มาทำความรู้จักกับเงินอิเล็กทรอนิกส์
เงินอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Money คือสื่อกลางการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ที่มูลค่าเงินจะถูกบันทึกไว้ในบัตรพลาสติก หรือเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์ของผู้ให้บริการซึ่งผู้ใช้บริการได้ชำระเงินล่วงหน้าไว้แล้ว เช่น บัตรรถไฟฟ้า บัตรรถโดยสาร บัตรศูนย์อาหาร ฯลฯ
ช่องทางการใช้ e-Money มี 3 ทาง คือ
- ใช้ผ่านบัตร e-Money โดยคุณสามารถซื้อและเติมเงินเข้าบัตรได้จากร้านค้าที่เป็นตัวแทนจำหน่าย และใช้บัตรนั้นซื้อสินค้าและบริการจากร้านที่มีสัญลักษณ์ของผู้ให้บริการได้ทันที โดยร้านค้าจะตัดเงินในบัตร และออกใบเสร็จที่แสดงยอดเงินคงเหลือในบัตรให้
- ใช้ผ่านโทรศัพท์มือถือ โดยต้องสมัครขอใช้บริการกับผู้ให้บริการ e-Money บนโทรศัพท์มือถือ และทำตามขั้นตอนที่ผู้ให้บริการกำหนดจึงจะสามารถใช้มือถือส่งคำสั่งชำระสินค้าและบริการได้ เมื่อซื้อสินค้าผู้ให้บริการจะส่ง SMS แจ้งยอดเงินคงเหลือมาให้แทนใบเสร็จรับเงิน
- ใช้ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยต้องสมัครขอใช้บริการผ่านเว็บไซต์ของผู้ให้บริการเพื่อขอเปิดบัญชี e-Money ก่อน และทุกครั้งเมื่อส่งคำสั่งซื้อสินค้าหรือบริการผ่านเว็บไซต์ จะต้องกรอกเลขที่บัญชีและรหัสส่วนตัว เพื่อให้ร้านค้าตรวจสอบรายการชำระเงิน และตัดเงินจากบัญชีของคุณ เมื่อตัดเงินแล้วผู้ให้บริการจะส่ง SMS หรืออีเมลมาให้คุณเพื่อยืนยันการทำรายการ
ใช้ e-Money ต้องระวังอะไร
การใช้ e-Money แม้ว่าจะสะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องพกเงินสด แต่มีข้อควรระวัง ดังนี้
1. ต้องเก็บรักษาบัตรให้ดี หากทำบัตร e-Money หายเท่ากับทำเงินสดหาย ซึ่งผู้ให้บริการบางรายอาจไม่มีบริการด้านอายัดบัตร
2. ศึกษาค่าธรรมเนียมการให้บริการ และอย่าลืมเปรียบเทียบจากผู้ให้บริการหลายๆราย เช่น
- ค่าธรรมเนียมการใช้บัตร e-Money ไม่ว่าจะเป็น ค่าเติมเงิน ค่าและเงินในบัตรคืน
- ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมผ่านเว็บไซต์ และมือถือ
3. ศึกษารายละเอียด และเงื่อนไขอื่นๆ เพื่อเลือกใช้บริการ ดังนี้
- วันหมดอายุของบัตร e-Money ที่อาจแตกต่างกัน
- จำนวนหรือรายชื่อร้านค้าที่รับบัตร และช่องทางการเติมเงินในบัตร เช่น เติมผ่านเอทีเอ็ม ร้านค้าที่ให้บริการ และเว็บไซต์ของผู้ให้บริการ
- ความน่าเชื่อถือของผู้ให้บริการ และระบบรักษาความปลอดภัย สามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ให้บริการภายใต้การกำกับดูแลของแบก์ชาติได้ที่ เว็บไซต์แบงก์ชาติ เลือกระบบการชำระเงิน หัวข้อการกำกับดูแล e-Payment