รีวิว Vivo Y20sG สมาร์ตโฟนตัวคุ้ม ชิปเกมมิ่ง Helio G80 แบตฯ 5,000 mAh มีชาร์จไว 18W ในราคา 5,999 บาท

Vivo Y20sG อีกหนึ่งสมาร์ตโฟน Y Series ของ วีโว่ ประเทศไทย ประจำปี 2021 และถือว่าเป็นรุ่นน้องเล็กสุดท้องเลยล่ะ เมื่อเทียบกับ Vivo Y31 และ Y72 5G ที่เป็น Y Series ปี 2021 ด้วยกัน สำหรับความน่าสนใจของ Y20sG จะอยู่ตรงที่การมาพร้อมตัวอักษร "G" เนี่ยแหละครับ ที่ผมคิดว่าทางวีโว่น่าจะต้องการสื่อสารถึงด้าน "Gaming" ของตัวเครื่อง จากการที่เลือกใช้ชิปประมวลผล Helio G80 ชิปสายเกมระดับเริ่มต้น มาเป็นหัวใจหลักในการทำงานบนเครื่อง ประกอบกับสเปกในส่วนอื่น ๆ ก็ดูจะตั้งใจรังสรรค์สเปกมา เพื่อตอบรับการใช้งานในด้านการเล่นเกมโดยเฉพาะด้วยเช่นกัน 

และจากประสบการณ์ที่ผมได้ลองใช้งานมาเกือบ 1 สัปดาห์ บอกได้เลยว่า นี้อาจเป็น "Entry gaming phone" ตัวคุ้มของทางวีโว่เลยก็เป็นได้ ส่วนจะจริงตามที่ผมได้เกริ่นไว้หรือไม่! และรายละเอียดอื่น ๆ ในแง่มุมต่าง ๆ ของรุ่นนี้จะเป็นอย่างไร ผมขอเล่าประสบการณ์การใช้งานในทุกแง่มุมผ่านบทความรีวิวนี้พร้อมกัน!

มาเริ่มกันด้วยการแกะกล่อง Vivo V20s [G] กันครับ สำหรับกล่องของ Y20sG ยังคงมาใช้โทนสีสองสีระหว่างฟ้ากับขาวตัดกันเหมือนกับ Y Series รุ่นอื่น ๆ ในขณะที่ด้านหน้ามีชื่อรุ่น "Y20sG" ชัดเจน และเมื่อเปิดกล่องขึ้นมาก็จะพบกับอุปกรณ์ใช้งานเริ่มต้นที่ทางวีโว่ใส่มาให้ดังนี้ 

• Vivo Y20sG 
• คู่มือการใช้งานเริ่มต้น
• สายชาร์จ Micro-USB
• อแดปเตอร์ชาร์จไฟ
• เคสตัวเครื่อง (Soft case) 
• เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด

Vivo Y20sG มาพร้อมงานออกแบบตัวเครื่องสไตล์ '2.5D Dazzle color' ซึ่งเป็นการออกแบบที่ใช้การผสมผสานระหว่างการเล่นสีสันด้านหลังตัวเครื่องไปพร้อม ๆ กับ การออกแบบตัวเครื่องให้มีการโค้งแบบ 2.5D ดังนั้นบริเวณขอบหน้าจอแสดงผลกับตัวเครื่องก็จะโค้งเล็กน้อยเท่านั้น ทำให้สามารถถือจับใช้งานได้กระชับมือ และน่าจะถูกใจคนที่ไม่ได้ชอบมือถือจอโค้งด้วย

สำหรับตัวเครื่องรอบนี้ผมได้ตัวเครื่องสี "Purist blue" ซึ่งเป็นสีฟ้าที่ทางวีโว่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากท้องทะเล ซึ่งเมื่อตัวเครื่องถูกแสงส่องเข้าที่ด้านหลังตัวเครื่อง ก็จะเกิดการสะท้อนแสงเป็นเฉดสีฟ้าอ่อน เหมือนกับตอนที่เรามองพื้นผิวน้ำทะเลในยามกลางวันที่แดดส่องจัด ๆ แบบนั้นเลยครับ สวยและดูน่ารักดีนะและสาว ๆ น่าจะชื่นชอบกัน

