มีเงินเก็บอยากสะสม จะเก็บเป็นเงิน หรือออมเป็นทอง อันไหนดีกว่ากัน? ข้อดี-ข้อเสียมีอะไรบ้าง
ทำงานมานาน ... เงินเก็บก็ฝากธนาคารมาเรื่อยๆ พอมาเจอวิกฤตโควิด-19 เท่านั้นแหละ ไหนจะถูกลดเงินเดือน ค่าใช้จ่ายต่างๆ ก็ยังคงเดิม ทั้งผ่อนบ้าน ผ่อนรถ จิปาถะ บางบริษัทถึงกับเลิกจ้าง มนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆ ก็โอดโอยไปตามๆ กัน ยิ่งพอมานั่งนึกถึงเงินเก็บที่มีน้อยนิด จะพอหรือไม่พอก็ยังไม่แน่ใจ แต่พอมาเจอราคาทองที่พุ่งทยานขึ้นไปแตะ 25,000++ อยากจะเอาทองที่มีมาขายเสียจริงๆ แต่ก็มีเพียงน้อยนิดเท่านั้น เลยมาฉุกคิดว่าสำหรับคนทำงานอย่างเราๆ เงินเก็บที่มีจะเก็บเป็นเงิน หรือออมเป็นทอง แบบไหนจะดีกว่ากัน และแต่ละแบบมันมีข้อดี ข้อเสียยังไงบ้างนะ
ถ้าพูดถึงการออมเงินไว้กับธนาคาร ในปัจจุบันมีรูปแบบการฝากเงินที่หลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นบัญชีเงินฝากประจำ บัญชีเงินฝากปลอดภาษี บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ทั่วไป บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ดอกเบี้ยพิเศษ (รวมถึง
การเปิดบัญชีเงินฝากผ่าน Application ของธนาคาร ดูบทความได้ที่นี่) ที่ถึงแม้แต่ละประเภทบัญชีจะมีความคล่องตัวของการเบิกถอน และเงื่อนไขในการรับฝากเงินต่างกัน ทั้งวงเงินเปิดบัญชีขั้นต่ำ ระยะเวลาฝาก หรือระยะเวลาที่สามารถถอนเงินได้ หลายคนมักชอบออมเงินกับธนาคาร คือ มีความเชื่อมั่นว่าเป็นการเก็บออมที่มีความเสี่ยงต่ำมาก ถ้ามีความจำเป็นต้องใช้เงินก็สามารถเบิกถอนออกมาได้ และมั่นใจว่าเงินต้นที่ฝากไว้ จะยังอยู่ครบแน่นอน
และสำหรับใครที่มีเงินฝากธนาคาร ตอนนี้ครม. มีมติแล้วให้ขยายระยะเวลาบังคับใช้วงเงินคุ้มครองเงินฝาก จำนวน 5 ล้านบาท จากเดิมถึงวันที่ 10 สิงหาคม 2563 ขยายระยะเวลาถึงวันที่ 10 สิงหาคม 2564 ก็ยิ่งทำให้ผู้ออมอุ่นใจยิ่งขึ้น
ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยในเรื่องของมูลค่า เห็นได้จากเมื่อเกิดวิกฤตต่างๆ ที่ถึงแม้เงินจะเฟ้อค่าของเงินลดลง อย่างเช่น วิกฤตค่าเงินในเวเนซูเอล่า ที่เงินเปรียบเสมือนกระดาษทิ้งกันเกลื่อนเมือง แต่ค่าของทองคำยังคงปรับตามราคากลาง ดังนั้นหากใครที่คิดจะซื้อทองคำเก็บสะสมไว้ ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย โดยในที่นี้เราจะขอแยก "การออมเป็นทอง" ออกเป็น 2 รูปแบบ คือการซื้อทองคำมาเก็บไว้ และการออมทองที่เป็นโปรแกรมการออมกับบริษัท เช่น ฮั่วเซ่งเฮง ออสสิริส จีแคป เป็นต้น โดยแต่ละแบบจะมีความน่าสนใจยังไง และมีข้อดี-ข้อเสียอะไรบ้าง มาติดตามไปพร้อมกันเลยค่ะ
