รู้หรือไม่! ประกันชีวิตแบบไหนเหมาะกับไลฟ์สไตล์แบบคุณ
ชีวิตคนเราทุกวันนี้มีแต่ความเร่งรีบ แข่งขันกับเวลา ไหนจะต้องรีบมาเข้างานให้ทันเวลา ไหนจะต้องรีบไปให้ทันนัดประชุม แล้วแบบนี้จะเหลือเวลาดูแลสุขภาพร่างกายกันสักเท่าไหร่ ถึงแม้เดี๋ยวนี้เทรนด์รักสุขภาพกำลังมา ใครๆ ก็หันมาใส่ใจดูแลสุขภาพกันมากขึ้น แต่ด้วยสภาพแวดล้อม และมลภาวะต่างๆ ความเจ็บป่วยก็ยังคงเกิดขึ้นอยู่เสมอๆ ค่ะ
ส่งผลให้ในระยะหลังมานี้ทุกคนหันมาให้ความสำคัญกับการทำประกันชีวิตมากขึ้น ด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง ทั้งเพื่อปิดความเสี่ยงในเรื่องที่เราไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะเกิดขึ้น เพื่อเป็นหลักประกันในบั้นปลายของชีวิต หรือแม้แต่ด้วยความห่วงใยเพื่อคนที่เรารัก และด้วยไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน ความชอบที่ไม่เหมือนกัน เราก็มักจะเลือกในสิ่งที่เราคิดว่าใช่ และตรงกับความต้องการของเรามากที่สุด ไม่เว้นแม้แต่เรื่องของการทำประกันชีวิต เราลองมาดูกันค่ะว่า ประกันชีวิตแบบไหน จะ "ใช่" และตรงกับไลฟ์สไตล์ของเรา
สิ่งที่เราควรต้องรู้ก่อนตัดสินใจทำประกันชีวิต
- วัตถุประสงค์ของการทำประกัน ว่าเราต้องการทำประกันนี้เพื่ออะไร
- ระยะเวลาคุ้มครองที่ต้องการ โดยเราสามารถพิจารณาจากช่วงอายุของเราได้
- จำนวนเงินเอาประกัน
- ความสามารถในการชำระเบี้ยประกันภัย ว่าเรามีรายได้เพียงพอที่จะสามารถจ่ายค่าเบี้ยประกันได้เมื่อถึงกำหนดเวลาโดยไม่เดือนร้อน
เมื่อได้แนวทางคร่าวๆ กันแล้ว ลำดับต่อไปเราก็ต้องเลือกว่าประกันแบบไหนที่จะเหมาะกับความต้องการ หรือไลฟ์สไตล์ของเรา มาค่ะ...เรามาเลือกแผนประกันที่จะช่วยบริหารความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นกับตัวเราและคนรอบข้างกันได้แล้วนะคะ
<< Are you Ready? ....GO! >>
ไลฟ์สไตล์ที่ 1 สำหรับผู้ที่ต้องการเน้นเรื่องของความคุ้มครอง
กลุ่มนี้น่าจะเป็นผู้ที่ประกอบอาชีพ หรือมีวิถีชีวิตการทำงานที่มีความเสี่ยงสูง ต้องเดินทางบ่อยๆ หรือผู้ที่มีภาระหนี้สินจำนวนมาก แบบประกันที่แนะนำควรจะเลือกทำประกันชีวิตแบบที่เรียกว่าชั่วระยะเวลา (Term) ซึ่งเป็นแบบประกันที่บริษัทประกันชีวิตกำหนดหรือตกลงกับผู้ทำประกันว่าจะจ่ายเงินตามจำนวนที่ระบุไว้ให้แก่ผู้รับผลประโยชน์ กรณีที่ผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตภายในระยะเวลาที่กำหนด เช่น ชำระเบี้ยประกันครั้งเดียว แต่มีระยะเวลาความคุ้มครอง 5 ปี 10 ปี หรือ 20 ปี เป็นต้น
สัญญาประกันชีวิตรูปแบบนี้จะให้ความคุ้มครองการเสี่ยงภัยที่เกิดจากการเสียชีวิตเพียงอย่างเดียว แต่ไม่มีการสะสมทรัพย์รวมอยู่ด้วยทำให้เมื่อกรมธรรม์ครบกำหนดสัญญาแล้วจะไม่มีมูลค่าใดๆ หรือทุนประกันคืนให้แก่ผู้เอาประกันเลย
ข้อดีสำหรับแบบประกันนี้ คือ เบี้ยประกันที่ต้องจ่ายจะต่ำกว่าการประกันชีวิตแบบอื่นๆ แต่ไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการมีเงินเก็บหรือต้องการออมเงิน
ไลฟ์สไตล์ที่ 2 สำหรับผู้ที่ต้องการสร้างความมั่นคงให้แก่ครอบครัว