ขยับมาที่มุมซ้ายบนของด้านหลังตัวเครื่อง จะเป็นตำแหน่งของโมดูลกล้องถ่ายรูป โดยรอบนี้ทางวีโว่ติดตั้งกล้องถ่ายรูปแบบ Triple camera พร้อมไฟแฟลช LED มาให้ ซึ่งกล้องทั้ง 3 ตัวประกอบด้วย เซ็นเซอร์กล้องหลักความละเอียด 13MP (F2.2), เซ็นเซอร์กล้อง Depth ความละเอียด 2MP (F2.4) และกล้อง Macro lens ความละเอียด 2MP (F2.4)

พลิกกลับมาที่ด้านหน้าตัวเครื่องจะพบกับหน้าจอแสดงผล IPS LCD Halo FullView Display ขนาด 6.51 นิ้ว ความละเอียด 1600x720 พิกเซล (HD+) มีอัตราส่วนการแสดงผล 20 : 9 ซึ่งตัวหน้าจอจะมีซอฟต์แวร์ Eyes Protect สำหรับลดการปล่อยแสงสีฟ้าของหน้าจอใส่มาให้ด้วย 

เขยิบขึ้นไปตรงบริเวณรอยหยดน้ำของหน้าจอ จะเป็นตำแหน่งของกล้องหน้าความละเอียด 8MP (F1.8) และเหนือขึ้นไปอีกนิดจะเป็นแถบลำโพงสนทนาของตัวเครื่อง

มากันที่ด้านขวาของตัวเครื่องจะเป็นตำแหน่งของปุ่มกดปรับระดับเสียงเพิ่ม-ลด (Volume) และปุ่มกดเปิด-ปิดตัวเครื่อง (Power) ซึ่งเป็นแป้นสัมผัสสำหรับใช้สแกนลายนิ้วมือในตัวด้วย

ด้านซ้ายตัวเครื่องเป็นตำแหน่งของถาดซิมการ์ด ซึ่งตัวเครื่องจะรองรับการใช้งานซิมการ์ดแบบ 2+1 ทำให้สามารถใช้งานซิมการ์ดหลักและซิมรองได้พร้อมกับการใช้งาน MicroSD Card (รองรับสูงสุด 1TB)

ด้านล่างตัวเครื่อง มีพอร์ตเชื่อมต่อ MicroUSB 2.0, ไมโครโฟน, ลำโพงเสียงตัวเครื่อง และรูเสียบชุดหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร

ขนาดตัวเครื่อง : กว้าง 76.32 x สูง 164.41 x หนา 8.41 มิลลิเมตร || น้ำหนักตัวเครื่องรวม 192.3 กรัม

• หน้าจอแสดงผล IPS LCD Halo FullView Display ขนาด 6.51 นิ้ว ความละเอียด 1600x720 พิกเซล (HD+)
• CPU Octa-core MediaTek Helio G80 ความเร็ว 2.0GHz
• GPU Mali G52 MC2
• RAM 6GB (LPDDR4x)
• ROM 128GB (eMMC 5.1)
• รองรับ MicroSD Card สูงสุด 1TB
• Funtouch OS 11 Base on Android OS 11 
• กล้องถ่ายรูป Triple camera ประกอบด้วย
  • กล้องหลัก ความละเอียด 13MP (F2.2)
  • กล้อง Depth sensor ความละเอียด 2MP (F2.4)
  • กล้อง Macro lens ความละเอียด 2MP (F2.4)
• กล้องหน้า ความละเอียด 8MP (F1.8)
• รองรับซิมการ์ด 2 ซิม
• Bluetooth 5.0
• WiFi 802.11 a/b/g/n/ac || 2.4 / 5GHz.
• MicroUSB 2.0
• แบตเตอรี่ 5,000 mAh (รองรับชาร์จไว 18W)

