6 เทคนิค "แลกเงินไปเที่ยวต่างประเทศ" ให้ได้เยอะๆ โดยที่ไม่ต้องจ่ายแพงๆ
ถ้าพูดเรื่องจัดทริป วางแพลนไปเที่ยวต่างประเทศ นอกจากเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือ Pocket Money ยิ่งเมื่อต้องเดินทางท่องเที่ยวที่ไกลๆ สำหรับบางคนอาจอยากแลกเงินไปเผื่อฉุกเฉิน หรือเผื่อเจอของถูกใจ จะได้ช้อปได้แบบสบายๆ ไม่ต้องกังวลว่าเงินจะไม่พอตลอดทริปหรือเปล่า วันนี้...เรามี 6 เทคนิคง่ายๆ ที่จะทำให้ทุกคนมี Pocket Money เต็มกระเป๋าตุง ไว้ไปเที่ยวอย่างสบายใจมาฝากครับ
1. แลกใน "เวลา" ที่เหมาะ สำคัญกว่า "แลกที่ไหน"
คนส่วนใหญ่เวลาจะไปต่างประเทศ จะตั้งคำถามว่าจะแลกเปลี่ยนเงินที่ไหนดี แต่ไม่ค่อยตั้งคำถามว่าจะแลกเงินเมื่อไหร่ดี หลักๆ คือ เราควรแลกในจังหวะที่อัตราแลกเปลี่ยนของประเทศที่ไป กับเงินบาท (Selling Rate) ต่ำที่สุด ซึ่งในทางปฏิบัติ เราไม่สามารถไปนั่งติดตามได้ตลอดเวลา ดังนั้น เมื่อเรามั่นใจว่าจะไปเที่ยว จองโรงแรม และจองตั๋วครื่องบินเรียบร้อยแล้ว เราสามารถใช้ App เช่น XE Currency ให้ Alert เราได้เวลาอัตราแลกเปลี่ยนประเทศที่เราอยากได้ต่ำลง จากนั้นก็แลกเลย หรือถ้าเราคิดว่าอัตราแลกเปลี่ยนจะดีกว่าเดิมอีก ก็ทยอยแลกไปเรื่อยๆ ก็ได้ครับ
2. อย่าแลกช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์
ช่วงวันเสาร์-อาทิตย์สุดสัปดาห์ ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (Forex Market) จะหยุด และหากเรามาแลกช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เราจะได้อัตราแลกเปลี่ยนตอนปิดตลาด ณ วันศุกร์ ซึ่งจะเกิดความเสี่ยงสำหรับร้านรับแลกเปลี่ยนเงินได้ คือ ถ้าลูกค้ามาแลกวันเสาร์ แล้วเปิดวันจันทร์มา อัตราแลกเปลี่ยนผันผวนทำให้ร้านรับแลกเปลี่ยนขาดทุน ดังนั้นบางร้านรับแลกเปลี่ยนเงินจึงมีการบวกส่วนต่าง (Mark-up) เข้าไปนิดนึงเพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงของทางร้านเองไม่ให้ขาดทุน ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ข้อแนะนำคือ ให้แลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในช่วงวันที่ไม่ใช่วันหยุดเสาร์-อาทิตย์
3. แลกกับร้านที่ลูกค้าเยอะๆ มีเงินเข้าออกเยอะๆ
มี 3 เหตุผลหลักๆ คือ
- ถ้าร้านรับแลกเปลี่ยนมีลูกค้าเข้าออกตลอด (Volume) ก็จะมีเงินเข้าออก และมีกำไรจากจำนวน Volume ที่เยอะๆ และดังนั้น ร้านเหล่านั้น ก็ไม่ต้องหาทางโขกเอากำไรโดยการคิดส่วนต่าง (Spread) ที่มากนัก
- ถ้าร้านรับแลกเปลี่ยน มีทั้งคนไทยมาซื้อเงินต่างประเทศ (Outbound) และนักท่องเที่ยวต่างชาติมาขายเงินต่างประเทศ (Inbound) ร้านจะมีสภาพคล่อง เข้า-ออกสูงทั้งขาเงินบาทและเงินต่างประเทศ จะทำให้มีโอกาสได้อัตราแลกเปลี่ยนที่โอเค และมีโอกาสที่เราจะได้เงินต่างประเทศในจำนวนที่ครบตามที่เราต้องการได้
