คินดริล หรือ Kyndryl ผู้ให้บริการระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลกเผยข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับบทบาทและศักยภาพของเครือข่ายไร้สาย 5G แบบส่วนตัว (private 5G wireless networks) ที่จะสามารถสร้างคุณค่าให้กับธุรกิจได้อย่างมหาศาล สร้างความเปลี่ยนแปลง และช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยและอาเซียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เครือข่ายไร้สาย (wireless networks) ถือเป็นรากฐานสำคัญสำหรับธุรกิจและเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีของระบบธุรกิจ แต่กลับถูกเข้าใจผิดมานานว่าเป็นเพียงเทคโนโลยีเชิงปฏิบัติการ ในความเป็นจริงแล้ว ทุกวันนี้เครือข่ายไร้สายมีบทบาทในการทำให้สามารถใช้งานข้อมูลเชิงลึกได้แบบเรียลไทม์และเข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกแห่งการเชื่อมต่อ
ซูซาน ฟอลลิส กรรมการผู้จัดการ คินดริล ASEAN และ APAC/MEA Growth Unit กล่าวว่า "ปัจจุบัน การใช้งานเครือข่ายไร้สายกำลังเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ เครือข่าย 5G แบบส่วนตัวจะเป็นโอกาสสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในเอเชียแปซิฟิก อาทิ อุตสาหกรรมการผลิต โลจิสติกส์และการขนส่ง และการบริการด้านสุขภาพ จากรายงานหลายฉบับ มีการคาดการณ์ว่าในปีพ.ศ. 2568 ทั้งสามอุตสาหกรรมนี้จะมีสัดส่วนมากกว่า 60% จากการติดตั้งระบบ (deployment) ที่เป็นไปได้ทั้งหมดในเอเชียแปซิฟิก"
"ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นโอกาสดีสำหรับหลายองค์กรที่สนใจนำเครือข่ายไร้สายแบบส่วนตัวมาใช้ในองค์กร เพราะจะช่วยให้องค์กรสามารถจัดการควบคุมการดำเนินงานภายใต้ระบบความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพมากกว่า ในขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่เป็นช่องทางส่งถ่ายข้อมูลที่ทำให้ AI (ปัญญาประดิษฐ์) และ ML (การทำให้ระบบคอมพิวเตอร์เรียนรู้ได้ด้วยตนเองโดยใช้ข้อมูล) ทำงานได้ สัญญาณความเร็วสูงครอบคลุมพื้นที่อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เพิ่มความปลอดภัยให้พนักงานและเพิ่มความสามารถในการผลิต เพิ่มประสิทธิภาพทางธุรกิจและเพิ่มความสามารถใหม่ที่หลากหลาย อาทิ เทคโนโลยีความเป็นจริงเสริม (Augmented Reality) ยานพาหนะนำทางอัตโนมัติ หุ่นยนต์ที่มีความเที่ยงตรงแม่นยำ และความสามารถในการสร้างข้อมูลที่สามารถนำไปใช้ในการตัดสินใจทางธุรกิจได้แบบเรียลไทม์" คุณซูซาน กล่าวเสริม
ศักยภาพของเครือข่ายส่วนตัว (Private Networks)
ไวไฟ (Wi-Fi) สำหรับการเชื่อมต่อแบบดั้งเดิม ส่วนใหญ่อาศัยการทำงานร่วมกันกับผู้ให้บริการเครือข่าย ขณะที่เครือข่ายส่วนตัวเป็นเครือข่ายที่สร้างขึ้นบนคลื่นความถี่ที่สงวนไว้เฉพาะสำหรับสภาพแวดล้อมของลูกค้าที่ใช้เทคโนโลยีซึ่งเช่าจากผู้ให้บริการเครือข่ายหรือเจ้าของคลื่นความถี่รายอื่น เช่น จากทางรัฐบาล
เครือข่ายส่วนตัวนี้เองจะช่วยให้ธุรกิจเป็นอิสระจากผู้ให้บริการโทรคมนาคมและสามารถควบคุมการจัดการเครือข่ายของตนได้อย่างเต็มที่ โดยองค์กรธุรกิจต่าง ๆ จะสามารถกำหนดได้เลยว่าเครือข่ายของตนจะสามารถเชื่อมต่อกับอะไรได้บ้าง และจะเชื่อมต่ออย่างไร รวมถึงสามารถตั้งค่านโยบายการใช้งานว่าอุปกรณ์ชิ้นใดบ้างที่จะสามารถเข้าถึงการใช้งานได้เมื่ออยู่ในเครือข่ายส่วนตัว
