ว ยังมีโอกาสได้ลุ้นรางวัลอีกด้วย ดังนั้นการซื้อสลากออมทรัพย์จึงเป็นช่องทางในการออมเงินที่เหมือนกับได้โบนัส 2 ต่อเลยทีเดียว ถึงตอนนี้ธนาคารที่เปิดให้ซื้อสลากออมทรัพย์จะยังมีไม่มาก แต่ขอบอกเลยว่าเงินรางวัลก็จัดเต็มไม่แพ้กันเลยค่ะ และแน่นอนว่าในยุคที่ทุกอย่างถูกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีเช่นนี้ เราก็สามารถซื้อสลากออมทรัพย์เก็บไว้ในรูปแบบดิจิทัลได้ด้วยเช่นกันนะคะ
4. กองทุนรวม
ถ้าใครคิดว่าการฝากเงินไว้ในบัญชีธนาคาร หรือสลากออมทรัพย์ยังให้ผลตอบแทนที่ไม่มากพอ การนำเงินไปลงทุนกับกองทุนรวมก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะเป็นวิธีที่สามารถต่อยอดเงินเก็บของเราให้งอกเงยได้ อีกทั้งยังสามารถเลือกกองทุนได้ตามความสนใจ แต่พอพูดถึงการลงทุนแล้ว หลายคนคงคิดว่าเป็นวิธีที่ยุ่งยากใช่ไหมคะ แต่จริงๆ แล้วเงินที่เรานำไปลงทุนในกองทุนรวมนั้นนับว่าเป็นเงินที่มีสภาพคล่องสูง เพียงขายหน่วยลงทุน รอไม่นานก็ได้รับเงินคืน และสามารถถอนไปใช้ได้แล้วค่ะ ส่วนเงินในกองทุนของเราก็ไม่ต้องเป็นกังวลไปนะคะ เพราะมีผู้จัดการกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญสูงคอยดูแลให้อยู่ สบายหายห่วงแน่นอน
5. การลงทุนรูปแบบอื่นๆ
นอกจากการลงทุนในกองทุนรวมแล้ว ยังมีการลงทุนในรูปแบบอื่นๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสินทรัพย์ส่วนตัว ของสะสม ไปจนถึงของที่มีมูลค่าสูงอย่างทองคำ หรือความเสี่ยงสูงอย่างหุ้น ซึ่งเป็นการลงทุนที่ท้าทายขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง เพราะตัวผู้ลงทุนเองต้องมีความรู้ และความเข้าใจมากพอสมควร เพื่อการวางแผนลงทุนที่เหมาะสมกับแต่ละโอกาส ดังนั้นสิ่งที่ควรทำเมื่อต้องการลงทุนลักษณะนี้คือการศึกษาข้อมูลให้ละเอียด แม้สินทรัพย์ชิ้นนั้นๆ จะมีโอกาสได้กำไรสูง ถ้าไม่ทำความเข้าใจให้ดี ความเสี่ยงที่จะขาดทุนก็สูงเช่นกันค่ะ
ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ว่าเราจะเลือกวิธีไหนในการออมเงินเก็บสำรองฉุกเฉิน สิ่งสำคัญสิ่งเดียวที่อยากให้ทุกคนคำนึงถึงเป็นอันดับแรกคือ "วินัยในการออมที่ดี" ควบคู่ไปกับวิธีการออมที่เหมาะสม เพื่อเงินเก็บก้อนโต รอวันที่จะถูกนำไปใช้ในยามที่เราคับขันค่ะ