- ถ้าย่านนั้นมีร้านรับแลกเงินหลายร้าน แต่ละร้านก็ต้องแข่งกันเอง เช่น ราชดำริ มีทั้ง Superrich Green, Superrich Orange ซึ่งถ้าร้านรับแลกเปลี่ยนแข่งกันเยอะๆ สุดท้ายคนที่ได้ประโยชน์คือพวกเรานั่นเอง
4. แลกเปลี่ยนเงินเท่าที่จำเป็น
ประเทศบางประเทศเราอาจไม่ได้ไปอีกเลย หรือเงินตราเค้าอาจมีความผันผวน หรือไม่ค่อยมีใครอยากรับแลก (Non-Liquidity) ถ้าเราแลกไปเยอะเกินไป อาจเหลือกลับมา หรือที่บางคนเป็นกันบ่อยคือ เอาเงินที่เหลือๆ ใช้ซื้อของที่สนามบิน ซึ่งบางอย่างก็ไม่ใช่ของจำเป็นเอาซะเลย ข้อแนะนำในเรื่องนี้คือ แลกเท่าที่จำเป็น หรือแลกเงินสกุลใหญ่ๆ ของโลก เช่น US หรือ EU ติดตัวไปด้วย เผื่อเวลาเงินในประเทศที่เราไปเที่ยวไม่พอ ก็เอาเงิน US หรือ EU แลกเพิ่มที่นั่นเลย ซึ่งถ้าเหลือเงิน US หรือ EU กลับมา ก็จะแลกคืนง่ายกว่า หรือก็พอจะเก็บเป็นเงินสดไว้ใช้ต่อทริปหน้าได้
5. ใช้บัตร Debit เป็นทางเลือก
ปกติการใช้บัตรเครดิตในต่างประเทศ ต้องเสีย Hidden Costs 2 อย่าง คือ
(ก). ค่าความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงินที่บัตรเครดิตทั่วๆ ไปชาร์จเราประมาณ 2.00 - 2.50% แล้วแต่ธนาคาร (
ดูอัตราของแต่ละธนาคารได้ที่นี่)
(ข). ถ้าเราไปเที่ยวประเทศที่ไม่ใช่ USA เราจะโดนชาร์จอัตราแลกเปลี่ยน 2 ต่อ เช่น ถ้าเราไปเกาหลี และรูดบัตรเครดิตที่เกาหลี ทาง Visa หรือ Mastercard จะแปลงเงินเกาหลีนั้นเป็น US ก่อน แล้วจาก US ค่อยแปลงเป็นเงินบาท
ดังนั้น บางทีการมีบัตรที่สามารถใช้จ่ายในต่างประเทศได้โดยไม่ต้องเสีย Hidden Costs พวกนี้ ก็เป็นทางเลือกที่ดีไม่น้อย ซึ่งปัจจุบันก็มีบางธนาคารที่มีบัตรเดบิต (ไม่ใช่บัตรเครดิต) ที่สามารถแลกเงินตราต่างประเทศแบบ Online ได้เลยเวลาอยู่เมืองนอก (แต่เราต้องมีเงินไทยรองรับในบัญชีด้วย) เช่น TMB All Free และ KTB Travel Card ซึ่งบางทีอัตราแลกเปลี่ยนบางประเทศ ณ ขณะหนึ่งๆ อาจดีกว่าอัตราแลกเปลี่ยนของร้านแลกเงินดังๆ ด้วยซ้ำ ดูตัวอย่าง
การแลกเปลี่ยนเงินสกุลฮ่องกงดอลลาร์ และ
การแลกเปลี่ยนเงินสกุลเยนญี่ปุ่น 6. เช็คอัตราแลกเปลี่ยนไปล่วงหน้าจากหลายๆ ที่ทาง Online
เดี๋ยวนี้การหาอัตราแลกเปลี่ยนของร้านแลกเงินดังๆ แต่ละร้าน (ซึ่งส่วนใหญ่จะมีอัตราแลกเปลี่ยนที่ดีกว่าธนาคารพาณิชย์) สามารถทำได้ง่ายๆ จากบ้าน ทาง Online ผ่านเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชัน โดยอัตราพวกนี้จะค่อนข้าง Real time ด้วย ซึ่งหมายความว่าเราสามารถเช็คอัตราแลกเปลี่ยนพวกนี้ และเลือกได้เลยว่าเราจะไปแลกจริงๆ ที่ร้านไหน ซึ่งร้านดังๆ พวกนี้สามารถดูได้จากเว็บไซต์ หรือ App ต่อไปนี้ครับ
สำหรับเทคนิคง่ายๆ เหล่านี้ จะสามารถช่วยให้เราประหยัดเงินสำหรับทริปท่องเที่ยวของเราได้อย่างแน่นอนครับ แค่เราวางแพลนล่วงหน้า และหมั่นคอยเช็คอัตราแลกเปลี่ยนอยู่เสมอๆ รวมถึงมีตัวช่วยที่ดี ก็จะทำให้เราสามารถแลกเงินไปเที่ยวต่างประเทศได้เยอะๆ โดยที่ไม่ต้องจ่ายแพงๆ นะครับ :)