Vivo Y20sG ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 11 บนพื้นฐานของ Android OS เวอร์ชั่น 11 ดังนั้นประสบการณ์การใช้งานทั้งหมดบนตัวเครื่องจะเป็นการผสมผสานระหว่างความเป็น Android ที่มีความยืดหยุ่นในการใช้งานสูง กับส่วนของ UI ที่ทางวีโว่ออกแบบเอง และตั้งใจออกแบบให้ใช้ได้ง่าย เรียนรู้ได้ไม่ยาก มีความเป็นมิตรกับผู้ใช้งานมากที่สุดอีกเวอร์ชั่นหนึ่งของ Funtouch OS เลยล่ะครับ เพราะถ้าหากใครที่เคยใช้งาน Vivo มาโดยตลอดน่าจะพอนึกออกเลยว่า Funtouch UI ในเวอร์ชั่นก่อนจะมีซุกซนเยอะมาก ๆ แต่ตอนนี้เปลี่ยนแปลงไปเยอะเลยเน้นความเรียบง่าย สวยงามแบบคลีน ๆ ทุกอย่างถูกจัดให้เป็นหมวดหมู่สามารถเรียกใช้งานได้ทันที

สำหรับระบบยืนยันตัวตนในการเข้าถึงข้อมูลหรือใช้ปลดล็อคหน้าจอบน Vivo Y20sG รอบนี้ทางวีโว่ใส่มาด้วยกัน 3 ทางเลือก ซึ่งประกอบด้วยระบบสแกนลายนิ้วมือ ที่จะใช้การแตะสัมผัสที่แป้นสแกนด้านข้างตัวเครื่อง, Face wake ใช้การสแกนใบหน้าด้วยซอฟต์แวร์ผ่านกล้องหน้า และสุดท้ายคือระบบ Pin code หรือ Password ระบบดั้งเดิมในการใส่รหัสตัวเลขยืนยันตัวตน

ด้านการเล่นเกมบน Vivo Y20sG ส่วนตัวผมมองว่าเป็นจุดขายหลักของรุ่นนี้เลยนะครับ เพราะการที่วีโว่เลือกใส่ "G" เข้ามาในชื่อรุ่น น่าจะต้องการชูเป็นจุดขายหลักให้สมาร์ตโฟนรุ่นนี้ว่า เป็นสมาร์ตโฟนที่สามารถให้ประสิทธิภาพและประสบการณ์การเล่นเกมที่ดีได้ในราคาเพียง 5,999 บาท เท่านั้น 

จึงเลือกใช้ชิปประมวลผลสายเกมของมีเดียเทคอย่าง CPU MediaTek Helio G80 ชิปประมวผลแบบ Octa-core (12nm.) ทำงานร่วมกับ GPU Mali G52 MC2 950MHz. ในการประมวลผลด้านกราฟฟิกอย่างเช่น การเล่นเกมบนตัวเครื่อง, การเรนเดอร์ไฟล์ตัดต่อคลิปต่าง ๆ โดยชิปตัวนี้เดิมถูกวางให้ใช้สำหรับมือถือระดับกลางในกลุ่ม entry-mid range แต่พอทางวีโว่เลือกจัดมาอยู่ในมือถือราคาเรทนี้บอกได้เลยครับว่า เป็นอะไรที่คุ้มมาก ๆ เพราะถึงแม้จะเป็นชิปที่ทำตลาดมาสักพักใหญ่แล้ว แต่ประสิทธิภาพถือว่ายังมีทีเด็ดอยู่ไม่น้อยเลย และยังคงประมวลผลพร้อมกับให้อรรถรสในการเล่นเกมได้ดีอยู่

