เมื่อใช้บริการช่องทางอิเล็กทรอนิกส์แล้ว...ฝากเงินไม่เข้า ถอนเงินไม่ออก โอนเงินผิด โอนเงินไม่ไป ทำยังไงดี?
หลายๆ คนที่ชอบความสะดวกของการใช้บริการทำธุรกรรมการเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ของธนาคาร คงต้องเคยเจอปัญหาเหล่านี้มาบ้างนะคะ ไม่ว่าจะเป็นถอนเงินแล้วเงินไม่ออก, ฝากเงินแล้วเงินไม่เข้าบัญชี, โอนเงินผิดบัญชี, โอนยอดเงินผิด, โอนเงินแล้วเงินไม่เข้าบัญชี ซึ่งพอเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับตัวเรา บางทีเราก็จะตกใจ และไม่รู้ว่าต้องแก้ปัญหาอย่างไรดี วันนี้ เราจะมาหาคำตอบเรื่องการแก้ปัญหาเหล่านี้กันค่ะ
ฝากไม่เข้า, ถอนไม่ออก, โอนไม่ไป ทำยังไงดี?
เมื่อเกิดปัญหาแบบนี้จากการใช้บริการผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องทำรายการอัตโนมัติ, Internet Banking หรือ Mobile Banking มีวิธีการจัดการง่ายๆ ดังนี้ค่ะ
1. เราสามารถแจ้งปัญหาตามประเภทรายการที่เราทำ และส่งหลักฐานที่เราทำธุรกรรมนั้นๆ ไปยังธนาคาร โดยแยกประเภทรายการทำธุรกรรม ดังนี้
- รายการฝากเงิน เช่น ถ้าทำรายการฝากเงินที่ตู้ ATM แล้วเงินไม่เข้าบัญชี หลักฐานก็คือ สลิปการฝากเงิน ให้ส่งไปที่ธนาคารเจ้าของเครื่องที่เราทำการฝากเงินนั้น
- รายการถอนเงิน เช่น เมื่อเราทำการถอนเงินผ่านตู้ ATM แล้วเงินไม่ออก ให้นำสลิปการถอนเงินเป็นหลักฐานเพื่อแจ้งกับธนาคารเจ้าของบัญชีของเรา
แต่! หากไม่ได้ทั้งเงิน และสลิป ให้เราจดจำรายละเอียดการถอนเงิน ว่าถอนที่ตู้ไหน เวลาอะไร ยอดเงินเท่าไหร่ และรีบแจ้งกับธนาคารเจ้าของบัญชี - รายการโอนเงิน สำหรับรายการโอนเงิน เมื่อเกิดข้อผิดพลาด ให้นำหลักฐานการโอนแจ้งกับธนาคารเจ้าของบัญชีผู้โอน
2. ธนาคารจะแจ้งระยะเวลาดำเนินการ : เมื่อธนาคารรับแจ้งปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว ธนาคารจะแจ้งระยะเวลาในการดำเนินการตรวจสอบข้อมูลให้เราทราบ
3. เมื่อธนาคารทำการตรวจสอบแล้ว หากพบว่าเป็นความขัดข้องของเครื่อง หรือระบบ ธนาคารจะทำการแก้ไขตามรายการที่ลูกค้าทำธุรกรรม ดังนี้
- ในรายการฝากเงิน ธนาคารจะทำการปรับปรุงนำเงินเข้าบัญชีผู้รับฝากให้เรียบร้อย
- ในรายการถอนเงิน ธนาคารจะคืนเงินเข้าบัญชีผู้ถอน ตามจำนวนที่ถอน
- ในรายการโอนเงิน ธนาคารจะทำการปรับปรุงเข้าบัญชีผู้รับโอน ยกเว้น ในกรณีที่ระบบขัดข้องโดยที่เงินยังไม่ได้ถูกโอน ธนาคารจะทำการปรับปรุงเงินเข้าบัญชีผู้โอนตามเดิม
โอนเงินผิดบัญชี หรือโอนเงินผิดจำนวน ทำยังไงดี?
สำหรับธุรกรรมการโอนเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งเครื่องทำรายการอัตโนมัติ Internet Banking หรือMobile Banking เป็นธุรกรรมที่ควรจะระมัดระวังให้มาก เพราะ
ในส่วนของผู้โอน >> โอนผิด ชีวิตเปลี่ยน - ธนาคารไม่มีอำนาจในการดึงเงินกลับคืนเข้าบัญชีผู้โอน เว้นแต่ได้รับการยินยอมจากผู้รับโอนผิดเท่านั้น
- ค่าธรรมเนียมในการโอนไป และโอนกลับ ผู้โอนอาจต้องรับผิดชอบเอง
ในส่วนของผู้รับโอน >> ไม่คืนเขา เราก็ผิด - ผู้ที่ได้รับโอนเงินอาจมีความผิดตามกฎหมายหากไม่คืนเงินให้แก่ผู้โอน
ถ้าผู้โอนรู้จักผู้รับโอนผิด สามารถติดต่อเจรจาขอคืนเงินได้เลย แต่ถ้าไม่สามารถติดต่อได้ ให้ดำเนินการตามขั้นตอนดังนี้
1. แจ้งปัญหา และนำส่งหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
- รายการฝากเงินส่งหลักฐานไปยังธนาคารเจ้าของเครื่อง
- รายการถอนเงินให้ส่งหลักฐานไปยังธนาคารเจ้าของบัญชี
- รายการโอนเงิน ให้ส่งหลักฐานไปยังธนาคารเจ้าของบัญชีผู้โอน
2. ธนาคารจะแจ้งระยะเวลาในการดำเนินการ : เมื่อธนาคารรับแจ้งปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว ธนาคารจะแจ้งระยะเวลาในการดำเนินการตรวจสอบข้อมูลให้เราทราบ
3. ทำการติดต่อผู้รับโอนผิด เพื่อให้ยินยอมคืนเงิน
- กรณีเป็นธนาคารเดียวกัน ธนาคารจะติดต่อผู้รับโอนโดยตรง
- กรณีต่างธนาคาร ธนาคารจะประสานงานกับธนาคารของผู้รับโอนผิดเพื่อติดต่อเจ้าของบัญชีผู้รับโอน
4. ธนาคารจะแจ้งผลให้เราทราบ - ในกรณีที่ผู้รับโอนยอมคืนเงิน ธนาคารจะโอนเงินคืนเข้าบัญชีผู้โอน
- ในกรณีที่ผู้รับโอนไม่ยอมคืนเงิน หรือติดต่อไม่ได้ ผู้โอนสามารถแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน (ตำรวจ) เพื่อออกคำสั่งทางกฎหมายให้ธนาคารของผู้รับโอนผิดดำเนินการอายัดบัญชี/เปิดเผยข้อมูลบัญชีของผู้รับโอนผิดแก่พนักงานสอบสวน เพื่อให้ผู้โอนดำเนินการทางกฎหมายต่อไป
เมื่อทราบวิธีดำเนินการแล้ว หากเกิดข้อผิดพลาดกับตัวเรา ก็สามารถดำเนินการตามขั้นตอนด้านบนนี้ได้เลยนะคะ แต่ทางที่ดี ในการทำธุรกรรมการเงิน ไม่ว่าจะผ่านช่องทางไหน เราควรมีสติและระมัดระวังให้มาก เพราะหากเกิดข้อผิดพลาดขึ้นแล้ว ถึงจะสามารถจะดำเนินการแก้ไขได้ ก็ต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร และหากเรามีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องใช้เงินจำนวนดังกล่าว เรานี่เองค่ะ ที่จะเดือดร้อน จากความประมาทของตัวเอง
ปีใหม่แล้ว เราจะมาเริ่มต้นปีด้วยความระมัดระวัง ทั้งจากการใช้จ่าย และจากการทำธุรกรรมต่างๆ เพื่อให้ตลอดทั้งปีนี้ และปีต่อๆไป เราจะมีแต่เรื่องดีๆ และเฮงๆ รวยๆ กันทุกคนนะคะ :)