ประเภทบัตร | จุดเด่น | จุดด้อย |
บัตรเดบิตทั่วไป (Debit Card) | 1. สามารถกดเงินจากบัญชีของเราเป็นเงินสกุลของประเทศนั้นๆ ได้เลย แต่เราต้องมีเงินในบัญชีเพียงพอตามจำนวนที่จะกด 2. ช่วยให้เราควบคุม Budget ได้ เพราะจะสามารถใช้ได้เฉพาะเงินที่มีอยู่ในบัญชีเท่านั้น 3.สามารถใช้รูดซื้อสินค้าได้เช่นเดียวกับบัตรเครดิต แต่จะตัดเงินจากบัญชีของเราเลย 4. การใช้บัตรเดบิต ช่วยลดความเสี่ยงเรื่องการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินที่ผันผวนและไม่ต้องเสี่ยงกับการขาดทุน หากเงินที่แลกไปแล้วใช้ไม่หมด และต้องมาแลกคืน 5. ไม่ต้องกังวลเรื่องเหลือเงินเป็นเศษเหรียญกลับมา แล้วจะแลกเงินกลับคืนไม่ได้ | 1. กรณีกดเป็นเงินสดออกมาใช้จ่าย จะมีค่าธรรมเนียม ดังนี้ 1.1 ต้องจ่ายค่าความเสี่ยงในการเปลี่ยนแปลงสกุลเงินไม่เกินร้อยละ 2.5 จากยอดค่าใช้จ่ายที่เราใช้ไป 1.2 ค่าธรรมเนียมการกดเงินจากตู้ ATM ประมาณ 75 - 100 บาท แล้วแต่ธนาคาร 1.3 อาจมีค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับธนาคารเจ้าของเครื่อง ATM แต่ละประเทศ 2. กรณีใช้บัตรรูดซื้อสินค้า 2.1 ถ้าจ่ายเป็นเงินบาท ต้องจ่ายอัตราแลกเปลี่ยน 2 ต่อ เช่น หากเราใช้บัตรเดบิตที่ออกโดยธนาคารในไทย ไปรูดซื้อของเป็นเงิน JPY ธนาคารจะแปลงสกุลเงิน ดังนี้ JPY>>USD และ USD>>THB 2.2 ต้องจ่ายค่าความเสี่ยงในการเปลี่ยนแปลงสกุลเงินไม่เกินร้อยละ 2.5 จากยอดค่าใช้จ่ายที่เราใช้ไป 3. ต้องสำรองเงินไว้ให้เพียงพอต่อการใช้จ่ายตลอดทริป 4. ถ้ารูดผิดการ VOID คืนจะลำบากกว่าบัตรเครดิต |
บัตรเครดิต (Credit Card) | 1.เป็นการใช้จ่ายจากวงเงินที่ธนาคาร หรือบริษัทบัตรเครดิตให้ โดยไม่ต้องสำรองเงินของตัวเองไว้ในบัตร 2.ได้รับสิทธิประโยชน์ของบัตรเครดิตที่แฝงอยู่ เช่น คะแนนสะสม 3.มีสิทธิประโยชน์ได้รับการคุ้มครองประกันภัยการเดินทางฟรี 4.ไม่ต้องกังวลเรื่องเหลือเงินเป็นเศษเหรียญกลับมา แล้วจะแลกเงินกลับคืนไม่ได้ | 1. กรณีกดเงินสดออกมาใช้จ่าย สำหรับบัตรเครดิต จะต้องเสียค่าธรรมเนียมต่างๆ ดังนี้ค่ะ 1.1 ต้องจ่ายค่าความเสี่ยงในการเปลี่ยนแปลงสกุลเงินไม่เกินร้อยละ 2.5 จากยอดค่าใช้จ่ายที่เราใช้ไป 1.2 ค่าธรรมเนียมในการกดเงินสดจากบัตรเครดิต 3% และบวก VAT อีก 7% ของยอดที่เรากดออกมา 1.3 อัตราดอกเบี้ยของบัตรเครดิตสูงสุด 18% ต่อปี โดยธนาคารจะคิดดอกเบี้ยเป็นรายวัน เริ่มจากวันที่กดเงินออกมา จนกว่าเราจะชำระครบตามยอด 1.4 ค่าธรรมเนียมการกดเงินที่ตู้ ATM อีก 100 บาท เช่นเดียวกับการกดเงินด้วยบัตรเดบิต 2. กรณีใช้บัตรรูดซื้อสินค้า 2.1 ถ้าจ่ายเป็นเงินบาท ต้องจ่ายอัตราแลกเปลี่ยน 2 ต่อ เช่น หากเราใช้บัตรเครดิตที่ออกโดยธนาคารในไทย ไปรูดซื้อของเป็นเงิน JPY ธนาคารจะแปลงสกุลเงิน ดังนี้ JPY>>USD และ USD>>THB 2.2 ต้องจ่ายค่าความเสี่ยงในการเปลี่ยนแปลงสกุลเงินไม่เกินร้อยละ 2.5 จากยอดค่าใช้จ่ายที่เราใช้ไป 3.ต้องคอยระวังการใช้จ่ายที่เกินตัว ช้อปเพลินจนลืมไปว่ากลับมาต้องจ่ายยอดหนี้ทั้งหมดด้วย |