และเมื่อได้หน่วยความจำ ROM 128GB และ RAM 6GB มาบนตัวเครื่องด้วย ยิ่งทำให้ประสบการณ์การเล่นเกมบนตัวเครื่องเป็นอะไรที่ "เซอร์ไพร์" เลยล่ะครับ ซึ่งจากที่ผมได้ลองเล่นเกมเกือบทุกเกมทุกชนิดที่นิยมกันในตอนนี้อย่างเช่น ROV, LOL, PUBG, Genshin Impact, Cooking run Kingdom และอีกหลายเกมออกใหม่บน Vivo Y20sG ประสบการณ์ที่ได้คือ ตัวเครื่องสามารถเล่นได้ทุกเกม และสามารถปรับการตั้งค่ากราฟฟิกในระดับสูงได้เกือบทั้งหมดด้วย จะมีเพียง Genshin Impact เกมเดียวเท่านั้นที่ยังคงเป็นเกมปราบเซียนที่ปรับได้แค่ระดับปานกลางถึงจะสามารถเล่นแบบลื่น ๆ ได้ ส่วนนอกเหนือจากนี้ก็คือไม่มีปัญหาใดๆ สามารถเล่นได้อย่างลื่น ๆ เลยครับ ตัวเครื่องสามารถตอบสนองด้วยการประมวลผลได้ดี การสัมผัสหรือการทัชลากไป-มาระหว่างเล่นยังไม่ติดนิ้วเท่าไร แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาหลักที่จะทำให้อรรถรสในการเล่นเกมหายไป เพราะยังเล่นได้สนุกและอินไปกับตัวเกมได้ดี 

"ความร้อน" ยังคงเป็นจุดเดียวที่ขอติว่ายังทำได้ไม่ดีเท่าไรนัก เพราะเมื่อเล่นติดต่อกันไปครบชั่วโมงตัวเครื่องจะมีอุณหภูมิสูงขึ้นที่บริเวณฝาหลังและหน้าจอแสดงผลจนรู้สึกได้เลย แต่ก็ต้องเข้าใจว่า Y20sG ไม่ได้เป็นสมาร์ตโฟนเกมมิ่งจ๋าอะไรแบบนั้นนะครับ จึงพอเข้าใจได้ในจุดนี้ ดังนั้นใครชอบเล่นเกมติดต่อกันนาน ๆ ก็แนะนำให้เล่นในห้องแอร์พอช่วยลดอุณหภูมิที่ตัวเครื่องลงได้ระดับหนึ่ง

นอกจากด้านฮาร์ดแวร์ที่ทางวีโว่จัดสเปกมาได้คุ้มค่าและเหมาะสำหรับการเล่นเกมแล้ว ในด้านซอฟต์แวร์ทางวีโว่ยังนำ "Ultra Game mode" และ "Multi Tubo 3.0" เข้ามาช่วยทำงานด้วย โดยซอฟต์แวร์สองตัวนี้จะทำหน้าที่ในการจัดการและบริหารทรัพยากรบนตัวเครื่องไปพร้อม ๆ กัน เพื่อมอบประสบการณ์การเล่นเกมที่ดีที่สุดให้กับเจ้าของเครื่องนั่นเอง

• Ultra game mode เป็นซอฟต์แวร์ที่จะช่วยให้เราสามารถจัดการสิ่ง "รบกวน" ที่อาจเกิดขึ้นขณะเล่นเกมได้เช่น ข้อความแจ้งเตือน, ข้อความทั่วไป, สายเรียกเข้า เราสามรถเลือกปิดกั้นหรือเปลี่ยนรูปแบบการแจ้งเตือนได้ หรือแม้แต่การตอบข้อความขณะเล่นเกม ก็สามารถทำได้ผ่านลูกเล่น PiP (Picture in Picture) โดยจะมีหน้าต่างแอปพลิเคชั่นที่เราจะใช้ขึ้นในรูปแบบกรอบภาพ ซึ่งสามารถเคลื่อนย้าย-ขยายเข้าออกได้ตามต้องการ ก็ถือว่าเป็นซอฟต์แวร์อำนวยความสะดวกตอนเล่นเกมได้ดีที่เดียวครับ 