การซื้อทองคำมาเก็บไว้
การซื้อทองเพื่อเก็บเป็นทรัพย์สิน ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล สำหรับคนที่ต้องการใช้เป็นเครื่องประดับ และสามารถเก็บเป็นทรัพย์สินได้ด้วย ก็เหมาะที่จะซื้อเป็นทองรูปพรรณ ส่วนใครที่ต้องการซื้อเพื่อเก็งกำไรก็เหมาะที่จะซื้อเป็นทองคำแท่ง เพราะนอกจากจะไม่ต้องเสียค่ากำเหน็จตอนซื้อ (แต่อาจมีค่าบล็อคซึ่งราคาถูกกว่าค่ากำเหน็จ) และตอนขายคืนยังไม่ถูกหักเปอร์เซ็นต์เหมือนการขายทองแบบรูปพรรณอีกด้วยค่ะ (
ราคาทองคำขึ้นลง ขึ้นกับปัจจัยอะไรบ้าง ดูได้ที่นี่)
การออมทอง
สำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆ ที่มีเงินเก็บไม่มากนัก อยากจะสะสมทองคำ เดี๋ยวนี้ก็สามารถทำได้ง่ายๆ ในรูปแบบของ "การออมทอง" กับบริษัทผู้ให้บริการค่ะ ซึ่งวิธีนี้มีเงินเพียงหลักพันก็สามารถเป็นเจ้าของทองคำได้ และเราสามารถสะสมไปได้เรื่อยๆ แบบเดียวกับการ DCA หุ้นเลยค่ะ โดยวิธีนี้ เราสามารถกำหนดความถี่ในการออมได้ ซึ่งก็อาจจะเป็นการซื้อทั้งในช่วงที่ราคาทองขึ้น หรือราคาทองลง แต่เมื่อถัวเฉลี่ยแล้วราคาที่เราซื้อก็จะเป็นราคาแบบกลางๆ และถ้าถามว่าเราจะได้กำไรจากตรงไหน หากเราถือในระยะยาวพอ ในช่วงที่เงินเฟ้อก็จะเป็นปัจจัยที่หนุนให้ราคาทองสูงขึ้น และเราก็จะได้ผลตอบแทนที่เป็นบวกได้ค่ะ การออมทองแบบนี้สามารถทำได้โดย เปิดบัญชีกับบริษัทที่รับบริการออมทอง เช่น www.huasengheng.com , www.ausiris.co.th หรือ www.gcap.co.th เป็นต้น
การออมในแต่ละแบบข้างต้นจะตอบโจทย์ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ไม่ว่าจะเป็นการเก็บออมในรูปแบบไหน ขอเพียงเรามีวินัย ไม่ว่าจะได้กำไรในรูปแบบของดอกเบี้ย หรือกำไรในรูปแบบของเงินส่วนต่างราคา ทุกอย่างต้องอาศัยระยะเวลารอคอยทั้งสิ้น เช่น การฝากเงินไว้กับธนาคารถ้าอยากได้ดอกเบี้ยสูง ก็ต้องเลือกฝากเงินระยะเวลายาวหน่อย ส่วนการออมทองถ้าอยากได้กำไรเยอะๆ ก็ต้องอาศัยจังหวะ และระยะเวลารอคอย รวมถึงปัจจัยต่างๆ ที่จะทำให้ราคาทองขึ้นหรือลงไปในทิศทางที่เราอยากให้เป็น ดังนั้นหากเราสะดวกและมั่นใจกับวิธีการออมแบบไหน ก็ขอให้เลือกแบบนั้น และมุ่งมั่น ตั้งใจ กำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน เชื่อแน่ว่าทุกคนจะสามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้อย่างแน่นอนค่ะ :)