การคำนวณยอดที่ต้องชำระ รวมค่าธรรมเนียม กรณีใช้บัตรเดบิต และบัตรเครดิตกดเงินสด | |
กรณีกดเงินสดจากบัตรเดบิต | กรณีกดเงินสดจากบัตรเครดิต |
1. จากยอดที่ Convert ออกมาในภาพข้างต้น เป็นค่าที่คำนวณรวมค่าความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสกุลเงินแล้ว [1,000 SGD = 22,769.69 THB] 2. บวกค่าธรรมเนียมจากการกดเงินสดผ่านบัตรเดบิตที่ตู้ ATM ที่ต่างประเทศที่ธนาคารจะเรียกเก็บ ในที่นี้ขอยกตัวอย่าง 100 บาทค่ะ ดังนั้น รวมยอดที่จะหักจากบัญชีกรณีที่กดเงินสด 1,000 SGD ผ่านบัตรเดบิต คือ [22,769.69 + 100 = 22,869.69 บาท] | 1. จากยอดที่ Convert ออกมาในภาพข้างต้น เป็นค่าที่คำนวณรวมค่าความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสกุลเงินแล้ว [1,000 SGD = 22,769.69 THB] 2. สำหรับการกดเงินจากบัตรเครดิต นอกจากค่าธรรมเนียมการกดเงิน 3% แล้ว ยังต้องบวก VAT อีก 7% คิดเป็น ค่าธรรมเนียม 3% [22,769.69 x 3% = 683.09 บาท] บวก VAT อีก 7 % [(22,769.69 + 683.09 = 23,452.78) x 7% = 1,641.69 บาท] รวมเป็นยอดทั้งสิ้นสำหรับค่าธรรมเนียมในส่วนนี้ [23,452.78 + 1,641.69 = 25,094.47 บาท] 3. บวกอัตราดอกเบี้ยจากบัตรเครดิต ในที่นี้คิดที่ 18% ต่อปี และระยะเวลาการชำระคืนที่ 20 วันนะคะ คิดเป็นต้องเสียดอกเบี้ย เท่ากับ [(25,094.47 x 18%) x 20/365 = 247.51 บาท] รวมเป็นยอดที่รวมค่าธรรมเนียมและดอกเบี้ยในส่วนนี้แล้วทั้งสิ้น [25,094.47 + 247.51 = 25,341.98 บาท] 4. บวกด้วยค่าธรรมเนียมการกดเงินจากบัตรเครดิตที่ตู้ ATM ที่ต่างประเทศที่ธนาคารจะเรียกเก็บเราอีกประมาณ100 บาท ก็บวกเพิ่มเข้าไปจากยอดที่เราคำนวณได้เลยค่ะ [25,341.98 + 100 = 25,441.98 บาท] |
ส่วนต่างจากการกดเงินสด ผ่านบัตรเดบิต และบัตรเครดิตที่ตู้ ATM ที่ต่างประเทศ [25,441.98 - 22,869.69 = 2,472.29 บาท] |
เมื่อคุณเข้าชมเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่น checkraka เราอาจจัดเก็บ หรือดึงข้อมูลจากเบราว์เซอร์ของคุณในรูปแบบของคุกกี้ และเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายคลึง เช่น tag และ pixel (เรียกรวมกันว่า “คุกกี้”) ซึ่งมักเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้โดยตรง แต่ช่วยให้คุณใช้งานเว็บไซต์ได้ปลอดภัย และตรงตามความต้องการมากขึ้น คุณอาจไม่ยินยอมให้เราเก็บคุกกี้บางประเภทได้ โดยการคลิกตามหัวข้อข้างล่างนี้
ประเภทคุกกี้ อ่านเพิ่มเติม ที่นี่ |
ยินยอม / ไม่ยินยอม |
---|---|
คุกกี้ที่จำเป็นต้องมีเสมอ (Strictly Necessary) |
|
คุกกี้สำหรับการใช้งานเว็บไซต์ (Functionality) |
|
คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและวิเคราะห์ (Performance & Analytics) |
|
คุกกี้เพื่อการตลาด (Marketing) |