เลือกอะไรดี? "รีไฟแนนซ์" หรือ "ทนใช้หนี้เดิมต่อ"

icon 8 มี.ค. 64 icon 17,902
เลือกอะไรดี? "รีไฟแนนซ์" หรือ "ทนใช้หนี้เดิมต่อ"

เลือกอะไรดี? "รีไฟแนนซ์" หรือ "ทนใช้หนี้เดิมต่อ"

ทุกวันนี้ เพื่อนๆ ยังคงต้องก้มหน้าก้มตาใช้หนี้ขั้นต่ำบัตรเครดิต หรือสินเชื่อบุคคลดอกเบี้ยสูงอยู่หรือไม่? ถ้าใช่...มีอยู่กี่ใบ? แล้วเงินที่ใช้จ่ายหนี้กับรายได้ที่รับเข้ามาทุกเดือนพอใช้จ่ายอย่างอื่นด้วยมั้ย? คำถามพวกนี้อาจทำให้ใครหลายคนเจ็บจี๊ดขึ้นมาทันที เพราะอาจจะกำลังเผชิญกับชะตากรรมนั้นอยู่ ปัญหาเหล่านี้ต้องมีทางออก แต่ทางออกนั้นคือทางไหน? วันนี้ CheckRaka มีคำตอบมาฝากเพื่อนๆ กันนะคะ อ้อ...ลืมไป!! เพื่อนๆ อย่าเพิ่งเลือกทางออกด้วยการกู้หนี้นอกระบบนะคะ เพราะนั่นไม่ใช่หนทางในการแก้ปัญหานี้ แต่จะเพิ่มปัญหาให้มากขึ้นอีกแน่นอน
ทำความรู้จักกับ "สินเชื่อรีไฟแนนซ์"
"รีไฟแนนซ์" อธิบายง่ายๆ ก็คือ การกู้เงินแบงค์ใหม่ที่ดอกเบี้ยต่ำกว่ามาจ่ายแบงค์เก่าที่ดอกเบี้ยสูงกว่า เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่คนส่วนใหญ่ใช้ลดหนี้เดิมที่มีอยู่ ให้รายได้ที่รับมาพอกับรายจ่ายที่จะต้องเสียไปในแต่ละเดือน แต่การรีไฟแนนซ์ในลักษณะนี้จะมีประโยชน์ก็ต่อเมื่อเราขอกู้สินเชื่อรีไฟแนนซ์มาแล้ว นำมาโปะหรือปิดยอดของหนี้บัตรเครดิตหรือสินเชื่อบุคคลดอกเบี้ยสูงที่มีอยู่ให้หมด พร้อมกับทำการยกเลิกบัตรเครดิตหรือสินเชื่อบุคคลนั้นทันที และไม่กลับไปใช้มันอีก เพื่อไม่ให้เป็นการแก้ปัญหาแบบวนในอ่าง ไม่เช่นนั้น ท้ายที่สุดแล้วจะทำให้มีหนี้สินเพิ่มมากขึ้นและไม่มีทางจบ อย่าเป็นคนที่ต้องติดบัญชีดำจนเครดิตเสียเด็ดขาด (ดูบทความ "เครดิตเสีย...ติดบัญชีดำ" ต้องทำยังไง?) เพราะถ้าใครมีปัญหาเรื่องเครดิตบูโรแล้วจะไม่สามารถขอกู้สินเชื่อไม่ว่าประเภทใดได้เลยค่ะ

เลือกลดหนี้ด้วย "รีไฟแนนซ์" หรือ "ทนก้มหน้าก้มตาใช้หนี้เดิม" ต่อไป แบบไหนเหมาะกับเรา?
ทุกอย่างต้องมีทางออก มันอยู่ที่ว่าเราจะเลือกทางไหนก็แค่นั้นเอง แต่เราต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับชีวิตเราจริงมั้ยค่ะ งั้นเรามาดูกันว่าตกลงแล้วเราจะเลือกลดหนี้ด้วย "รีไฟแนนซ์" หรือจะทนก้มหน้าก้มตาใช้หนี้เดิมต่อไปดี เริ่มด้วยการเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของตัวเลือกทั้งสองนี้กันนะคะ
ทางเลือก ข้อดี ข้อเสีย
1. ลดหนี้ด้วยรีไฟแนนซ์
  • มีเงินก้อนในการชำระหนี้เก่า
  • ลดค่าใช้จ่ายในการผ่อนชำระต่อเดือนได้
  • จ่ายดอกเบี้ยในอัตราถูกกว่าหนี้เดิม
  • ส่วนใหญ่จะได้ดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก
  • มีโอกาสได้เริ่มต้นวางแผนทางการเงินใหม่
  • แบ่งเบาหนี้ระยะสั้น แต่อาจเป็นหนี้นานขึ้น
  • อาจก่อให้เกิดหนี้สินล้นพ้นตัว หากขาดการวางแผนทางการเงินที่ดี
2. ทนใช้หนี้เดิมต่อไป
  • ไม่ต้องเป็นหนี้ก้อนใหม่เพิ่ม
  • ต้องจ่ายหนี้ด้วยอัตราดอกเบี้ยสูงต่อไป
  • ต้องดิ้นรนหาเงินมาจ่ายหนี้ให้พอในแต่ละเดือน หากรายรับไม่พอกับรายจ่าย ซึ่งอาจจะทำให้เราตัดสินใจไปกู้เงินนอกระบบได้
  • ถ้าเรายังคงชำระหนี้ขั้นต่ำอยู่ จะทำให้ดอกเบี้ยมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
จากข้อสรุปข้างต้นนี้ เราอาจจะเห็นว่าถ้าเรามาถึงทางตัน โดยที่เราเป็นมนุษย์เงินเดือนที่ต้องจ่ายหนี้เกินรายได้ที่รับมาทุกเดือนจนมาถึงเดือนที่เงินเก็บที่เคยมีก็ไม่เหลือแล้ว เราก็ควรต้องเลือกที่จะลดหนี้ด้วยการขอกู้สินเชื่อรีไฟแนนซ์เพื่อเอามาจ่ายหรือปิดหนี้เก่าให้ค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนเราลดลงบ้าง (เป็นการต่อลมหายใจอีกเฮือก!!)
6 ข้อควรรู้ก่อน Refinance