•  

• Multi Turbo 3.0 เป็นคุณสมบัติของซอฟต์แวร์ที่ทางวีโว่พัฒนาขึ้นมา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อบริหารจัดการทรัพยากรบนตัวเครื่องทั้งหมดขณะเล่นเกมให้มีความเหมาะสมและพร้อมที่สุด ซึ่งผลที่ตามมาก็คือสามารถรักษาเฟรมเรทไม่ให้ตกได้ หรือการตอบสนองต่อการเรนเดอร์ภาพทำได้ทันที เพราะมีทรัพยาการในการประมวลผลที่เพียงพอนั่นเอง

Vivo Y20sG ในด้านของการใช้งานตัวเครื่องสามารถตอบสนองได้ครบเครื่องมาก ๆ ทั้งในด้านของการใช้งานโซเชี่ยลมีเดียอย่าง Facebook, Line, Instagram ฯลฯ หรือในด้านการทำงานตอบอีเมล์, เปิดไฟล์เอกสาร หรือทำงานผ่านระบบออนไลน์ ทั้งหมดที่ว่าสามารถใช้งานได้อย่างราบรื่น ไม่มีปัญหาแอปพลิเคชั่นเด้งหรือใช้งานไม่ได้ให้เห็นเลย 

นอกจากนี้บนตัวเครื่องยังมีวิทยุ FM, เข็มทิศ ใส่มาให้ด้วย ใครชอบเดินทางไปสัมผัสธรรมชาติบ่อย ๆ น่าจะชื่นชอบกันแน่นอน ส่วนการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอกตัวเครื่องก็ใส่คุณสมบัติอย่าง OTG มาให้ด้วยนะครับ ดังนั้นใครจะเอาไปต่อเมาส์หรือคีย์บอร์ดหรือเชื่อมต่อกับจอในรถยนต์ก็สามารถทำได้ด้วย เรียกได้ว่า "ครบเครื่อง" สำหรับการใช้งานไลฟ์สไตล์สุด ๆ

• ทดสอบประสิทธิภาพการทำงานด้วย Antutu Benchmark ได้คะแนนทดสอบ 200,914 คะแนน 
• ทดสอบประสิทธิภาพการเขียน-อ่าน หน่วยความจำ (ROM, eMMC 5.1) ได้ค่าการอ่าน 306.98 MB/s และค่าการเขียน 160.49 MB/s 
• ทดสอบประสิทธิภาพทำงานของ CPU ด้วย Geekbench ได้คะแนนการทำงาน Single core 381 คะแนน และแบบ Multi-core 1357 คะแนน 
• ทดสอบการรองรับการแสดงผล High Definition บนสตรีมมิ่ง VDO (Netflix) ผลเป็น Security Level L1 (รองรับการแสดงผล) 
• ทดสอบการจับสัญญาณดาวเทียมอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน

 

ด้านพลังงานบนตัวเครื่องจากประสบการณ์ที่ลองใช้มาครบ 1 สัปดาห์พอดี ผมบอกได้เลยว่า 'หายห่วง' เพราะด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 5,000 mAh ผสานเข้ากับซอฟต์แวร์ที่มีการบริหารจัดการที่ดีบน Funtouch OS 11 เลยทำให้ใน 1 วัน เราจะสามารถใช้งานสมาร์ตโฟนได้ตลอดทั้งวันตั้งแต่เช้าไปจนดึกเลยครับ โดยผมชาร์จเต็ม 100% ในตอนเช้า ระหว่างเดินทางทำงานก็มีนั่งดูคลิปบน Youtube สลับเล่นโซเชี่ยลมีเดียอื่น ๆ ไปมา พอถึงตอนเที่ยงก็หยิบมาไถ่ดูโซเชียล เปิดดูอีเมล์งานสลับไปมา ตกเย็นก็หยิบมาเล่นเกมบ้าง ฟังเพลงสตรีมมิ่งบ้าง จาก 100% ในตอนเช้าลากไปถึง 20.00 น. แบตเตอรี่เหลือพลังงานอยู่ที่ 30-40% ซึ่งสำหรับตัวผมเองถือว่าสอบผ่านสุดๆ กับการใช้งานใน 1 วัน