การดำเนินการเช่นนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การมอบอำนาจการควบคุมให้แก่บริษัทต่าง ๆ ในการปรับเครือข่ายให้เหมาะกับการใช้งานเฉพาะองค์กรเท่านั้น แต่ยังเป็นโซลูชันที่คุ้มค่าอีกด้วย เนื่องจากต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของ (TCO) เครือข่ายส่วนตัวนั้นต่ำกว่าต้นทุนของเครือข่ายไร้สายแบบดั้งเดิมมาก ทั้งยังช่วยให้องค์กรต่าง ๆ สามารถจัดลำดับความสำคัญต้นทุนการดำเนินงานได้ดีขึ้น และดำเนินงานได้อย่างคล่องตัว (agile) ผ่านการติดตั้งระบบที่รวดเร็วขึ้น
เครือข่ายส่วนตัวมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับสภาพแวดล้อมในพื้นที่อุตสาหกรรมที่การเชื่อมต่อไวไฟอาจขาด ๆ หาย ๆ และทำให้ยากต่อการติดตั้งระบบ และยังช่วยแก้ปัญหาจุดอับสัญญาณ เช่น ในจุดที่สัญญาณอ่อนหรือไม่เสถียร ซึ่งจุดอับสัญญาณนี้อาจเกิดจากการมีสัญญาณรบกวน มีสิ่งกีดขวางทางกายภาพ และระยะทาง เครือข่ายส่วนตัวจะเข้ามาลดปัญหานี้ ด้วยเหตุนี้ เครือข่ายส่วนตัวจึงมีประโยชน์อย่างมากโดยเฉพาะในพื้นที่อุตสาหกรรมที่มีสภาพแวดล้อมที่มีการสะท้อนสัญญาณสูง หรือไซต์งานที่โครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายแบบดั้งเดิมเข้าถึงได้ยาก เป็นต้น
นอกจากนี้ เครือข่ายส่วนตัวยังให้ประโยชน์ด้านความปลอดภัยมากมาย อาทิ ช่วยให้องค์กรสามารถยกระดับมาตรการความปลอดภัยให้สูงขึ้น เช่น วิธีการยืนยันตัวตนเข้าใช้งานเครือข่ายด้วย SIM และการเข้ารหัสการเชื่อมต่อทางอากาศที่รัดกุม เป็นต้น โดยเครือข่ายส่วนตัวสามารถกำหนดบทบาทด้านความปลอดภัย (Security Role) ให้กับอุปกรณ์แต่ละชิ้น ทำให้องค์กรสามารถควบคุมระบบและรักษาความปลอดภัยได้ง่ายขึ้น
สภาพแวดล้อมแบบไร้สายและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เครือข่ายไร้สายควบคุม ทำหน้าที่สำคัญในการดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับองค์กร ดังนั้น การพยายามเข้ามารบกวนหรือก่อวินาศกรรมของผู้ไม่ประสงค์ดีจำเป็นต้องถูกจัดการด้วยระบบรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง ซึ่งมีเพียงเครือข่ายไร้สายส่วนตัวเท่านั้นที่สามารถทำได้
ตัวอย่างการนำเครือข่ายส่วนตัว (private networks) มาใช้ในงานจริง
ดาว เคมิคอล (Dow Chemical) ได้เริ่มติดตั้งระบบเครือข่ายส่วนตัวเมื่อไม่นานมานี้ ดาว (Dow) ได้เปลี่ยนรูปแบบการดำเนินงานด้านการผลิตเป็นแบบดิจิทัลมากว่าทศวรรษ เพื่อปรับปรุงและทำให้กระบวนการดำเนินงานและงานบำรุงรักษาคล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ดาว (Dow) ต้องการให้ข้อมูลที่จำเป็นพร้อมใช้งานได้ทันที ผู้เชี่ยวชาญที่ปฏิบัติการด่านหน้าสามารถนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้งานได้อย่างง่ายดาย เพื่อให้พวกเขาโต้ตอบ ทำงานร่วมกัน และแก้ปัญหาได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว ท้ายที่สุดเป้าหมายคือการทำให้ทีมปฏิบัติการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็เพิ่มผลผลิตและความน่าเชื่อถือของโรงงาน
ดาว (Dow) ทำงานร่วมกับคินดริล (Kyndryl) และโนเกีย (Nokia) ในการติดตั้งระบบเครือข่ายไร้สายส่วนตัวและเครือข่ายเอดจ์อย่างเต็มรูปแบบที่ศูนย์การผลิตเคมีแบบบูรณาการที่ใหญ่ที่สุดในซีกโลกตะวันตกซึ่งครอบคลุมพื้นที่กว่าหนึ่งล้านตารางฟุต
การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อปรับเปลี่ยนกระบวนการทางธุรกิจแบบเรียลไทม์ส่งผลให้ดาว (Dow) สามารถนำเทคโนโลยีความเป็นจริงเสริม (Augmented Reality) มาใช้ในองค์กร, สามารถทำงานร่วมกันผ่านเสียงและวิดีโอระยะไกล ดำเนินงานอัจฉริยะได้แบบเรียลไทม์ ติดตามบุคลากรในสถานที่ทำงาน ยกระดับความปลอดภัยของพนักงานให้ดีขึ้น และยังสามารถนำเทคโนโลยีเทเลเมติกส์ (Telematics) ของยานพาหนะมาใช้ในองค์กร
นอกจากนี้ การนำเครือข่าย 5G ที่มีแบนด์วิธสูงและความหน่วงต่ำมาใช้ จะช่วยให้องค์กรสามารถส่งมอบบริการใหม่ ๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่สามารถทำได้มาก่อน ทั้งนี้ เช่นเดียวกับประสบการณ์ของดาว (Dow) 5G มีศักยภาพในการยกระดับระบบอัตโนมัติ (Automation), ประสิทธิภาพการดำเนินงาน และการเติบโตอย่างยั่งยืนสำหรับองค์กรในประเทศไทย ด้วยการปลดปล่อยพลังของ AI, การวิเคราะห์ข้อมูล, IoT และคลาวด์คอมพิวติ้ง ที่ยังไม่ได้ถูกนำมาใช้อย่างเต็มศักยภาพ
การร่วมมือเพื่อความสำเร็จ
แม้เครือข่ายส่วนตัวจะมีประโยชน์ แต่บางครั้งผู้นำด้านเทคโนโลยีก็ลังเลที่จะใช้เครือข่าย 5G แบบส่วนตัว เพราะความเข้าใจผิดบางประการในการติดตั้งเครือข่าย 5G ส่วนตัว ที่ว่าจะต้องมีการยกเครื่องโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของบริษัทที่มีอยู่ใหม่ทั้งหมด อาจจะทำให้การดำเนินงานติดขัด หรืออาจมีช่องว่างทางความรู้เกี่ยวกับความพร้อมใช้งานของคลื่นความถี่ และประโยชน์ของเครือข่ายส่วนตัว 5G เป็นต้น
เพื่อให้แน่ใจว่าเครือข่ายส่วนตัวได้ถูกนำไปใช้อย่างกว้างขวางและราบรื่นในอุตสาหกรรมต่าง ๆ องค์กรทั้งหลายจะต้องเข้าใจคลื่นความถี่ที่พวกเขากำลังจะใช้ และจับคู่คลื่นความถี่นั้นกับเทคโนโลยีที่องค์กรกำลังจะติดตั้ง โดยองค์กรควรเลือกพันธมิตรที่มีความรู้ความเข้าใจวิธีการได้มาซึ่งคลื่นความถี่ในประเทศนั้น ๆ รวมถึงวิธีการผสานรวมเข้ากับข่ายงานบริเวณระยะใกล้ (LAN), ข่ายงานที่มีการเชื่อมต่อระยะไกล (WAN) และระบบคลาวด์สาธารณะ เพื่อให้สามารถถ่ายโอนและวิเคราะห์ข้อมูลระหว่างกันได้ ท้ายที่สุดแล้ว พันธมิตรที่รอบรู้และไว้ใจได้จะเป็นตัวช่วยสำคัญที่จะช่วยแนะนำคลื่นความถี่ที่ถูกต้องที่เหมาะกับองค์กรที่แตกต่างกันออกไปได้
อนาคตของระบบเครือข่ายอัจฉริยะ
ถึงแม้ว่าการติดตั้งระบบโซลูชันไร้สายต้องพบกับความท้าทายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่โซลูชันไร้สายเป็นเทคโนโลยีที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อปรับเปลี่ยนกระบวนการทางธุรกิจและช่วยเร่งการเติบโตของธุรกิจ ในขณะที่เทคโนโลยีไร้สายขั้นสูงอีกมากมาย เช่น Wi-Fi 6 ยังคงพัฒนาอยู่ ความนิยมในการเลือกใช้การเชื่อมต่อแบบไฮบริดเองก็มีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้น เพราะสุดท้ายแล้ว โซลูชันแบบเดียวคงไม่สามารถตอบโจทย์ของแต่ละองค์กรที่มีปัจจัยแตกต่างกันได้
และเพื่อตอบรับกับทิศทางของตลาด เมื่อจำนวนอุปกรณ์เชื่อมต่อสำหรับสภาพแวดล้อมในพื้นที่อุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่งสำหรับองค์กรในประเทศไทยที่จะต้องติดตั้งระบบเครือข่าย 5G ส่วนตัวเพื่อช่วยในการขับเคลื่อนและจัดการข้อมูลเชิงลึกจากข้อมูลจำนวนมากมายมหาศาลที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
"เครือข่ายไร้สายส่วนตัวจะแพร่หลายในอุตสาหกรรมต่าง ๆ และกลายเป็นส่วนสำคัญของโครงสร้างพื้นฐานขององค์กร ในอีกห้าปีข้างหน้า เมื่อองค์กรต่าง ๆ มองย้อนกลับมาและไตร่ตรอง พวกเขาจะตระหนักถึงประโยชน์ที่ได้รับจากการใช้ศักยภาพของเครือข่ายไร้สายส่วนตัว (private wireless network)" คุณซูซาน กล่าวปิดท้าย