สินเชื่อรีไฟแนนซ์ที่น่าสนใจในช่วงนี้
เพื่อนคนไหนที่กำลังมองหาสินเชื่อรีไฟแนนซ์ดีๆ ดอกเบี้ยต่ำกว่าหนี้เดิมเพื่อต้องการปิดยอดหนี้ทั้งหลายที่มีให้เหลือเพียงหนี้ยอดเดียวหรือให้เหลือน้อยที่สุด แต่จะมีสินเชื่อแบบนี้ที่ไหนบ้าง...วันนี้ธนาคารกรุงไทยได้ปล่อย "สินเชื่อกรุงไทย Super Easy" พร้อมมาให้บริการด้วยดอกเบี้ยโปรโมชั่นในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี เป็นการช่วยชำระยอดหนี้จากบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลต่างๆ จากธนาคารอื่นที่กำลังเป็นปัญหาหนักอกสำหรับบางคน เพื่อช่วยให้มีสภาพคล่องทางการเงินที่ดีขึ้น

"สินเชื่อกรุงไทย Super Easy" เป็นสินเชื่อบุคคลแบบไม่มีหลักประกัน รับวงเงินโดนๆ ถึง 5 เท่าของรายได้สุทธิ สูงสุดไม่เกิน 1,000,000 บาท กู้ได้ง่ายๆ แบบไม่ต้องมีคนค้ำ ไม่ต้องมีหลักประกัน และผ่อนสบายๆ ยาวถึง 60 งวด สามารถ Refinance หนี้บัตรเครดิตหรือสินเชื่อดอกเบี้ยสูงจากธนาคารอื่นได้ด้วยดอกเบี้ยโปรโมชั่นในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีของธนาคารกรุงไทย ด้วยการมอบของขวัญสุดพิเศษ ในอัตราดอกเบี้ยต่ำเพียง 18% ต่อปี (สำหรับพนักงานที่มีรายได้ประจำ)

วัตถุประสงค์ในการกู้

  • เพื่อการอุปโภค บริโภค
  • เพื่อชำระหนี้ที่มีกับสถาบันการเงินอื่น (เฉพาะสินเชื่อบุคคล และบัตรเครดิต)

คุณสมบัติผู้กู้

  • พนักงานที่มีเงินเดือนประจำ เงินเดือนขั้นต่ำ 20,000 บาท และมีอายุงานไม่น้อยกว่า 1 ปี
  • ผู้ประกอบการรายย่อย มีรายได้สุทธิขั้นต่ำ 20,000 บาท และประกอบกิจการมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี
  • ไม่มีประวัติเสียหายด้านการเงิน หรือมีหนี้สินล้นพ้นตัว และ
  • มีคุณสมบัติอื่นๆ ตามที่ธนาคารกำหนด (โปรดตรวจสอบโดยตรงได้ที่ธนาคารกรุงไทย โทร. 0-2111-1111)

วงเงินให้กู้

  • พนักงานที่มีเงินเดือนประจำ ให้วงเงินกู้ได้ไม่เกิน 5 เท่าของรายได้ปัจจุบัน สูงสุดไม่เกิน 1 ล้านบาท
  • กรณีผู้ประกอบการร้านค้ารายย่อยทั่วไปให้วงเงินกู้ได้ไม่เกิน 5 เท่าของรายได้สุทธิ (เฉลี่ยไม่น้อยกว่า 6 เดือน) สูงสุดไม่เกิน 5 แสนบาท