ในขณะที่การชาร์จพลังงานกลับก็เป็นอีกสิ่งที่ถือว่าอย่างน้อย ๆ ทางวีโว่ก็ใจดีใส่ชาร์จไว 18W มาให้ ซึ่งจากที่ผมลองทดสอบชาร์จจาก 0-100% อยู่สองถึงสามครั้งก็พอประเมินเวลาเป็นตัวเลขกลม ๆ แบบเฉลี่ยได้ว่า ถ้าจะชาร์จจาก 0 ไปจนเต็ม 100% จะใช้เวลาชาร์จไฟกลับเข้าเครื่องโดยประมาณ 1.30 - 1.40 ชม. ก็ถือว่ายอมรับได้อยู่นะครับ เพราะถ้าหากไม่มีชาร์จไวมาให้เลย ด้วยขนาดแบตฯ 5,000 mAh แบบนี้ อาจใช้เวลา 2 ชั่วโมงขึ้นไปแน่นอน 

มากันที่เรื่องราวของการถ่ายภาพกันบ้าง โดย Vivo Y20sG มาพร้อมกล้องถ่ายรูป Triple camera ที่ประกอบด้วย กล้องหลัก ความละเอียด 13MP (F2.2), กล้อง Depth ความละเอียด 2MP (F2.4) และกล้อง Macro ความละเอียด 2MP (F2.4) ซึ่งจากเซ็นเซอร์กล้องทั้งสามตัวที่ใส่มา ก็พอจะคาดเดาได้ว่าเป็นกล้องที่น่าจะเน้นไปที่ด้านของการถ่ายภาพ Portrait เป็นหลักแน่ ๆ และก็น่าเสียดายที่กล้องมุมกว้างถูกตัดออกไป เพราะส่วนตัวผมคิดว่าเป็นกล้องที่หลายคนนิยมใช้งานกันเป็นอย่างมากเลย

ถึงแม้จะไม่มีเลนส์กว้างให้ถ่าย แต่ประสบการณ์หลังกล้องส่วนตัวคิดว่าเกินคาดอยู่เหมือนกันครับ และจากที่ผมจับ Y Series มาหลายรุ่นมาก ๆ รวมถึงรุ่นของปี 2021 ทั้งหมดแล้ว เลยรู้สึกว่าวีโว่ทำกล้องถ่ายรูปบน Y Series ออกมาได้ดีทุกรุ่น ให้ผลลัพธ์ที่คาดหวังได้ รวมถึง Vivo Y20sG ตัวนี้ด้วยเช่นกัน เป็นกล้องที่ให้คุณภาพที่ดี และยังคงมีลูกเล่นสนุก ๆ จากรุ่นใส่เข้ามาทำให้กลายเป็นกล้องที่ถ่ายสนุกอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว 

กล้องของ Y20sG มีระบบ AI Camera ใส่มาให้ด้วยนะ ซึ่งระบบจะทำงานแบบอัตโนมัติให้ทันที ที่เราเปิดใช้งานกล้องถ่ายรูป โดยที่ตัว AI จะทำการคำนวณให้ว่าเรากำลังถ่ายรูปวัตถุอะไรอยู่? จากนั้นก็จะทำการ Present โหมดถ่ายรูปที่เหมาะสมกับวัตถุนั้น ๆ ขึ้นมาเป็นโหมดถ่ายรูปให้อัตโนมัติ ที่เหลือเราก็แค่แตะปุ่มชัตเตอร์ก็ได้รูปสวย ๆ ออกมาเรียบร้อย ลองไปดูภาพตัวอย่างกันครับ

