Microsoft เข้าซื้อกิจการ Activision Blizzard มูลค่าสูงถึง 68.7 พันล้านดอลลาร์ (95.00 ดอลลาร์ต่อหุ้น) ซึ่งจากดีลครั้งนี้ส่งผลให้ Microsoft ขึ้นมาเป็นผู้ผลิตเกมรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก รองจาก Tencent และ Sony สำหรับแฟรนไชส์ยอดนิยมของ Activision Blizzard (รวมไปถึง King studios) ได้แก่ “Warcraft”, “Diablo”, “Overwatch”, “Call of Duty” และ “Candy Crush” เป็นต้น ด้วยรายชื่อเกมยอดนิยมทั้งบน PC, Consoles และ Smartphone เหล่านี้ จะช่วยให้ Microsoft ขยายธุรกิจเกมไปได้ในทุกๆแพลตฟอร์ม
Microsoft มีแผนจะนำเกมของ Activision Blizzard (รวมไปถึง King studios) เข้าสู่ผู้เล่นมากถึง 25 ล้านราย ที่ลงทะเบียนใว้ โดย Phil Spencer ซึ่งเป็น CEO ของ Microsoft Gaming วางแผนจะเผยแพร่เกมของ Activision Blizzard ให้ถึงมือผู้เล่นมากที่สุดทั้งบน XBOX Series และ PC Game Passes ทั้งเกมในปัจจุบัน และเกมใหม่ในอนาคต ซึ่งจะช่วยเร่งการเติบโตของ Xbox Cloud Gaming
Activision Blizzard และ King studios มีมูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์ และมีผู้เล่นเกมของค่ายสูงถึง 400 ล้านคนต่อเดือน และมีพนักงานเกือบ 10,000 คน เมื่อการซื้อกิจการเสร็จสมบูรณ์ Microsoft จะมีสตูดิโอพัฒนาเกม 30 แห่ง พร้อมด้วยประสบการณ์หลายทศวรรษในการพัฒนาเกมระดับตำนาน
Bobby Kotick จะยังคงดำรงตำแหน่ง CEO ของ Activision Blizzard แต่หลังจากการซื้อกิจการเสร็จสิ้น เขาต้องขึ้นตรงกับ Phil Spencer ซึ่งเป็น CEO ของ Microsoft Gaming และอาจจะต้องลาออกจากการถูกอดีตพนักงานกล่าวหาเรื่องการประพฤติมิชอบทางเพศ และการล่วงละเมิดโดยผู้บริหาร โดยล่าสุดผู้บริหารหลายสิบคนถูกไล่ออก และอีกหลายสิบคนถูกตำหนิอย่างเป็นทางการ ข้อตกลงคาดว่าจะเสร็จสิ้นในปลายปีนี้ แอบน่าใจหายเหมือนกันนะครับ
ที่มา microsoft