ระยะเวลาให้กู้

สามารถเลือกผ่อนชำระได้ตั้งแต่ 12 เดือน ไปจนถึง 60 เดือน

อัตราดอกเบี้ย

  • พนักงานที่มีเงินเดือนประจำ ให้เรียกเก็บดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 20 ต่อปี
    (Promotion! สำหรับพนักงานที่มีเงินประจำ สมัครและได้รับอนุมัติตั้งแต่ 1 มกราคม - 31 มีนาคม 2559 รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 18%ตลอดอายุสัญญา)
  • ผู้ประกอบการร้านค้ารายย่อยทั่วไป ให้เรียกเก็บดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 22 ต่อปี

เอกสารและหลักฐานประกอบการขอกู้

  • เอกสาร/หลักฐานใบแจ้งยอดบัญชี (Statement) หนี้สินเชื่อบุคคลหรือหนี้บัตรเครดิตเดือนล่าสุด หรือเอกสารอื่นในลักษณะเดียวกัน กรณีขอสินเชื่อเพื่อชำระหนี้
  • หนังสือรับรองรายได้จากหน่วยงานต้นสังกัดหรือสลิปเงินเดือนล่าสุด หรือต้นฉบับหลักฐานอื่นที่แสดงการมีรายได้ที่เชื่อถือได้ของผู้กู้
  • สำเนาทะเบียนบ้าน และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
  • สำหรับกรณีบุคคลทั่วไป ที่มีรายได้ประจำต้องมี Statement บัญชีเงินฝากไม่น้อยกว่า 3 เดือน และกรณีผู้ประกอบการร้านค้าย่อยทั่วไปต้องมี Statement บัญชีเงินฝากที่ดำเนินธุรกิจย้อนหลัง 1 ปี หรือสำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียน (หากมี) หรือสำเนาทะเบียนการค้า (หากมี)

สิทธิประโยชน์เพิ่มเติม

  • ลูกค้าที่ผ่านการพิจารณาสินเชื่อสามารถเลือกทำบัตร KTB Loan Convenience Card นอกจากเป็นบัตรที่ใช้เบิกถอนเงิน และชำระค่าสินค้าและบริการเหมือนบัตร Debit Card ทั่วไปแล้ว ยังสามารถใช้บัตรดังกล่าวเพื่อเรียกดูยอดเงินคงเหลือ ยอดหนี้ค้างชำระและสามารถใช้ชำระหนี้เงินกู้ผ่านตู้ ATM
  • ลูกค้าที่ผ่านการพิจารณาสินเชื่อสามารถเลือกทำประกันชีวิตกลุ่ม 400 บาทต่อจำนวนเงินเอาประกันภัย 100,000 บาท และบวกเพิ่ม 75 บาททุกราย (เป็นค่าเบี้ยสำหรับค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ 75 บาทต่อรายต่อปี)
แท็กที่เกี่ยวข้อง รีไฟแนนซ์ refinance หนี้เก่า หนี้ใหม่
Money Guru
เขียนโดย เช็คราคา.คอม Money Guru

พูดคุยกับกูรูได้ที่




เว็บไซต์นี้มีการเก็บคุกกี้เพื่อเพิ่มความพึงพอใจในการใช้งานเว็บไซต์ และช่วยให้เราปรับปรุง และนำเสนอเนื้อหาตรงตามความสนใจของท่าน ท่านสามารถดู Privacy Notice และ ดู Cookies Policy ของเราได้ ที่นี่ ทั้งนี้ ท่านจะยินยอมให้เราเก็บคุกกี้ทั้งหมด หรือให้เก็บแค่บางส่วนโดยการคลิกเลือก ตั้งค่า

ท่านสามารถเลือกให้ความยินยอมการเก็บคุกกี้เป็นเรื่องๆ ได้ที่นี่

เมื่อคุณเข้าชมเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่น checkraka เราอาจจัดเก็บ หรือดึงข้อมูลจากเบราว์เซอร์ของคุณในรูปแบบของคุกกี้ และเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายคลึง เช่น tag และ pixel (เรียกรวมกันว่า “คุกกี้”) ซึ่งมักเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้โดยตรง แต่ช่วยให้คุณใช้งานเว็บไซต์ได้ปลอดภัย และตรงตามความต้องการมากขึ้น คุณอาจไม่ยินยอมให้เราเก็บคุกกี้บางประเภทได้ โดยการคลิกตามหัวข้อข้างล่างนี้

ประเภทคุกกี้
อ่านเพิ่มเติม ที่นี่
ยินยอม / ไม่ยินยอม
คุกกี้ที่จำเป็นต้องมีเสมอ
(Strictly Necessary)
คุกกี้สำหรับการใช้งานเว็บไซต์
(Functionality)
คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและวิเคราะห์
(Performance & Analytics)
คุกกี้เพื่อการตลาด
(Marketing)