นอกจาก AI Camera ที่เน้นถ่ายออโต้โหมดให้สวยแล้ว ทางวีโว่ยังใส่โหมดถ่ายภาพ Portrait แยกมาให้ด้วยกันถึงสองรูปแบบคือ โหมดภาพบุคคล และ โหมด Bokeh ซึ่งทั้งสองโหมดนี้รูปแบบการถ่ายจะเหมือนกันคือ สำหรับถ่ายภาพบุคคล แต่ความสะดวกในการใช้งานจะแตกต่างกันอยู่นะครับ เพราะตอนแรกผมเองก็งงว่า ทำไมวีโว่ถึงใส่โหมดนี้มาซ้อนกันถึงสองอัน แต่พอใช้งานไปเรื่อย ๆ เลยเข้าใจถึงบทบาทการใช้งานของทั้งคู่

โดยโหมดถ่ายภาพบุคคล จะเป็นโหมดอัตโนมัติที่พอปัดเข้าสู่โหมดนี้ก็สามารถกดถ่ายได้ทันที ซึ่งตัวซอฟต์แวร์กล้องจะนำภาพไปโปรเซสเพื่อปรับแต่งละลายพื้นหลังและโทนสีให้ออกมาเหมาะสมและสวยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่วนอีกโหมดคือ "Bokeh" โหมดนี้จะเป็นโหมดที่เปิดอิสระให้เราเลือกปรับค่ารูรับแสงของกล้องเองได้ ทำให้เราเลือกการละลายพื้นหลังได้ตามชอบ และภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมดนี้จะสามารถนำไปปรับการละลายในภายหลังเองได้ด้วย ซึ่งนี้คือความแตกต่างของสองโหมดนี้ครับ ลองไปดูภาพตัวอย่างกัน

นอกจากการถ่ายภาพ Portrait ทั่วไปแล้ว ทางวีโว่ยังใส่ลูกเล่นน่ารัก ๆ อย่าง Filter effect เข้ามาให้เลือกปรับแต่งหลายอย่างด้วย ซึ่งการมีลูกเล่นเหล่านี้เข้ามาก็จะช่วยให้เราครีเอทภาพถ่ายของเราให้ดูมีมิติและน่าสนใจมากขึ้น เพราะเราจะสามารถแต่งเติมโทนสีใหม่ ๆ เข้าไปในภาพ หรือเปลี่ยนมุมมองของภาพไปเลยก็ได้นะ ด้วยการเลือกปรับสีของภาพเฉพาะจุดให้เกิดเป็นจุดเด่นขึ้นมาได้ ซึ่งผมมีตัวอย่างภาพถ่ายที่นำ Filter effect ไปปรับใช้งานกับการถ่ายภาพบุคคลมาฝากกันด้วยครับ ลองไปชมกัน

• หน้าเมนู Filter effect

อีกหนึ่งความสามารถของกล้องถ่ายรูป Triple camera บน Vivo Y20sG กับการถ่ายรูป "Macro" หรือการถ่ายภาพในระยะใกล้วัตถุ ทำให้เราสามารถถ่ายทอดเรื่องราวของวัตถุนั้น ๆ ด้วยรายละเอียดที่ใกล้มาก ๆ จนเกิดเป็นเรื่องราวใหม่ ๆ ของโลกใบเล็กก็ว่าได้ โดยกล้องของ Y20sG จะสามารถถ่ายภาพมาโครได้ใกล้วัตถุมากสุดที่ระยะ 4 เซนติเมตร บนความละเอียดของเซ็นเซอร์กล้อง 2MP (F2.4) ลองไปชมภาพตัวอย่างจากโหมดมาโครกันครับ