เหมาะกับผู้ทำประกันที่ทำหน้าที่เป็นเสาหลักของครอบครัว หรือต้องดูแลคุณพ่อ คุณแม่ แบบประกันที่แนะนำ ควรจะซื้อประกันชีวิตแบบตลอดชีพ (Whole Life) ซึ่งเป็นแบบประกันชีวิตที่บริษัทตกลงว่าจะจ่ายเงินตามจำนวนที่ระบุไว้ให้แก่ผู้รับผลประโยชน์ หากผู้เอาประกันภัยเสียชีวิต โดยไม่คำนึงว่าจะเสียชีวิตเมื่อใด แต่ถ้าผู้เอาประกันภัยมีชีวิตอยู่จนถึงอายุครบ 90 ปี 99 ปี หรือตามที่กรมธรรม์กำหนด บริษัทประกันจะจ่ายเงินตามจำนวนที่ได้ระบุไว้ในกรมธรรม์ หรือจะคืนเงินที่เรียกว่าทุนประกันคืนให้แก่ผู้เอาประกันภัย
ข้อดีของแบบประกันนี้ คือ อัตราเบี้ยประกันต่ำ แต่คุ้มครองผู้ถือกรมธรรม์ตลอดชีพ อีกทั้งจะจ่ายทุนประกันให้กับผู้รับประโยชน์หรือผู้เอาประกันภัย แล้วแต่ว่าจะเสียชีวิตก่อนครบกำหนดสัญญา หรือมีอายุยืนไปจนครบกำหนดสัญญาตามเงื่อนไขของกรมธรรม์
ไลฟ์สไตล์ที่ 3 สำหรับผู้ที่ต้องการเรื่องของการออม และต้องการรับความคุ้มครอง
แบบประกันประเภทนี้ ผู้ทำประกันจะได้รับประโยชน์ทั้งในด้านของการสร้างวินัยในการออม แถมยังได้รับความคุ้มครองชีวิตและสุขภาพควบคู่กันไปด้วย หากใครมีไลฟ์สไตล์แบบนี้ แบบประกันที่แนะนำ คือ ควรต้องซื้อประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ (Endowment) ซึ่งเป็นแบบประกันชีวิตที่บริษัทตกลงว่าจะจ่ายเงินตามจำนวนที่ระบุไว้ให้แก่ผู้รับผลประโยชน์ กรณีที่ผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตก่อนครบกำหนดสัญญา
หรือจ่ายเงินให้ผู้เอาประกันภัยถ้าหากผู้เอาประกันภัยมีชีวิตอยู่จนถึงวันครบกำหนดสัญญา ดังนั้นแบบประกันนี้ จึงเหมาะสำหรับการเก็บออมเงินไว้ใช้ในอนาคต เพราะสามารถวางแผนล่วงหน้าได้ว่าจะได้รับเงินก้อนในช่วงปีใด หรือเพื่อเป็นทุนการศึกษาให้กับบุตร และในระหว่างทางที่ยังไม่ครบกำหนดสัญญาก็ยังให้ความคุ้มครองกับผู้เอาประกันภัยด้วย
ไลฟ์สไตล์ที่ 4 สำหรับผู้ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสะสมทรัพย์ไว้เป็นค่าใช้จ่ายหลังจากที่เกษียณอายุการทำงานแล้ว
หากผู้ทำประกันต้องการใช้ชีวิตหลังเกษียณอย่างมีความสุขโดยไม่ต้องกังวลกับรายได้ที่อาจจะลดลงเมื่อไม่ได้ทำงานประจำ หรือรายจ่ายที่อาจจะต้องเพิ่มขึ้นเพื่อดูแลรักษาสุขภาพเมื่อเข้าสู่ช่วงสูงอายุ จึงต้องมีการวางแผนเพื่อเตรียมเกษียณอย่างมีความสุข
แบบประกันที่แนะนำ คือ ประกันชีวิตแบบเงินได้ประจำ (Annuity) หรือที่เรียกกันว่า แบบประกันบำนาญ ซึ่งบริษัทประกันชีวิตได้ตกลงว่าจะจ่ายเงินจำนวนหนึ่งเป็นประจำให้แก่ผู้เอาประกันภัย เมื่อผู้เอาประกันภัยมีชีวิตอยู่จนถึงวันที่กำหนดไว้ในเงื่อนไขกรมธรรม์ ซึ่งปัจจุบันมีทั้งแบบจ่ายเป็นรายเดือน หรือรายปี ไปจนครบตามเงื่อนไขกรมธรรม์ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าหลังเกษียณจะมีเงินใช้ตามระยะเวลาที่กำหนด เช่น ได้รับเงินไปจนถึงอายุ 85 ปี หรือ 90 ปี เป็นต้น
อ่านจบแล้วหวังว่า ทุกคนจะสามารถ "เลือกแบบประกันที่ใช่ ในไลฟ์สไตล์ที่ชอบ" กันได้ไม่ยากนะคะ ไว้พบกันใหม่บทความหน้า และขอให้ทุกคนสุขภาพแข็งแรงค่ะ บ๊าย บาย :)