มากันการถ่ายภาพเซลฟี่ด้วยกล้องหน้าความละเอียด 8MP (F1.8) กันบ้างครับ สำหรับกล้องของ Y20sG ยังคงเป็นกล้องที่ถ่ายเซลฟี่ได้ดีเหมือนกับรุ่นอื่น ๆ ของวีโว่ โดยยังคงเอกลักษณ์ในเรื่องของความเนียนใส อมชมพู น่ารัก เหมือนเช่นเดิม ที่เพิ่มเติมคือลูกเล่นใหม่ ๆ อย่างเช่น Filter effect ที่เหมือนกับกล้องหลัง ซึ่งทางวีโว่หยิบใส่เข้ามาให้ด้วยนะ ลองไปดูผลงานของกล้องหน้ากันครับ

• หน้าเมนูใช้งานกล้องหน้า

มาถึงบทสรุปกันแล้วนะครับ ซึ่งจากประสบการณ์ส่วนตัวที่ได้มีโอกาสรีวิว Vivo Y Series มาตลอดเกือบทุกรุ่น และพอได้มาลองจับ Vivo Y20sG ความรู้สึกที่เกิดขึ้นคือ "เออ! เป็นสมาร์ตโฟนที่คุ้มดีนะ" เพราะเมื่อมองเทียบกับราคาค่าตัว 5,999 บาท กับสิ่งที่ได้รับกลับมาไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสเปกตัวเครื่อง, งานออกแบบ และประสบการณ์การใช้งานที่เกิดขึ้นตลอดเวลา 1 อาทิตย์ที่ผมได้ใช้งาน มันเป็นมือถืออีกรุ่นของวีโว่ที่ทำออกมาได้ดีพอสมควรนะ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใส่ชิปเกมมิ่ง Helio G80 ที่ผมได้เกริ่นไปในรีวิวแล้วว่าชิปตัวนี้ถึงจะทำตลาดสักพักแล้ว แต่ความเก่งก็ยังไว้ลายอยู่เหมือนกัน หรือจะเป็นงานออกแบบที่ดูดีและแน่นหนาไว้ใจได้อยู่แล้วกับการเป็นสมาร์ตโฟนแบรนด์ Vivo 

ขยับมาที่สเปกตัวเครื่องก็ถือว่าใส่มาให้แน่นเหมือนกัน ทั้ง RAM และ ROM รวมถึงแบตเตอรี่ 5,000 mAh ถ้าจะติก็คงเป็นเรื่องของพอร์ตชาร์จที่ยังใช้ MicroUSB แค่นั้นแหละครับ นอกนั้นถือว่าเหลือ ๆ สำหรับการใช้งานในแต่ละวัน ดังนั้นถ้าให้สรุปเลยว่า Vivo Y20sG รุ่นนี้เหมาะกับใคร? ผมก็ตอบเลยว่า เจ้า Y20sG รุ่นนี้ จะเป็นสมาร์ตโฟนคู่ใจกับคนที่กำลังมองหา "มือถือเอาไว้เล่นเกม และใช้งานทั่วไป ในราคาที่เข้าถึงได้" ภายใต้ความมั่นใจของแบรนด์ Vivo ! ซึ่งถ้าใช่คุณรุ่นนี้คือคำตอบครับ!!

Vivo ประเทศไทย วางจำหน่าย Vivo Y20s G ในราคา 5,999 บาท พร้อมสีตัวเครื่องให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 2 สี คือสีฟ้า Purist blue ในรีวิวนี้ กับสีดำ Obsidian Black ซึ่งวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้วทั่วประเทศผ่านร้านค้าชั้นนำและ Vivo Brand shop ทุกสาขา ใครที่ชื่นชอบก็สามารถไปจับจองเป็นเจ้าของกันได้เลย รับรองว่านี้คือ สมาร์ตโฟนสุดคุ้มอีกตัวของ Vivo ในช่วงต้นปีแบบนี้